สุขวิชโนมิกส์: โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กับการพัฒนาระบบสุขภาพชนบทผ่านความร่วมมือรัฐและเอกชน
Sukavichinomics and the Crown Prince Hospitals: A Model of Rural Public Health through Public–Private Partnerships in the Thanin Era
บทคัดย่อ
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.) คือแบบอย่างสำคัญของการพัฒนาระบบสาธารณสุขชนบทในประเทศไทย ยุคคอมมิวนิสต์ บน พื้นที่สีชมพู โดยรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นการเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบ Public–Private Partnership (PPP) ที่ประสบผลสำเร็จอย่างโดดเด่นในประวัติศาสตร์การพัฒนาชนบทไทย และเป็นรากฐานของแนวคิด “สุขวิชโนมิกส์” (Sukavichinomics) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาโดยยึด “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ด้วยกลไกที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน
1. บริบททางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในยุคธานินทร์
ช่วงปลายทศวรรษ 2510 ประเทศไทยเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและความขัดแย้งทางอุดมการณ์อย่างรุนแรง รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งมีอายุสั้นแต่เร่งเดินหน้านโยบายความมั่นคงและการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ได้เริ่มโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาชนบท โดยเฉพาะการจัดตั้งสถานพยาบาลที่เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ “สีชมพู” ซึ่งมีความอ่อนไหวทางการเมืองและความมั่นคง
2. จุดกำเนิดของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
โครงการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง โดยมีแนวคิดริเริ่มจากภาครัฐผ่านกระทรวงสาธารณสุข แต่ที่สำคัญคือการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาคเอกชน โดยมี บริษัท CALTEX ที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณและอุปกรณ์ทางการแพทย์
ในขณะเดียวกัน คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล และ CALTEX ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทุน และ ออกแบบกลไกการดำเนินงานอย่างยืดหยุ่น ทำให้โครงการสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของระบบราชการแบบดั้งเดิม และสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส โครงการนี้ใช้แนวคิดใหม่ในการออกแบบระบบโรงพยาบาลชนบทที่ไม่เพียงรักษาโรค แต่ยังเน้นบทบาทของโรงพยาบาลในฐานะศูนย์รวมของชุมชน
3. สุขวิชโนมิกส์: การพัฒนาคุณภาพมนุษย์ผ่านระบบสุขภาพชนบท
แนวคิด “สุขวิชโนมิกส์” หรือ Sukavichinomics มุ่งเน้นการพัฒนาเชิงมนุษย์โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระดับรากหญ้า ภายใต้แนวทาง “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” และ “การมีส่วนร่วมของชุมชน” ซึ่งแตกต่างจากแนวทางบนลงล่าง (top-down) แบบเดิม กลไก PPP ที่นำมาใช้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนั้นเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในกระบวนการตัดสินใจ บริหาร และติดตามผลการดำเนินงาน ส่งผลให้เกิดความเป็นเจ้าของร่วมกันในชุมชน และสามารถรักษาความยั่งยืนของโครงการได้ในระยะยาว
4. คุณ
พ่อสุขวิช รังสิตพล ในฐานะ
รองประธานมูลนิธิ
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ดำรงตำแหน่งรองประธานมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบนโยบาย กำกับการดำเนินงาน และเชื่อมโยงทุนจากภาคเอกชนเข้าสู่ระบบสาธารณสุขของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่รัฐมีข้อจำกัดในการเข้าถึง
การพัฒนาโรงพยาบาลชไม่ควรใช่เป็นเพียงการจัดสรรงบประมาณและบุคลากรจากส่วนกลาง แต่สร้างระบบที่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีบทบาทในการพัฒนาอย่างแท้จริง เขาเน้นการบริหารแบบยืดหยุ่น โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาร่วมสมัยในระดับสากล
5. ผลกระทบและความสำเร็จของโครงการ
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสามารถยกระดับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกลอย่างเป็นระบบ โดยลดระยะเวลารอคอย เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษา และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางเข้าสู่เมืองใหญ่เพื่อรักษาตัว นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการจ้างงานและการสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐในพื้นที่ที่เคยเปราะบางทางการเมือง
ในเชิงนโยบายสาธารณะ โครงการนี้ยังเป็นต้นแบบให้กับการพัฒนาระบบสาธารณสุขถ้วนหน้าในยุคต่อมา และกลายเป็นรากฐานสำคัญในการออกแบบระบบสุขภาพแบบมีส่วนร่วมในระดับประเทศ
6. สรุป
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ “สุขวิชโนมิกส์” ในการผสานพลังของภาครัฐ เอกชน และประชาชนเพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืน การดำเนินโครงการในยุคที่ยังไม่มีแนวคิดประชานิยมอย่างชัดเจนนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การพัฒนาคุณภาพมนุษย์สามารถทำได้แม้ในภาวะที่ทรัพยากรจำกัด หากมีวิสัยทัศน์และกลไกที่ยืดหยุ่นเพียงพอ
สุขวิชโนมิกส์จึงไม่ใช่เพียงแนวคิดเชิงนโยบาย แต่คือกรอบคิดที่ยืนยันว่า “รัฐที่ชาญฉลาดไม่จำเป็นต้องใหญ่ แต่ต้องเชื่อมโยงคนที่ใช่จากภาคส่วนต่าง ๆ มาทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง”
สุขวิชโนมิกส์: โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กับการพัฒนาระบบสุขภาพชนบทผ่านความร่วมมือรัฐและเอกชน
Sukavichinomics and the Crown Prince Hospitals: A Model of Rural Public Health through Public–Private Partnerships in the Thanin Era
บทคัดย่อ
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.) คือแบบอย่างสำคัญของการพัฒนาระบบสาธารณสุขชนบทในประเทศไทย ยุคคอมมิวนิสต์ บน พื้นที่สีชมพู โดยรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นการเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบ Public–Private Partnership (PPP) ที่ประสบผลสำเร็จอย่างโดดเด่นในประวัติศาสตร์การพัฒนาชนบทไทย และเป็นรากฐานของแนวคิด “สุขวิชโนมิกส์” (Sukavichinomics) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาโดยยึด “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ด้วยกลไกที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน
1. บริบททางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในยุคธานินทร์
ช่วงปลายทศวรรษ 2510 ประเทศไทยเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและความขัดแย้งทางอุดมการณ์อย่างรุนแรง รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งมีอายุสั้นแต่เร่งเดินหน้านโยบายความมั่นคงและการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ได้เริ่มโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาชนบท โดยเฉพาะการจัดตั้งสถานพยาบาลที่เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ “สีชมพู” ซึ่งมีความอ่อนไหวทางการเมืองและความมั่นคง
2. จุดกำเนิดของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
โครงการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง โดยมีแนวคิดริเริ่มจากภาครัฐผ่านกระทรวงสาธารณสุข แต่ที่สำคัญคือการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาคเอกชน โดยมี บริษัท CALTEX ที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณและอุปกรณ์ทางการแพทย์
ในขณะเดียวกัน คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล และ CALTEX ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทุน และ ออกแบบกลไกการดำเนินงานอย่างยืดหยุ่น ทำให้โครงการสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของระบบราชการแบบดั้งเดิม และสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส โครงการนี้ใช้แนวคิดใหม่ในการออกแบบระบบโรงพยาบาลชนบทที่ไม่เพียงรักษาโรค แต่ยังเน้นบทบาทของโรงพยาบาลในฐานะศูนย์รวมของชุมชน
3. สุขวิชโนมิกส์: การพัฒนาคุณภาพมนุษย์ผ่านระบบสุขภาพชนบท
แนวคิด “สุขวิชโนมิกส์” หรือ Sukavichinomics มุ่งเน้นการพัฒนาเชิงมนุษย์โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระดับรากหญ้า ภายใต้แนวทาง “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” และ “การมีส่วนร่วมของชุมชน” ซึ่งแตกต่างจากแนวทางบนลงล่าง (top-down) แบบเดิม กลไก PPP ที่นำมาใช้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนั้นเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในกระบวนการตัดสินใจ บริหาร และติดตามผลการดำเนินงาน ส่งผลให้เกิดความเป็นเจ้าของร่วมกันในชุมชน และสามารถรักษาความยั่งยืนของโครงการได้ในระยะยาว
4. คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ในฐานะ รองประธานมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ดำรงตำแหน่งรองประธานมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบนโยบาย กำกับการดำเนินงาน และเชื่อมโยงทุนจากภาคเอกชนเข้าสู่ระบบสาธารณสุขของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่รัฐมีข้อจำกัดในการเข้าถึง
การพัฒนาโรงพยาบาลชไม่ควรใช่เป็นเพียงการจัดสรรงบประมาณและบุคลากรจากส่วนกลาง แต่สร้างระบบที่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีบทบาทในการพัฒนาอย่างแท้จริง เขาเน้นการบริหารแบบยืดหยุ่น โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาร่วมสมัยในระดับสากล
5. ผลกระทบและความสำเร็จของโครงการ
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสามารถยกระดับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกลอย่างเป็นระบบ โดยลดระยะเวลารอคอย เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษา และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางเข้าสู่เมืองใหญ่เพื่อรักษาตัว นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการจ้างงานและการสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐในพื้นที่ที่เคยเปราะบางทางการเมือง
ในเชิงนโยบายสาธารณะ โครงการนี้ยังเป็นต้นแบบให้กับการพัฒนาระบบสาธารณสุขถ้วนหน้าในยุคต่อมา และกลายเป็นรากฐานสำคัญในการออกแบบระบบสุขภาพแบบมีส่วนร่วมในระดับประเทศ
6. สรุป
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ “สุขวิชโนมิกส์” ในการผสานพลังของภาครัฐ เอกชน และประชาชนเพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืน การดำเนินโครงการในยุคที่ยังไม่มีแนวคิดประชานิยมอย่างชัดเจนนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การพัฒนาคุณภาพมนุษย์สามารถทำได้แม้ในภาวะที่ทรัพยากรจำกัด หากมีวิสัยทัศน์และกลไกที่ยืดหยุ่นเพียงพอ
สุขวิชโนมิกส์จึงไม่ใช่เพียงแนวคิดเชิงนโยบาย แต่คือกรอบคิดที่ยืนยันว่า “รัฐที่ชาญฉลาดไม่จำเป็นต้องใหญ่ แต่ต้องเชื่อมโยงคนที่ใช่จากภาคส่วนต่าง ๆ มาทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง”