เรามักถูกสอนให้รู้จักขอโทษและรู้จักให้อภัย
เรามักถูกสอนว่าเมื่อทำผิดแล้วควรรู้จักการสำนึกผิด
การขอโทษคือสิ่งที่ผู้สำนึกผิดควรทำ
การให้อภัยคือสิ่งที่ควรทำ
แต่ก็นั่นแหละ ในทุกทฤษฎีมีข้อยกเว้นยังไง
ในสิ่งนี้ก็เช่นกัน
บางครั้งคำขอโทษคือเครื่องมือที่จะอำนวยความสะดวกให้ใครคนนึงทำร้ายใครอีกคนได้ซ้ำๆ
บางครั้งคำขอโทษคือเครื่องมือที่ทำให้ใครคนนึงยอมให้อภัยใครอีกคนนึงได้ซ้ำๆ
เราจึงเห็นเหยื่อมากมายที่ถูกกระทำถูกทำร้าย บางคนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ Toxic และไม่สามารถออกมาได้
ผู้คนมักจะตั้งคำถามว่าถูกเขาทำขนาดนั้นจะยังอยู่ไปเพื่ออะไร?
หากได้ลงลึกในทุกเรื่องราวดีๆจุดอ่อนของเรื่องนี้คือคำขอโทษ ที่ทำให้เหยื่อให้อภัยซ้ำๆ
เรามักจะถูกสอนให้มองที่ปัจจุบัน และนี่คือจุดอ่อน
ก็ปัจจุบันในตอนนี้เขาสำนึกแล้วไง!
แต่เราไม่ได้มองถึงภาพรวม ว่าลูปนี้มันวนซ้ำมาแล้วกี่ครั้ง
และคำขอโทษนั้นมาจากความสำนึกจริงๆหรือไม่
การที่ใครสักคนขอโทษแล้วกลับไปทำพฤติกรรมเดิมซ้ำๆ ซ้ำๆ
เขาควรได้รับโอกาสนับครั้งไม่ถ้วนจริงหรือ?
อย่าตกเป็นเหยื่อของคำขอโทษ คนเราให้อภัยและให้โอกาสคนได้
แต่ควรมีลิมิตว่าให้ได้กี่ครั้ง หากมันวนเป็นลูปเดิมซ้ำๆ เราควรเป็นผู้หยุดวงจรนั้นเอง
ถอยออกมา อย่าวิ่งวนในวงจรแห่งความทุกข์ที่ไม่รู้จบ
ให้อภัยได้แต่อย่าให้โอกาสในแบบเดิมๆซ้ำๆที่สูญเปล่า
เพราะอีกนัยยะหนึ่ง
การให้โอกาสของเราอาจจะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สนับสนุนให้ใครอีกคนทำผิดซ้ำๆ
เหยื่อของคำขอโทษ
เรามักถูกสอนว่าเมื่อทำผิดแล้วควรรู้จักการสำนึกผิด
การขอโทษคือสิ่งที่ผู้สำนึกผิดควรทำ
การให้อภัยคือสิ่งที่ควรทำ
แต่ก็นั่นแหละ ในทุกทฤษฎีมีข้อยกเว้นยังไง
ในสิ่งนี้ก็เช่นกัน
บางครั้งคำขอโทษคือเครื่องมือที่จะอำนวยความสะดวกให้ใครคนนึงทำร้ายใครอีกคนได้ซ้ำๆ
แต่ควรมีลิมิตว่าให้ได้กี่ครั้ง หากมันวนเป็นลูปเดิมซ้ำๆ เราควรเป็นผู้หยุดวงจรนั้นเอง
ถอยออกมา อย่าวิ่งวนในวงจรแห่งความทุกข์ที่ไม่รู้จบ
ให้อภัยได้แต่อย่าให้โอกาสในแบบเดิมๆซ้ำๆที่สูญเปล่า
เพราะอีกนัยยะหนึ่ง
การให้โอกาสของเราอาจจะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สนับสนุนให้ใครอีกคนทำผิดซ้ำๆ