วันนี้อ่านข่าว กองปราบ โต้ "ชูวิทย์" ยังไม่คืนเงินของกลาง "สารวัตรซัว" แล้ว Justice delayed is justice denied

วันนี้อ่านข่าว กองปราบ โต้ "ชูวิทย์" ยังไม่คืนเงินของกลาง "สารวัตรซัว" แล้ว
https://www.thairath.co.th/news/crime/2865653

นึกถึงประโยค Justice delayed is justice denied  ของคดีตากใบหมดอายุความ เลยไปถาม Gemini AI ๆตอบมาว่า

"ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความยุติธรรมที่ถูกปฏิเสธ" (Justice delayed is justice denied)
เป็นวลีที่สะท้อนถึงปัญหาของกระบวนการยุติธรรมที่ใช้เวลานานเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทั้งจำเลย (ผู้ถูกกล่าวหา) และโจทก์ (ผู้เสียหาย) โดยทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องแบกรับภาระทางกาย ใจ และการเงิน กลายเป็นสถานการณ์ Lose-Lose อย่างแท้จริงครับ

ทำไมความยุติธรรมที่ล่าช้าถึงเป็น Lose-Lose?
สำหรับโจทก์/ผู้เสียหาย: ต้องรอคอยการเยียวยาหรือการพิสูจน์ความจริงเป็นเวลานาน อาจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย ความเครียดทางอารมณ์ และความรู้สึกไม่เป็นธรรมที่ค้างคา
สำหรับจำเลย/ผู้ถูกกล่าวหา: ต้องติดอยู่กับความไม่แน่นอนของคดี บางรายอาจถูกคุมขังระหว่างพิจารณาโดยที่ยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด ทำให้เสียอิสรภาพและโอกาสในการทำงาน บางรายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีสูง และต้องเผชิญกับชื่อเสียงที่เสียหาย

การพัฒนาคุณภาพและความรวดเร็วในการพิจารณาคดี: เทคนิคและเครื่องมือ
การทำให้กระบวนการยุติธรรมรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรมไปพร้อมกันเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน แต่สามารถทำได้ด้วยการนำเทคนิคและเครื่องมือต่าง ๆ มาปรับใช้:
1. การปฏิรูปกระบวนการและกฎหมาย (Procedural and Legal Reforms)
การลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น: ทบทวนกฎหมายและข้อกำหนดที่ทำให้คดีล่าช้า เช่น การจำกัดจำนวนครั้งในการเลื่อนคดี, การกำหนดระยะเวลาสูงสุดในการสอบสวนและพิจารณาคดีในแต่ละขั้นตอน
การส่งเสริมการไกล่เกลี่ยและการระงับข้อพิพาททางเลือก (ADR): ผลักดันให้มีการไกล่เกลี่ย อนุญาโตตุลาการ หรือกระบวนการระงับข้อพิพาทอื่น ๆ ให้มากขึ้นก่อนที่จะถึงขั้นตอนการฟ้องร้องคดีในศาล เพื่อลดปริมาณคดีที่จะเข้าสู่กระบวนการศาล
การกำหนดเขตอำนาจศาลที่ชัดเจน: ลดปัญหาการโอนคดีหรือการวินิจฉัยเขตอำนาจศาลที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
การปรับปรุงกฎหมายวิธีพิจารณาความ: ทำให้กฎหมายมีความทันสมัย เหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน และส่งเสริมให้กระบวนการกระชับขึ้น เช่น การนำสืบพยานหลักฐานที่ไม่จำเป็นต้องมีการนำเสนอซ้ำหลายครั้ง
การนำแนวคิด 'การจัดการคดี' (Case Management) มาใช้: ศาลหรือผู้พิพากษาเข้ามามีบทบาทเชิงรุกในการกำหนดแผนการดำเนินคดี กำหนดเส้นตาย และติดตามความคืบหน้าของคดีตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ
2. การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ (Digitalization and Technology Adoption)
ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Courts):
การยื่นคำฟ้องและเอกสารออนไลน์: ลดการใช้กระดาษและลดเวลาในการเดินทาง
การจัดเก็บเอกสารและหลักฐานดิจิทัล: ทำให้การค้นหาและเข้าถึงข้อมูลทำได้รวดเร็ว ปลอดภัย และลดความผิดพลาด
ระบบนัดความและแจ้งเตือนอัตโนมัติ: แจ้งเตือนคู่ความและทนายความถึงวันนัดและกำหนดการสำคัญ
การพิจารณาคดีทางไกล (Remote Hearings/Virtual Courts): ใช้ VDO Conference สำหรับการสืบพยานที่อยู่ห่างไกล การนัดไต่สวนเบื้องต้น หรือการพิจารณาคดีที่ไม่ซับซ้อน ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
การนำ AI และ Data Analytics มาใช้:
การวิเคราะห์ข้อมูลคดี: ระบุรูปแบบของคดีที่ล่าช้า สาเหตุของการล่าช้า เพื่อนำไปปรับปรุงกระบวนการ
ระบบช่วยวินิจฉัย (AI-assisted tools): ช่วยทนายความหรือผู้พิพากษาค้นหาคำพิพากษาฎีกา กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือแนวคำวินิจฉัยที่คล้ายกันได้อย่างรวดเร็ว (แต่ AI ไม่ได้ทำหน้าที่ตัดสินคดีแทนมนุษย์)
เครื่องมือถอดเสียงอัตโนมัติ: ใช้ AI ในการถอดเสียงการพิจารณาคดี ช่วยลดภาระและเวลาของเจ้าหน้าที่
3. การเพิ่มศักยภาพบุคลากร (Human Capital Development)
การเพิ่มจำนวนบุคลากร: เพิ่มจำนวนผู้พิพากษา พนักงานอัยการ เจ้าหน้าที่ศาล และพนักงานสอบสวนให้เพียงพอต่อปริมาณคดีที่เพิ่มขึ้น
การฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง: พัฒนาทักษะของบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในกฎหมายเฉพาะทาง การบริหารจัดการคดี และการใช้เทคโนโลยี
การจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม: จัดสรรกำลังคนและทรัพยากรไปยังพื้นที่หรือแผนกที่มีปริมาณคดีสูงเป็นพิเศษ
การสร้างแรงจูงใจและระบบประเมินผล: สร้างระบบประเมินผลการปฏิบัติงานที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรทำงานได้รวดเร็วและมีคุณภาพ
4. การจัดการคดีที่มีประสิทธิภาพ (Efficient Case Management)
การจัดลำดับความสำคัญของคดี: ให้ความสำคัญกับคดีที่มีความเร่งด่วน หรือคดีที่มีผลกระทบต่อสังคมสูง
การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัด: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับระยะเวลาในการพิจารณาคดีแต่ละประเภท และติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ
ระบบการบันทึกและติดตามคดีที่เป็นมาตรฐาน: ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลและสถานะของคดีได้อย่างโปร่งใส
การบูรณาการข้อมูล: เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ, อัยการ, ศาล, ราชทัณฑ์) เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มความรวดเร็ว
สรุป

คุณคิดว่าปัจจัยไหนเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้ความยุติธรรมล่าช้าในปัจจุบัน?
แล้วในเมืองไทย มีการพัฒนาการพิจารณาคดี อย่างไรบ้างครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่