การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไปในสังคมทั้งในอดีตและปัจจุบัน
แม้จะมีการรณรงค์ให้เลิกสูบและข้อมูลทางการแพทย์มากมายที่ยืนยันถึงอันตรายของบุหรี่
แต่ยังมีผู้สูบจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่แน่ใจหรือมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับผลกระทบ
โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อ “มะเร็งปอด”
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
สูบบุหรี่ทุกวัน เสี่ยงมะเร็งปอดจริงไหม
บุหรี่คืออะไร? ทำไมจึงอันตราย
บุหรี่ คือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากใบยาสูบ ซึ่งมักผ่านกระบวนการอบแห้งและปรุงแต่ง
ก่อนถูกมวนเข้าด้วยกระดาษและปลายกรอง เมื่อจุดไฟแล้วควันจะถูกสูดเข้าสู่ปอดผ่านทางเดินหายใจ
สิ่งที่อยู่ในบุหรี่:
สารนิโคติน (Nicotine): สารเสพติดที่ทำให้เกิดการพึ่งพาทางร่างกายและจิตใจ
ทาร์ (Tar): สารเหนียวที่จับอยู่ในปอด เป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ผิดปกติ
คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO): แย่งออกซิเจนจากเซลล์ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย
สารพิษอีกกว่า 7,000 ชนิด เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ฯลฯ
กว่า 70 ชนิดในนั้นเป็น
สารก่อมะเร็ง
มะเร็งปอดคืออะไร
มะเร็งปอด (Lung cancer) คือการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติในปอด
จนกลายเป็นก้อนมะเร็งและสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer - SCLC): มักสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่สูง แพร่กระจายรวดเร็ว
มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer - NSCLC): พบได้บ่อยกว่า และเติบโตช้ากว่า
อาการที่พบบ่อย: ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หายใจลำบาก แน่นหน้าอก
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
สูบบุหรี่ทุกวัน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดจริงหรือ
“จริงอย่างแน่นอน” และได้รับการยืนยันจากงานวิจัยทั่วโลก
องค์การอนามัยโลก (WHO) และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (NCI) ระบุว่า
85-90% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดมีประวัติการสูบบุหรี่
คนที่สูบบุหรี่จัด (มากกว่า 1 ซองต่อวัน) มีโอกาสเป็นมะเร็งปอด
สูงกว่าคนไม่สูบถึง 20-30 เท่า
การสูบบุหรี่เป็นเวลานาน เช่น
10-20 ปีขึ้นไป แม้จะสูบน้อย ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
แม้แต่
ผู้สูบบุหรี่แบบ “พ่น” หรือ “ไม่กลืนควัน” ก็ยังเสี่ยง
ทำไมบุหรี่ถึงก่อมะเร็ง
ควันที่สูดเข้าไปมี
สารก่อกลายพันธุ์ (Mutagens) ทำให้
DNA ในเซลล์ปอดเสียหาย
ความเสียหายสะสมเมื่อเซลล์ซ่อมแซมไม่ทัน หรือซ่อมผิดพลาด ก็จะกลายเป็น
เซลล์มะเร็ง
การสูบทุกวันทำให้การสะสมของสารพิษ
ต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น
แล้วสูบแค่วันละมวน หรือสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะปลอดภัยหรือไม่
“ไม่ปลอดภัย”
สูบน้อยลง เสี่ยงน้อยลง?
การสูบน้อยลงอาจลดความเสี่ยง “บางส่วน” แต่
ไม่ปลอดภัย และ
ยังเสี่ยงมะเร็งปอดอยู่
งานวิจัยชี้ว่า
แม้สูบเพียงวันละ 1 มวน ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งปอด
สูงกว่าคนไม่สูบถึง 9 เท่า
บุหรี่ไฟฟ้าแทนบุหรี่มวน?
มีสารเคมีเช่นเดียวกัน และบางชนิด
เข้มข้นมากกว่า
แม้จะไม่มีทาร์ แต่มีสารอย่าง
โพรพิลีนไกลคอล, กลีเซอรีน, ฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
มีงานวิจัยพบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้า
กระตุ้นการอักเสบในเซลล์ปอด และอาจเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งเช่นเดียวกัน
การเลิกสูบบุหรี่ ช่วยลดความเสี่ยงได้มากแค่ไหน
ทันทีที่หยุดสูบ ร่างกายจะเริ่มซ่อมแซมตัวเอง
ช่วงเวลาการฟื้นฟูที่เกิดขึ้น
20 นาทีแรก
หัวใจเต้นช้าลง ความดันปกติ
12 ชม.
ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ลดลง
2 สัปดาห์-3 เดือน
ปอดเริ่มฟื้นฟู หายใจดีขึ้น
1 ปี
ความเสี่ยงโรคหัวใจลดลงครึ่งหนึ่ง
10 ปี
ความเสี่ยงมะเร็งปอดลดลงเหลือ 30-50% ของคนสูบ
แม้จะสูบมานาน การเลิกสูบก็ยัง “คุ้มค่า”
และหากเลิกสูบก่อนอายุ 40 ปี ความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดจะใกล้เคียงกับคนที่ไม่เคยสูบมาก่อน
จะเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างไร
ปรึกษาแพทย์ เพื่อใช้ยาเลิกบุหรี่ เช่น นิโคตินแผ่นแปะ หรือยาต้านนิโคติน
ลงทะเบียนสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 (บริการฟรี)
เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน เช่น คลินิกฟ้าใส หรือแอปช่วยเลิกบุหรี่
หากำลังใจจากครอบครัว และบอกเป้าหมายให้ชัด เช่น เลิกเพื่อลูก เลิกเพื่อสุขภาพตนเอง
การสูบบุหรี่ทุกวันไม่ใช่แค่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยหลักที่ “ทำให้เกิดมะเร็งปอด”
อย่างมีนัยสำคัญ บุหรี่เต็มไปด้วยสารพิษที่ทำร้ายเซลล์ปอดโดยตรงและต่อเนื่องทุกครั้งที่สูบ
การสูบแม้เพียงมวนเดียวต่อวันก็ยังไม่ปลอดภัย และการใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
การเลิกสูบบุหรี่เป็นการตัดสินใจเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ร่างกายมีพลังในการฟื้นฟูตัวเองอย่างน่าทึ่ง
หากเริ่มเลิกตั้งแต่วันนี้ ความเสี่ยงต่อโรคร้าย โดยเฉพาะมะเร็งปอด ก็จะลดลงอย่างชัดเจน
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเอง
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=ibM5exyVNYo


สูบบุหรี่ทุกวัน เสี่ยงมะเร็งปอดจริงไหม
แม้จะมีการรณรงค์ให้เลิกสูบและข้อมูลทางการแพทย์มากมายที่ยืนยันถึงอันตรายของบุหรี่
แต่ยังมีผู้สูบจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่แน่ใจหรือมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับผลกระทบ
โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อ “มะเร็งปอด”
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
บุหรี่คืออะไร? ทำไมจึงอันตราย
บุหรี่ คือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากใบยาสูบ ซึ่งมักผ่านกระบวนการอบแห้งและปรุงแต่ง
ก่อนถูกมวนเข้าด้วยกระดาษและปลายกรอง เมื่อจุดไฟแล้วควันจะถูกสูดเข้าสู่ปอดผ่านทางเดินหายใจ
สิ่งที่อยู่ในบุหรี่:
สารนิโคติน (Nicotine): สารเสพติดที่ทำให้เกิดการพึ่งพาทางร่างกายและจิตใจ
ทาร์ (Tar): สารเหนียวที่จับอยู่ในปอด เป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ผิดปกติ
คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO): แย่งออกซิเจนจากเซลล์ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย
สารพิษอีกกว่า 7,000 ชนิด เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ฯลฯ
กว่า 70 ชนิดในนั้นเป็น สารก่อมะเร็ง
มะเร็งปอดคืออะไร
มะเร็งปอด (Lung cancer) คือการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติในปอด
จนกลายเป็นก้อนมะเร็งและสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer - SCLC): มักสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่สูง แพร่กระจายรวดเร็ว
มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer - NSCLC): พบได้บ่อยกว่า และเติบโตช้ากว่า
อาการที่พบบ่อย: ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หายใจลำบาก แน่นหน้าอก
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
สูบบุหรี่ทุกวัน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดจริงหรือ
“จริงอย่างแน่นอน” และได้รับการยืนยันจากงานวิจัยทั่วโลก
องค์การอนามัยโลก (WHO) และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (NCI) ระบุว่า 85-90% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดมีประวัติการสูบบุหรี่
คนที่สูบบุหรี่จัด (มากกว่า 1 ซองต่อวัน) มีโอกาสเป็นมะเร็งปอด สูงกว่าคนไม่สูบถึง 20-30 เท่า
การสูบบุหรี่เป็นเวลานาน เช่น 10-20 ปีขึ้นไป แม้จะสูบน้อย ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
แม้แต่ ผู้สูบบุหรี่แบบ “พ่น” หรือ “ไม่กลืนควัน” ก็ยังเสี่ยง
ทำไมบุหรี่ถึงก่อมะเร็ง
ควันที่สูดเข้าไปมี สารก่อกลายพันธุ์ (Mutagens) ทำให้ DNA ในเซลล์ปอดเสียหาย
ความเสียหายสะสมเมื่อเซลล์ซ่อมแซมไม่ทัน หรือซ่อมผิดพลาด ก็จะกลายเป็น เซลล์มะเร็ง
การสูบทุกวันทำให้การสะสมของสารพิษ ต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น
แล้วสูบแค่วันละมวน หรือสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะปลอดภัยหรือไม่
“ไม่ปลอดภัย”
สูบน้อยลง เสี่ยงน้อยลง?
การสูบน้อยลงอาจลดความเสี่ยง “บางส่วน” แต่ ไม่ปลอดภัย และ ยังเสี่ยงมะเร็งปอดอยู่
งานวิจัยชี้ว่า แม้สูบเพียงวันละ 1 มวน ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งปอด สูงกว่าคนไม่สูบถึง 9 เท่า
บุหรี่ไฟฟ้าแทนบุหรี่มวน?
มีสารเคมีเช่นเดียวกัน และบางชนิด เข้มข้นมากกว่า
แม้จะไม่มีทาร์ แต่มีสารอย่าง โพรพิลีนไกลคอล, กลีเซอรีน, ฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
มีงานวิจัยพบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้า กระตุ้นการอักเสบในเซลล์ปอด และอาจเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งเช่นเดียวกัน
การเลิกสูบบุหรี่ ช่วยลดความเสี่ยงได้มากแค่ไหน
ทันทีที่หยุดสูบ ร่างกายจะเริ่มซ่อมแซมตัวเอง
ช่วงเวลาการฟื้นฟูที่เกิดขึ้น
20 นาทีแรก
หัวใจเต้นช้าลง ความดันปกติ
12 ชม.
ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ลดลง
2 สัปดาห์-3 เดือน
ปอดเริ่มฟื้นฟู หายใจดีขึ้น
1 ปี
ความเสี่ยงโรคหัวใจลดลงครึ่งหนึ่ง
10 ปี
ความเสี่ยงมะเร็งปอดลดลงเหลือ 30-50% ของคนสูบ
แม้จะสูบมานาน การเลิกสูบก็ยัง “คุ้มค่า”
และหากเลิกสูบก่อนอายุ 40 ปี ความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดจะใกล้เคียงกับคนที่ไม่เคยสูบมาก่อน
จะเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างไร
ปรึกษาแพทย์ เพื่อใช้ยาเลิกบุหรี่ เช่น นิโคตินแผ่นแปะ หรือยาต้านนิโคติน
ลงทะเบียนสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 (บริการฟรี)
เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน เช่น คลินิกฟ้าใส หรือแอปช่วยเลิกบุหรี่
หากำลังใจจากครอบครัว และบอกเป้าหมายให้ชัด เช่น เลิกเพื่อลูก เลิกเพื่อสุขภาพตนเอง
การสูบบุหรี่ทุกวันไม่ใช่แค่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยหลักที่ “ทำให้เกิดมะเร็งปอด”
อย่างมีนัยสำคัญ บุหรี่เต็มไปด้วยสารพิษที่ทำร้ายเซลล์ปอดโดยตรงและต่อเนื่องทุกครั้งที่สูบ
การสูบแม้เพียงมวนเดียวต่อวันก็ยังไม่ปลอดภัย และการใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
การเลิกสูบบุหรี่เป็นการตัดสินใจเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ร่างกายมีพลังในการฟื้นฟูตัวเองอย่างน่าทึ่ง
หากเริ่มเลิกตั้งแต่วันนี้ ความเสี่ยงต่อโรคร้าย โดยเฉพาะมะเร็งปอด ก็จะลดลงอย่างชัดเจน
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเอง
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=ibM5exyVNYo