พระสูตรนี้...
ธัมมานุปัสสนา...คือ..ตามเห็นธรรมทั้งหลาย..
ว่า....ธรรมเหล่านั้น...ไม่ใช่..ตน(อัตตา)
.
.
แต่ก็ยังมี...ผู้ที่ยังไม่เข้าใจพระสัทธรรม..
..โดยยก...สัตตสูตร...แล้วกล่าวว่า..
" สัตว์บุคคล..ก็คือ..ฉันทะ-ราคะ-นันทิ-ผตัณหา "
☝️
☝️
นี่เขาไม่รู้ตัวว่า...เขากำลังกล่าวว่า
" ธรรมทั้งหลายเหล่านี้...คือ..ตน...คือ...อัตตา
บาลีว่า... " อิเม ธมฺมา อตฺตาติ "...ซึ่งเป็นความเห็นผิด
ฟังเลย...ครับ อันแค่..ธรรมที่ชื่อ.." กามฉันทะ"
👇
👇
👇
[๒๙๐] กถญฺจ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ฯ
{...ภิกษุ ท! เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ..ผู้ที่ตามเห็นอยู่ซึ่ง..ธรรมทั้งหลาย...}
อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปญฺจสุ นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท! ในกรณีนี้..คือ..ภิกษุผู้ที่..ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..อันเป็น...เครื่องกั้นทั้ง 5 (นิวรณ์5)...}
กถญฺจ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปญฺจสุ นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท! เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ..ผู้ที่ตามเห็นอยู่ซึ่ง..ธรรมทั้งหลาย...อันเป็น...เครื่องกั้นทั้ง 5 (นิวรณ์5)...}
อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ
{....ภิกษุ ท! ในกรณีนี้...คือ..ภิกษุผู้ที่..เมื่อความยินดีในกาม..มีอยู่ภายในอัตตา(ตน)นี้...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโทติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความยินดีในกามนั้น...มันมีอยู่โดยแท้...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ
{..และ...เมื่อความยินดีในกาม..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโทติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า..ความยินดีในกาม..ไม่มีอยู่เลยภายในอัตตา(ตน)นี้...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความยินดีในกาม...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
(ปล. รู้ว่า...เพราะอะไรทำให้..กามฉันทะ..เกิดขึ้น..)
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การมีการละไปนั้น...ของความยินดีในกาม...ที่เกิดขึ้นแล้ว....}
(ปล. รู้ว่า...ทำยังไง..กามฉันทะ..จะดับไป..)
ยถา จ ปหีนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การทำลายนั้น...ของความยินดีในกาม...ไม่ให้เกิดมีขึ้นมาอีก.....}
(ปล. รู้ว่า...ทำยังไง..กามฉันทะ..จะไม่เกิดขึ้นอีก..)
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ
{....และ...เมื่อความพยาบาท..มีอยู่ภายในอัตตา(ตน)นี้...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโทติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความพยาบาทนั้น...มันมีอยู่โดยแท้...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ
{..และ...เมื่อความพยาบาท..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโทติ
ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความพยาบาทนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความพยาบาท...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
(ปล. รู้ว่า...เพราะอะไรทำให้..พยาบาท..เกิดขึ้น..)
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ปหีนสฺส พฺยาปาทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธํ
{...และ..เมื่อมี..ความซืมเซา..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธนฺติ ปชานาติ
{...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความซืมเซา(ถีนมิทธะ)ที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธํ
{..และ...เมื่อความซืมเซา..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธนฺติ
ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความซืมเซานั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส
อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความพยาบาท...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความซืมเซาอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ปหีนสฺส ถีนมิทฺธสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ
{...และ..เมื่อมี..ความฟุ้งซ่านซัดส่าย..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ ปชานาติ
{...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความฟุ้งซ่านซัดส่ายที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ
{..และ...เมื่อความฟุ้งซ่านซัดส่าย..ไม่ได้มีอยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความฟุ้งซ่านซัดส่ายนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงด้วยซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความฟุ้งซ่านซัดส่าย...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความฟุ้งซ่านซัดส่ายอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ปหีนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความฟุ้งซ่านซัดส่ายที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ {...และ..เมื่อมี..ความสงสัย..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}
(ปล. สงสัย..เพราะความไม่รู้..)
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉาติ ปชานาติ {...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความสงสัยที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ
{..และ...เมื่อความสงสัย..ไม่ได้มีอยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉาติ ปชานาติ {...ก็ทราบชัดว่า...ความสงสัยนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงด้วยซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความสงสัย...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
ยถา จ อุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํโหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความสงสัยอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ป

นาย วิจิกิจฺฉาย อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ {...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความสงสัยที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}
อิติ อชฺฌตฺตํ วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ
{...ดังนี้. ด้วย..ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายในอัตตา(ในตน).. ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}
พหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ
{...และ...ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายนอกอัตตา(นอกตน).. ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}
อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ
{...และ...ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายในและนอกอัตตา(ในแบะนอกตน).. ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}
สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ {...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเกิดขึ้นอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}
วยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ
{...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเสื่อมไปอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}
สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ ฯ
{...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเกิดขึ้นและเสื่อมไปอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}
อตฺถิ ธมฺมาติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺฐิตา โหติ
{...และ...ธรรมทั้งหลายอันนั้น..ที่มีอยู่โดยแท้.. ก็เพื่อให้มีการเกิดมีขึ้น..แห่ง..สติ..}
ยาวเทว ญาณมตฺตาย ปฏิสฺสติ มตฺตาย ฯ
{...เป็นเพียงเพื่อน...อาศัยให้เกิดความรู้(เกิดญาณ)... เพื่อเป็นที่ตั้งแห่ง..สติ..}
อนิสฺสิโต จ วิหรติ
น จ กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติ ฯ
{...และ ...อยู่แบบไม่อาศัย(ไม่เข้าไปยึดถือในธรรมเหล่านั้น).. ไม่ยึดมั่นอะไรๆในโลก..}
เอวมฺปิ โข ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ
ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปญฺจสุ นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท! อย่างนี้แล.. คือ..ภิกษุ(ผู้).. ณ.ธรรมทั้งหลาย ได้ตามเห็นอยู่..ซึ่งธรรมทั้งหลาย..ในแบบนิวรณ์ทั้ง 5 ...}
.
.
.
.
สัตว์:..ตอนที่ 188 :..ใครกล่าว่า ..สัตว์บุคคล..คือ..ฉันทะ-ราคะ-ฉันทิ-ตัญหา... ผู้นั้นกำลังกล่าวว่า..ธรรม..คือ..อัตตา(จบ)
พระสูตรนี้...
ธัมมานุปัสสนา...คือ..ตามเห็นธรรมทั้งหลาย..
ว่า....ธรรมเหล่านั้น...ไม่ใช่..ตน(อัตตา)
.
.
แต่ก็ยังมี...ผู้ที่ยังไม่เข้าใจพระสัทธรรม..
..โดยยก...สัตตสูตร...แล้วกล่าวว่า..
" สัตว์บุคคล..ก็คือ..ฉันทะ-ราคะ-นันทิ-ผตัณหา "
☝️
☝️
นี่เขาไม่รู้ตัวว่า...เขากำลังกล่าวว่า
" ธรรมทั้งหลายเหล่านี้...คือ..ตน...คือ...อัตตา
บาลีว่า... " อิเม ธมฺมา อตฺตาติ "...ซึ่งเป็นความเห็นผิด
ฟังเลย...ครับ อันแค่..ธรรมที่ชื่อ.." กามฉันทะ"
👇
👇
👇
[๒๙๐] กถญฺจ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ฯ
{...ภิกษุ ท! เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ..ผู้ที่ตามเห็นอยู่ซึ่ง..ธรรมทั้งหลาย...}
อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปญฺจสุ นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท! ในกรณีนี้..คือ..ภิกษุผู้ที่..ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..อันเป็น...เครื่องกั้นทั้ง 5 (นิวรณ์5)...}
กถญฺจ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปญฺจสุ นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท! เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ..ผู้ที่ตามเห็นอยู่ซึ่ง..ธรรมทั้งหลาย...อันเป็น...เครื่องกั้นทั้ง 5 (นิวรณ์5)...}
อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ
{....ภิกษุ ท! ในกรณีนี้...คือ..ภิกษุผู้ที่..เมื่อความยินดีในกาม..มีอยู่ภายในอัตตา(ตน)นี้...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโทติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความยินดีในกามนั้น...มันมีอยู่โดยแท้...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ
{..และ...เมื่อความยินดีในกาม..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโทติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า..ความยินดีในกาม..ไม่มีอยู่เลยภายในอัตตา(ตน)นี้...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความยินดีในกาม...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
(ปล. รู้ว่า...เพราะอะไรทำให้..กามฉันทะ..เกิดขึ้น..)
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การมีการละไปนั้น...ของความยินดีในกาม...ที่เกิดขึ้นแล้ว....}
(ปล. รู้ว่า...ทำยังไง..กามฉันทะ..จะดับไป..)
ยถา จ ปหีนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การทำลายนั้น...ของความยินดีในกาม...ไม่ให้เกิดมีขึ้นมาอีก.....}
(ปล. รู้ว่า...ทำยังไง..กามฉันทะ..จะไม่เกิดขึ้นอีก..)
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ
{....และ...เมื่อความพยาบาท..มีอยู่ภายในอัตตา(ตน)นี้...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโทติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความพยาบาทนั้น...มันมีอยู่โดยแท้...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ
{..และ...เมื่อความพยาบาท..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโทติ
ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความพยาบาทนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความพยาบาท...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
(ปล. รู้ว่า...เพราะอะไรทำให้..พยาบาท..เกิดขึ้น..)
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ปหีนสฺส พฺยาปาทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธํ
{...และ..เมื่อมี..ความซืมเซา..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธนฺติ ปชานาติ
{...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความซืมเซา(ถีนมิทธะ)ที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธํ
{..และ...เมื่อความซืมเซา..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธนฺติ
ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความซืมเซานั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส
อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความพยาบาท...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความซืมเซาอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ปหีนสฺส ถีนมิทฺธสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ
{...และ..เมื่อมี..ความฟุ้งซ่านซัดส่าย..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ ปชานาติ
{...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความฟุ้งซ่านซัดส่ายที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ
{..และ...เมื่อความฟุ้งซ่านซัดส่าย..ไม่ได้มีอยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความฟุ้งซ่านซัดส่ายนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงด้วยซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความฟุ้งซ่านซัดส่าย...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานํ โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความฟุ้งซ่านซัดส่ายอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ปหีนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ ฯ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความฟุ้งซ่านซัดส่ายที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}
สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ {...และ..เมื่อมี..ความสงสัย..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}
(ปล. สงสัย..เพราะความไม่รู้..)
อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉาติ ปชานาติ {...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความสงสัยที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}
อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ
{..และ...เมื่อความสงสัย..ไม่ได้มีอยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}
นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉาติ ปชานาติ {...ก็ทราบชัดว่า...ความสงสัยนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}
ยถา จ อนุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงด้วยซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความสงสัย...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
ยถา จ อุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํโหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความสงสัยอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}
ยถา จ ป
อิติ อชฺฌตฺตํ วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ
{...ดังนี้. ด้วย..ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายในอัตตา(ในตน).. ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}
พหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ
{...และ...ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายนอกอัตตา(นอกตน).. ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}
อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ
{...และ...ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายในและนอกอัตตา(ในแบะนอกตน).. ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}
สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ {...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเกิดขึ้นอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}
วยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ
{...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเสื่อมไปอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}
สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ ฯ
{...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเกิดขึ้นและเสื่อมไปอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}
อตฺถิ ธมฺมาติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺฐิตา โหติ
{...และ...ธรรมทั้งหลายอันนั้น..ที่มีอยู่โดยแท้.. ก็เพื่อให้มีการเกิดมีขึ้น..แห่ง..สติ..}
ยาวเทว ญาณมตฺตาย ปฏิสฺสติ มตฺตาย ฯ
{...เป็นเพียงเพื่อน...อาศัยให้เกิดความรู้(เกิดญาณ)... เพื่อเป็นที่ตั้งแห่ง..สติ..}
อนิสฺสิโต จ วิหรติ
น จ กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติ ฯ
{...และ ...อยู่แบบไม่อาศัย(ไม่เข้าไปยึดถือในธรรมเหล่านั้น).. ไม่ยึดมั่นอะไรๆในโลก..}
เอวมฺปิ โข ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ
ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปญฺจสุ นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท! อย่างนี้แล.. คือ..ภิกษุ(ผู้).. ณ.ธรรมทั้งหลาย ได้ตามเห็นอยู่..ซึ่งธรรมทั้งหลาย..ในแบบนิวรณ์ทั้ง 5 ...}
.
.
.
.