สัตว์:..ตอนที่ 188 :..ใครกล่าว่า ..สัตว์บุคคล..คือ..ฉันทะ-ราคะ-ฉันทิ-ตัญหา... ผู้นั้นกำลังกล่าวว่า..ธรรม..คือ..อัตตา(จบ)

กระทู้สนทนา


พระสูตรนี้...
ธัมมานุปัสสนา...คือ..ตามเห็นธรรมทั้งหลาย..
ว่า....ธรรมเหล่านั้น...ไม่ใช่..ตน(อัตตา)
.
.
แต่ก็ยังมี...ผู้ที่ยังไม่เข้าใจพระสัทธรรม..
..โดยยก...สัตตสูตร...แล้วกล่าวว่า..


" สัตว์บุคคล..ก็คือ..ฉันทะ-ราคะ-นันทิ-ผตัณหา "
    ☝️
    ☝️
      นี่เขาไม่รู้ตัวว่า...เขากำลังกล่าวว่า
      " ธรรมทั้งหลายเหล่านี้...คือ..ตน...คือ...อัตตา  


บาลีว่า... " อิเม ธมฺมา อตฺตาติ "...ซึ่งเป็นความเห็นผิด


ฟังเลย...ครับ  อันแค่..ธรรมที่ชื่อ.." กามฉันทะ"
👇
👇
👇

[๒๙๐]  กถญฺจ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ฯ
{...ภิกษุ ท!  เป็นอย่างไรเล่า?  ภิกษุ..ผู้ที่ตามเห็นอยู่ซึ่ง..ธรรมทั้งหลาย...}

อิธ   ภิกฺขเว  ภิกฺขุ  ธมฺเมสุ  ธมฺมานุปสฺสี  วิหรติ  ปญฺจสุ  นีวรเณสุ  ฯ
{...ภิกษุ ท!  ในกรณีนี้..คือ..ภิกษุผู้ที่..ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..อันเป็น...เครื่องกั้นทั้ง 5 (นิวรณ์5)...}

กถญฺจ  ภิกฺขเว  ภิกฺขุ  ธมฺเมสุ  ธมฺมานุปสฺสี  วิหรติ  ปญฺจสุ  นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท!  เป็นอย่างไรเล่า?  ภิกษุ..ผู้ที่ตามเห็นอยู่ซึ่ง..ธรรมทั้งหลาย...อันเป็น...เครื่องกั้นทั้ง 5 (นิวรณ์5)...}

อิธ   ภิกฺขเว   ภิกฺขุ   สนฺตํ   วา   อชฺฌตฺตํ   กามจฺฉนฺทํ  
{....ภิกษุ ท! ในกรณีนี้...คือ..ภิกษุผู้ที่..เมื่อความยินดีในกาม..มีอยู่ภายในอัตตา(ตน)นี้...}

อตฺถิ  เม อชฺฌตฺตํ   กามจฺฉนฺโทติ   ปชานาติ  
{...ก็ทราบชัดว่า...ความยินดีในกามนั้น...มันมีอยู่โดยแท้...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}

อสนฺตํ   วา   อชฺฌตฺตํ  กามจฺฉนฺทํ
{..และ...เมื่อความยินดีในกาม..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}

นตฺถิ   เม   อชฺฌตฺตํ   กามจฺฉนฺโทติ   ปชานาติ  
{...ก็ทราบชัดว่า..ความยินดีในกาม..ไม่มีอยู่เลยภายในอัตตา(ตน)นี้...}

ยถา  จ  อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส   อุปฺปาโท   โหติ   ตญฺจ  ปชานาติ  
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความยินดีในกาม...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
(ปล.  รู้ว่า...เพราะอะไรทำให้..กามฉันทะ..เกิดขึ้น..)

ยถา  จ  อุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส   ปหานํ   โหติ  ตญฺจ   ปชานาติ  
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การมีการละไปนั้น...ของความยินดีในกาม...ที่เกิดขึ้นแล้ว....}
(ปล.  รู้ว่า...ทำยังไง..กามฉันทะ..จะดับไป..)

ยถา   จ   ปหีนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส   อายตึ   อนุปฺปาโท   โหติ   ตญฺจ   ปชานาติ  ฯ  
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การทำลายนั้น...ของความยินดีในกาม...ไม่ให้เกิดมีขึ้นมาอีก.....}
(ปล.  รู้ว่า...ทำยังไง..กามฉันทะ..จะไม่เกิดขึ้นอีก..)

สนฺตํ  วา   อชฺฌตฺตํ   พฺยาปาทํ  
{....และ...เมื่อความพยาบาท..มีอยู่ภายในอัตตา(ตน)นี้...}

อตฺถิ  เม  อชฺฌตฺตํ  พฺยาปาโทติ  ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความพยาบาทนั้น...มันมีอยู่โดยแท้...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}

อสนฺตํ   วา   อชฺฌตฺตํ   พฺยาปาทํ  
{..และ...เมื่อความพยาบาท..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}

นตฺถิ   เม   อชฺฌตฺตํ  พฺยาปาโทติ
ปชานาติ    
{...ก็ทราบชัดว่า...ความพยาบาทนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}

ยถา    จ   อนุปฺปนฺนสฺส   พฺยาปาทสฺส  อุปฺปาโท   โหติ ตญฺจ   ปชานาติ  
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความพยาบาท...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}
(ปล.  รู้ว่า...เพราะอะไรทำให้..พยาบาท..เกิดขึ้น..)

ยถา   จ   อุปฺปนฺนสฺส   พฺยาปาทสฺส   ปหานํ  โหติ ตญฺจ   ปชานาติ  
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}

ยถา   จ   ปหีนสฺส  พฺยาปาทสฺส  อายตึ  อนุปฺปาโท โหติ   ตญฺจ   ปชานาติ   ฯ  
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}

สนฺตํ  วา  อชฺฌตฺตํ  ถีนมิทฺธํ
{...และ..เมื่อมี..ความซืมเซา..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}

อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธนฺติ ปชานาติ
{...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความซืมเซา(ถีนมิทธะ)ที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}

อสนฺตํ   วา  อชฺฌตฺตํ  ถีนมิทฺธํ
{..และ...เมื่อความซืมเซา..ไม่ได้อยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}

นตฺถิ   เม   อชฺฌตฺตํ   ถีนมิทฺธนฺติ  
ปชานาติ
{...ก็ทราบชัดว่า...ความซืมเซานั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}  

ยถา   จ  อนุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส  
อุปฺปาโท   โหติ   ตญฺจ   ปชานาติ  
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความพยาบาท...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}

ยถา  จ  อุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส    ปหานํ    โหติ   ตญฺจ   ปชานาติ  
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความซืมเซาอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}

ยถา   จ   ปหีนสฺส ถีนมิทฺธสฺส   อายตึ อนุปฺปาโท   โหติ  ตญฺจ  ปชานาติ  ฯ  
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าพยาบาทที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}

สนฺตํ  วา อชฺฌตฺตํ    อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ    
{...และ..เมื่อมี..ความฟุ้งซ่านซัดส่าย..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}

อตฺถิ   เม   อชฺฌตฺตํ   อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ ปชานาติ    
{...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความฟุ้งซ่านซัดส่ายที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}

อสนฺตํ วา  อชฺฌตฺตํ   อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ
{..และ...เมื่อความฟุ้งซ่านซัดส่าย..ไม่ได้มีอยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}

นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ  อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ    ปชานาติ    
{...ก็ทราบชัดว่า...ความฟุ้งซ่านซัดส่ายนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}  

ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ ตญฺจ ปชานาติ
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงด้วยซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความฟุ้งซ่านซัดส่าย...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}

ยถา  จ อุปฺปนฺนสฺส  อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส  ปหานํ  โหติ  ตญฺจ   ปชานาติ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความฟุ้งซ่านซัดส่ายอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}

ยถา    จ    ปหีนสฺส   อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส   อายตึ   อนุปฺปาโท   โหติ ตญฺจ    ปชานาติ   ฯ
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความฟุ้งซ่านซัดส่ายที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}

สนฺตํ   วา   อชฺฌตฺตํ   วิจิกิจฺฉํ   {...และ..เมื่อมี..ความสงสัย..ภายในอัตตานี้(ในตน)...}
(ปล. สงสัย..เพราะความไม่รู้..)

อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉาติ ปชานาติ  {...ก็ทรายชัดตามความเป็นจริงว่า...ความสงสัยที่เกิดมีขึ้นจริง..ภายในอัตตา(ในตน)ของเรา....}  
อสนฺตํ   วา   อชฺฌตฺตํ   วิจิกิจฺฉํ
{..และ...เมื่อความสงสัย..ไม่ได้มีอยู่ในอัตตา(ตน)นี้...}

นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉาติ ปชานาติ {...ก็ทราบชัดว่า...ความสงสัยนั้น...มันไม่มีอยู่เลย...ภายในอัตตา(ตน)ของเรา...}    

ยถา   จ  อนุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย   อุปฺปาโท   โหติ   ตญฺจ   ปชานาติ  
{...และ..ก็ทราบชัดตามความเป็นจริงด้วยซึ่ง....การปรากฎเกิดขึ้นนั้น...ของความสงสัย...ที่ยังไม่เกิดขึ้น....}

ยถา  จ  อุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย  ปหานํโหติ   ตญฺจ   ปชานาติ  
{...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความสงสัยอันเกิดขึ้นแล้ว..จะละได้อย่างไร...}

ยถา   จ   ปยิ้มนาย  วิจิกิจฺฉาย  อายตึ  อนุปฺปาโท  โหติ   ตญฺจ   ปชานาติ   ฯ  {...และก็ทราบชัดตามความเป็นจริงนั้นด้วย.. ว่าความสงสัยที่ละไปแล้ว..โดยไม่เกิดมีขึ้นมาใหม่อีกต่อไป..นั้นด้วย.....}

อิติ อชฺฌตฺตํ   วา   ธมฺเมสุ   ธมฺมานุปสฺสี   วิหรติ  
{...ดังนี้. ด้วย..ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายในอัตตา(ในตน)..  ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}

พหิทฺธา  วา  ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี    วิหรติ  
{...และ...ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายนอกอัตตา(นอกตน)..  ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}

อชฺฌตฺตพหิทฺธา    วา   ธมฺเมสุ   ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ    
{...และ...ณ.ธรรมทั้งหลายอันเป็นภายในและนอกอัตตา(ในแบะนอกตน)..  ตามเห็นอยู่ซึ่งธรรมทั้งหลาย..}

สมุทยธมฺมานุปสฺสี  วา ธมฺเมสุ   วิหรติ  {...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเกิดขึ้นอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}

วยธมฺมานุปสฺสี วา   ธมฺเมสุ   วิหรติ  
{...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเสื่อมไปอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}

สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี  วา  ธมฺเมสุ  วิหรติ  ฯ
{...และ...ตามเห็นอยู่ซึ่งความเกิดขึ้นและเสื่อมไปอันเป็นธรรมดา.. ในธรรมทั้งหลาย..}

อตฺถิ    ธมฺมาติ   วา   ปนสฺส   สติ   ปจฺจุปฏฺฐิตา   โหติ  
{...และ...ธรรมทั้งหลายอันนั้น..ที่มีอยู่โดยแท้.. ก็เพื่อให้มีการเกิดมีขึ้น..แห่ง..สติ..}

ยาวเทว ญาณมตฺตาย   ปฏิสฺสติ   มตฺตาย   ฯ  
{...เป็นเพียงเพื่อน...อาศัยให้เกิดความรู้(เกิดญาณ)... เพื่อเป็นที่ตั้งแห่ง..สติ..}

อนิสฺสิโต   จ   วิหรติ  
น  จ กิญฺจิ   โลเก   อุปาทิยติ   ฯ  
{...และ ...อยู่แบบไม่อาศัย(ไม่เข้าไปยึดถือในธรรมเหล่านั้น)..  ไม่ยึดมั่นอะไรๆในโลก..}

เอวมฺปิ   โข  ภิกฺขเว  ภิกฺขุ  ธมฺเมสุ
ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปญฺจสุ นีวรเณสุ ฯ
{...ภิกษุ ท!  อย่างนี้แล.. คือ..ภิกษุ(ผู้).. ณ.ธรรมทั้งหลาย  ได้ตามเห็นอยู่..ซึ่งธรรมทั้งหลาย..ในแบบนิวรณ์ทั้ง 5 ...}

.
.
.
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่