Day 4
(Namba Yasaka Jinja >> Okuninushi Jinja Shrine >> Tempozan Ferris Wheel)
=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=
(: เช้าวันแรกใน Osaka เราตื่นกันไม่เช้ามากและเลือกจะไม่กินข้าวเช้าของโรงแรม แต่จะเก็บพุงไว้ไปกินซูชิ แต่ก่อนจะไปกินของอร่อย เราจะเริ่มต้นวันด้วยการไปศาลเจ้าสุดชิคของนัมบะซึ่งก็คือ Namba Yasaka Jinja และวันนี้เราจะเดินทางกันด้วยรถไฟใต้ดินทั้งหมด เราจึงเลือกใช้ Osaka 1 Day Pass Metro Enjoy Eco card ซึ่งสามารถซื้อได้จากตู้ขายตั๋วและถ้าเดินทางในวันเสาร์อาทิตย์แบบผมจะราคา 620 Yen (วันธรรมดาราคา 820 Yen)
(: จริงๆ เราสามารถเดินจากย่านนัมบะไปยัง Namba Yasaka Jinja ได้ประมาณ 20 นาที แต่เมื่อเรามี Pass ด้านบนแล้วและไม่อยากให้แม่เดินมากนัก (จริงๆ รวมระยะทางเดินไปขึ้นรถไฟ ก็อาจจะเท่าเดินไปศาลเจ้า 55) เราเลยจะนั่ง Osaka Metro Midosuji line จาก Namba ไปลง Daikokucho station แทน แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยครับ
(: การเดินจากสถานี Daikokucho ไปยัง Namba Yasaka Jinja จะเดินตามเส้นถนนใหญ่หรือถนนรองก็ได้ ส่วนผมเลือกไปเดินเส้นถนนรองที่มีพวกร้านข้าว ร้านเนื้อ Supermarket เพื่ออยากเห็นวิภีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยกันบรอเวณนั้น
(: แล้วในที่สุด !!! เราก็ไม่ถึงศาลเจ้า Yasaka ซักกะที เพราะบังเอิญไปเดินผ่าน Supermarket นึง เห็นคุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยายมายืนรอเข้าร้าน พวกเราก็เลยยืนรอดูบ้าง เผื่อมีแจกอะไร 555 แต่จริงๆ คือเค้ามารอร้านเปิดจริงๆ ไม่มีของแจกนะฮะ ไม่แน่ใจว่านี่คือวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นรึป่าว มีใครทราบมั้ยครับ
โดย Supermarket นี้ชื่อว่า LIFE
(: ชั้น 1 จะเป็นSupermarket ขายพวกอาหาร ของสด เนื้อสัตว์ผัก ผลไม้ เครื่องปรุง น้ำดื่มต่างๆ
(: ชั้น 2 นี่สิอารมณ์ห้างเล็กๆ ในตจว.บ้านเราเลยครับ มีทั้งร้านยา โซนรองเท้ากีฬา เสื้อผ้า อุปกรณ์ซักรีด และสินค้าที่ซื้อที่ชั้นนี้เป็น tax free สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย บ้านเราได้ไม้เท้าให้แม่ แล้วก็พวกเครื่องสำอางค์ และHand cream นิดหน่อย
(: เดินต่อไปอีกประมาณ 2 Blocks ก็จะเริ่มเห็นกลุ่มคนที่มันมากกว่าปกติ เลยมั่นใจได้ว่าเรามาถึง Namba Yasaka Jinja แล้ว โดยจะมีศาลเจ้าให้สักการะตรงศาลาข้างๆ หัวสิงโต วันที่ไปดานในเค้ามีพิธีกันด้วย ไม่รู้ใช่การแต่งงานรึป่าวครับ
(: และมุมสุดฮิตอย่างตรงหัวสิงโต ซึ่งนอกจากจะดูร่วมสมัย ดูชิคในการลงรูปใน Social media แล้ว ก็ยังมีความเชื่อกันว่า เจ้าสิงโตจะดูดพลังงานร้ายๆ จากร่างกายเราออกไป ทำให้มุมนี้ค่อนข้างยากที่จะถ่ายรูปแบบไม่ติดคนอื่น
(: แวะชมดอกกุหลาบข้างๆ ศาลา
(: ตรงทางออกศาลเจ้า ก็จะมีร้านขนม Food truck เล็กๆ อยู่ กลิ่นช่างหอม ยั่วยวน ชวนเดินไปสั่ง นอกจากจะขายขนมแล้ว ยังมีแกะสลัป้ายชื้อเราเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยนะครับ พี่ชายชาวจีน 2 ท่านกำลังรอดูชื่อในภาษาญี่ปุ่นอยู่ ส่วนเราก็รอคุณป้าทำขนม
(: เดินย้อนกลับมาทางเดิมอีกนิด ด้านซ้ายมือจะเจอร้านซูชิสายพายที่เราจะมาลองกันคือร้าน Kura Sushi จุดสังเกตุง่ายๆ คือร้านจะอยู่ถัดจากป้ายแดงๆ ของ Arrow Pachinko & Slot
(: ส่วนคุณภาพอาหาร ส่วนตัวบ้านเราแอบผิดหวังนิดนึงนะครับ รู้สึกว่าปลาดิบไม่ค่อยสด หรือจานไหนมีแตงกวามันดูช้ำๆ ก็เลยกินกันไปคนละแค่ 3 - 4 จานแก้หิวไปก่อน เสียใจมากๆ อุตส่าเก็บท้องมากิน
(: ก่อนเราจะออกจากแถวๆนี้ เดี๋ยวเราจะแวะไปขอพรเรื่องเงินๆ ทองๆ และธุรกิจกันที่ Okuninushi Jinja Shrine ซึ่งที่นี้มีเทพเจ้าหนูเป็นผู้พิทักษ์ ก็แปลกดี นึกว่าจะมีแต่ที่อินเดียที่บูชาหนู โดยภายในศาลเจ้านี้เงียบสงบมาก เหมาะมากๆ ที่จะตั้งสติขอพรเรื่องการเงิน อิอิ
(; เดี๋ยวเราจะกลับไปโรงแรมให้แม่พักขาพักเข่ากันก่อน โดยขากลับเราก็จะนั่ง Osaka Metro จากสถานี Daikokucho มาที่สถานี Namba แล้วทางออกจะเชื่อมกับ Namba Walk เลย เราก็เดินงงๆ หลงๆ กันในนั้นจนไปเจอร้าน Sushi ร้านด้านล่างนี้ครับ อาหารดูสดใหม่ สะอาด มีให้เลือกเยอะ แล้วราคาไม่แรงมากด้วย โดยร้านจะอยู่ใกล้ๆกับร้าน Muji เลย ส่วนซูชิก็มีแบบที่จัดเป็นเซ้ทไว้แล้ว หรือเราจะเลือกเป็นคำๆ แต่ละหน้าก็ได้ครับ อันที่ผมประทับใจสุดๆคือ กุ้ง ไม่มีกลิ่นคาวเลย หวาน หอม ฟินนนนน
(: ร้านดัง 551 Horai ขนมจีบไส้อร่อยตามรีวิว แต่น่าจะมีกล่องน้อยกว่านี้จะได้ลองอย่างอื่นด้วย แค่กล่องเล็กนี่ก็ 12 ลูกจุกๆ ซะละ

(: ขนมปังหอมก็หอม เสียดายตอนนั้นยังไม่รู้จักขนมปังเกลือว่ากำลังฮิต พลาดมาก อดชิมของที่ญี่ปุ่นเลย
เดี๋ยวเราเข้าโรงแรมไปหม่ำๆ ซูชิกันก่อนนะฮะ แล้วไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน
[CR] [พาแม่ไปเที่ยวแถว Kansai กันเถอะ] Day 4 - เช้าเข้าศาลเจ้าสุดเกร๋ (Namba Yasaka) บ่ายขึ้น (ชิงช้า) สววรค์ (Tempozan)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้