ตะกอนโตเกียว ตอนที่10 "ติดตา"

หลังจากออกไปเจอสาวมาสองครั้งสามคน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมไม่มีนัดกับสาวที่ไหนอีกแล้ว รู้สึกเหงาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูเวลา—ตอนนี้ราวตีห้า—ร่างกายยังสดชื่น และตื่นเช้าได้ตามที่ตั้งใจไว้

วันนี้เป็นวันที่ผมเริ่มใช้ Tokyo Subway Pass แบบ 72 ชั่วโมง ที่จองไว้ล่วงหน้า ผมออกจากที่พักตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เริ่มต้นที่ย่านกินซ่า (Ginza) ย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องห้างหรูและแบรนด์เนมระดับโลก ซึ่งพูดตามตรง ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้สักเท่าไร นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการมาโตเกียวครั้งแรกของผมจึงไม่ได้แวะที่นี่

แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะช่วงนี้ผมกำลังสนใจเรื่องของ “ไคจู” ที่โด่งดังไปทั่วโลก ใช่ครับ—ผมกำลังพูดถึง Godzilla หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “โกจิระ” ผมไม่ค่อยได้ดูหนังสัตว์ประหลาดมาก่อน จนกระทั่งได้ดู Shin Godzilla ผลงานของผู้กำกับ ฮิเดอากิ อันโนะ (Hideaki Anno) ที่ทำให้ผมเริ่มสนใจเจ้าสัตว์ประหลาดขนาดมหึมานี้ขึ้นมาจริงจัง ที่ผมชอบหนังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่เพราะโกจิระ แต่เพราะการเล่าเรื่องที่แฝงประเด็นการเมือง—รัฐบาลต้องรับมือและหยุดภัยพิบัตินี้ให้ได้ ผมว่าเป็นมุมมองที่สมจริง ถ้าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ รัฐบาลก็ควรเป็นด่านแรกที่ต้องจัดการ

ผมเดินออกจากสถานีท่ามกลางความเงียบสงบของย่านกินซ่า ตึกหรูเรียงราย ถนนยังโล่ง ผู้คนบางตา ห้างยังไม่เปิด ร้านอาหารก็ยังไม่มีใครนั่ง อาจเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวบางคนอาจสงสัยว่า “มาทำอะไรแต่เช้าขนาดนี้?” อย่างที่บอก ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะแบรนด์เนม แต่เพราะอยากมาทักทาย “โกจิระ” ตัวเต็มขนาดย่อมที่ตั้งอยู่หน้าห้าง Tokyo Midtown Hibiya และโรงหนัง The TOHO Screen & Stage ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของมัน
แม้ขนาดจะไม่ใหญ่เท่าในหนัง แต่รูปปั้นก็ถูกจัดวางไว้ในจุดที่มองเห็นเด่นชัดและดูยิ่งใหญ่ ผมว่าญี่ปุ่นเก่งมากในเรื่องการจัดวางสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาน่าประทับใจ แม้จะทำขนาดจริงไม่ได้ แต่ก็หลอกสายตาให้รู้สึกว่าใหญ่ได้ไม่ยาก เสียดายนิดหน่อยที่ผมมาเช้าเกิน เลยยังไม่ได้เข้าไปเดินในโรงหนังใกล้ ๆ นั้น ถ้าใครผ่านมาแถวนั้น ฝากเที่ยวแทนผมด้วยนะ

จากนั้นผมเดินทางต่อไปยังอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใหม่ของโตเกียว สถานที่ซึ่งโด่งดังจากภาพยนตร์อนิเมะฝีมือผู้กำกับ มาโคโตะ ชินไค (Makoto Shinkai) นั่นก็คือ “บันไดที่มีราวจับสีแดง” ในฉากท้ายเรื่องของ Your Name (หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ)

ยอมรับเลยว่าเมื่อแปดปีก่อน ตอนที่หนังเข้าฉายในไทย ผมไปดูในโรงตั้งแต่วันแรกโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พูดง่าย ๆ คือดูตามกระแสล้วน ๆ เพราะโปรโมตกันเยอะมาก จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะดีขนาดนั้นจริงไหม สุดท้ายก็พบว่างานภาพของโตเกียวในหนังเรื่องนี้สวยงามเกินคาด รายละเอียดละเมียดละไมสมคำร่ำลือ... ส่วนเนื้อเรื่องนั้น—ผมต้องยอมรับว่าแอบงง จนต้องไปหาอ่านบทวิเคราะห์ในพันทิปเพิ่มเติม

แม้จะเช้าอยู่ ผมก็เดินจนถึง ศาลเจ้าสุงะ (Suga Shrine) ด้านหน้าศาลเจ้าคือบันไดที่กลายเป็นภาพจำในฉากที่ตัวเอกทั้งสองเดินสวนกัน จุดนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากสถานี แต่เพราะผมชอบความสงบของเมืองใหญ่ก่อนผู้คนจะเริ่มเคลื่อนไหวทำให้ผมเดินได้อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก บริเวณรอบบันไดส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย ทำให้มีป้ายขอความร่วมมือไม่ให้ส่งเสียงดัง ผมตั้งกล้องถ่ายภาพเงียบ ๆ ยืนมองลงมาจากด้านบนของบันได—ในที่สุดก็ได้มาเยือน สถานที่ที่อยู่ในหัวมานาน อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมตอนมาโตเกียวครั้งแรกถึงไม่มาที่นี่ อาจเพราะตอนนั้นหนังเพิ่งจบกระแส หรือไม่ก็เพราะผมตื่นเต้นกับการได้ออกมาเห็นโลกกว้างจนลืมเรื่องหนังไปสนิท


ผมเดินเล่นแถวศาลเจ้า เห็นแผ่นไม้ เอมะ ที่แขวนเรียงราย บนแผ่นไม้มีทั้งข้อความและภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับหนัง บางภาพก็วาดอย่างจริงจัง บางภาพก็เอาฮา แม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แต่พอสัมผัสได้ว่าที่นี่ยังคงมีผู้คนมาเยี่ยมชมอยู่เสมอ


มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยดีนัก... ผมอยากเข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่หน้าศาลเจ้า แต่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ผมก็ต้องรีบปิดทันที เพราะเจอกับของ “วิ้ง ๆ” ตรงคอห่าน (คงไม่ต้องอธิบายละเอียดเนอะ) ทำให้ต้องถอยออกมาด้วยความเร็ว เรื่องเสียงดังอาจรบกวนชาวบ้านก็เรื่องหนึ่ง แต่อันนี้คือเกินจะรับไหว คนมากปัญหาก็มากตามจริง ๆ

ขณะลงบันไดกลับ เจอชายวัยรุ่นอีกคนเดินมาถ่ายรูปบันไดเหมือนกัน ผมอยากกระซิบเตือนด้วยความหวังดีว่า "อย่าเข้าห้องน้ำนะ" โชคดีที่เขาอยู่ไม่นานและเดินกลับไปแล้ว

โชคดีแล้วครับ ที่คุณได้ภาพสวยจากบันไดโดยไม่มี 'ภาพติดตา' แบบผมแถมมาด้วย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่