[CR] [พาแม่ไปเที่ยวแถว Kansai กันเถอะ] Day 7 & 8 - 2 วันสุดท้ายก็ตะลุยกินที่ Kuromon market แล้วละลายเงินเยนกันต่อที่ Rinku

=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=

(: สองวันสุดท้ายของทริปแล้ว ยังไม่อยากกลับบ้านเลย เป็นกันมั้ยครับ ??
โดยแพลนเที่ยวของวันรองสุดท้าย เราจะเที่ยวในย่านตัวเมือง Osaka กัน
ก่อนที่จะย้ายที่นอนไปนอนใกล้ๆ KIX และปิดทริปด้วยการละลายเงินเยนกันที่ Rinku Premium Outlets
พร้อมไปลุย 48 ชั่วโมงสุดท้ายที่คันไซด้วยกันมั้ยคร้าบ !!

(: เช้านี้ตื่นมาด้วยความหิวโหย สงสัยเมื่อวานใช้พลังงานกันที่ USJ เยอะไปหน่อยหรือผมเริ่มแก่แล้ว !! เรารีบลงไปกินมื้อเช้ากันครับ เดี๋ยวต้องรีบขึ้นมาจัดกระเป๋าแล้วเตรียม Check out กัน อย่าที่เคยรีวิวไปนะครับว่าอาหารเช้าที่ Toyoko Inn สาขานี้เปลี่ยนเมนูไปทุกวัน ก็เลยยัง Enjoy อาหารเช้าได้อยู่

(: ใครที่กระเป๋าหลายใบ หรือเดินทางกับเด็กหรือผู้ใหญ่ แล้วกลัวไม่สะดวกเวลาย้ายโรงแรม ย้ายเมือง หรือเดินทางกลับไปสนามบิน ผมแนะนำให้ใช้บริการส่งกระเป๋าไปจุดหมายปลายทางก่อนเลยฮะ โดยเจ้าที่ผมใช้รอบนี้และเป็นครั้งที่ 2 แล้ว คือ Airporter ครับ ผมประทับใจบริการรอบแรกที่ใช้ที่โตเกียว เวลาจนท.มารับกระเป๋าที่โรงแรม เคลื่อนย้ายหรือกระเป๋าถึงสนามบินแล้ว ก็จะได้รับ E-mail พร้อมรูปของกระเป๋าเราอัปเดทตลอด รอบนี้ก็เลยไม่พลาด ใช้ Airporter อีกครั้ง แต่รอบนี้ไม่มีการอัปเดทใดๆ เลย E-mail เดียวที่ได้ คือ Notice ว่าอีก 2 วันจะมารับกระเป๋าที่โรงแรมนะ ระหว่างวันที่ส่งกระเป๋าไปรอที่สนามบินก็แอบกังวลว่ากระเป๋าโผ้มนั้นอยู่แห่งหนตำบลใดในญี่ปุ่น ฮ่าๆๆๆ

(: ผมเคยอ่านรีวิวจากพี่ๆใน Pantip ว่ามีวัดๆนึงที่ถือว่าเป็น Power spot ที่มีพลังงานพิเศษแห่งนึงของญี่ปุ่น ซึ่งก็คือที่ Horikoshi Jinja Shrine โดยเราจะเดินทางกันด้วย Osaka Metro จาก Namba station ไปที่สถานี Tanimachi 9 Chome กันก่อนแล้วเปลี่ยนสายเพื่อไปที่สถานี Tennoji โดยตอนที่ต่อแถวโดยเฉพาะ Rush hour คุณผู้ชายทั้งหลายระวังเข้าขบวนที่มีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้นด้วยนะครับ


(: สถานี Tennoji ผมว่าก็เปรียบเป็น Namba walk แบบย่อมๆ ได้เลยนะครับ มีทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านดอกไม้ ถ้าเป็นช่วงก่อนหรือหลังเลิกงาน คงพลุกพล่านไม่แพ้ย่านๆนัมบะเลย

(: พอขึ้นมาจากสถานี Tennoji เราก็เดินอีกประมาณ 10 นาทีเพื่อไปยัง Horikoshi Jinja shrine ทางเดินที่ญี่ปุ่นก็คือเดินเพลินมาก นอกจากจะอาดไม่ต้องกลัวเหยียบนู้นนี่นั่นแล้ว เราก็จะเจออะไรๆที่มันญี่ปู้นญี่ปุ่นอย่างตู้กดน้ำปิกาจู้ หรืออาคารอะไรไม่แน่ใจแต่น่ารักตรงน้อนหมา 3 ตัวที่โผล่ออกมา ส่วนแม่ผมก็แวะสำรวจน่าจะต้นซากุระแทบทุกต้นว่าเริ่มผลิดอกรึยัง




(: ถึงแล้วครับ ภายนอกศาลเจ้าคือเรียบง่ายและสงบ มีผู้คนแวะคำนับศาลเจ้าทางด้านนอกเวลาที่เดินผ่าน แค่นี้ผมก็รู้สึกถึงพลังงาน ความ Powerful แล้วครับ

(: พอเดินเข้าไปทางด้านใน Horikoshi Jinja Shrine มองตรงเข้าไปก็จะเจอกับศาลเจ้าก่อนเลย ส่วนทางด้านซ้ายของประตูก็คือบริเวณสำหรับล้างมือและปากก่อนเข้าไปสักการะบริเวณศาลเจ้า


(: เราเข้าไปสักการะบริเวณตัวศาลเจ้าหลัก ซึ่งด้านข้างก็จะมีเสาโทริและบริเวณที่ให้ผูกแผ่นคำขอพร โดยมีความเชื่อกันว่าที่บริเวณศาลเจ้านี้เป็นแหล่ง Power spot หรือบริเวณที่มีพลังงานพิเศษบางอย่าง ซึ่งสามารถนำมาซึ่งโชคลาภ หรือการเสริมสร้างงานบวกให้กับชีวิตได้ ผมก็เลยลองยื่นนิ่งๆ ทำสมาธิเพื่อปล่อยจิตปล่อยใจให้โล่งเผื่อจะได้รับพลังงานดีๆ ติดตัวกลับมาบ้าง




(: น่าจะเป็นอีกศาลเจ้านึงภายในวัดก่อนที่เราจะไปถึงต้นไม้ศักสิทธิ์ บ้านผมก็ไม่รีรอ รีบขอพรและรับพลังงานจากศาลเจ้านี้ด้วย

(: Highlight ของศาลเจ้าที่ทำให้ผมตัดสินใจใส่ศาลเจ้านี้ไว้ในแพลนก็คือ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้นการบูรอายุมากกว่า 500 ปีที่สามารถรอดพ้นจากการถูกฟ้าผ่าหรือไฟไหม้มาได้ตลอด ผมอ่านเจอมาว่า มาถึงแล้วอย่าพลาดที่จะเอามือสัมผัสกับต้นไม้และขอพรจากเทวดาประจำต้นไม้กันครับ

(: นอกจากความสงบแล้ว ดอกไม้สีสันสดใสก็เพิ่มความสดชื่นและชีวิตชีวาให้กับศาลเจ้าแห่งนี้

(: หลังจากรับพลังงานดีๆ เยียวยาให้กับจิตใจแล้ว ก็ถึงเวลาเติมพลังงานดีๆ ให้กับกระเพาะอาหาร เดี๋ยวเราจะมุ่งหน้าไปที่ Kuromon Market ระหว่างที่เดินกลับไปที่สถานี Tennoji ร้านค้าต่างๆ ทยอยเปิดกันเกือบครบแล้ว เราแวะร้านขนมร้านแรกที่ขายพวก Cracker หรือข้าวเกรียบญี่ปุ่น


(: ทางร้านก็จะมีจัดขนมไว้ขายหลากหลาย Set ผมเลือกซื้อแบบที่เป็นกล่องสีชมพู พอแกะกล่องออกมาจะเจอซองขนม ใน 1 ซองก็จะมีข้าวเกรียบหลายๆชนิด ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรบ้าง แต่มันอร่อยแล้วยิ่งใช้เป็นกับแกล้มยิ่งหมดเร็วโดยไม่รู้ตัวเลยครับ


(: อีกร้านติดๆ กันจะเป็นร้านขายพวกผักผลไม้สด ผักดองและขนมอบกรอบ ที่สะดุดตาผมก็เจ้าถุงขนมสีชมพู ที่บอกว่าเป็นขนมอบกรอบรสชาติดอกซากุระ

(: ตึกตรงกลางภาพ คือ Abeno Harukas Tower หนึ่งในตึกที่เคยสูงที่สุดในญี่ปุ่น ผมว่าที่ย่าน Tennoji นี้ก็น่าพักเหมือนกันนะครับ มีรถไฟสาย Haruka เข้าออกสนามบิน มีห้างสรรพสินค้า วัดศาลเจ้า สวนสัตว์ และร้านอาหารเยอะแยะ ยิ่งในสถานีใต้ดินผมว่าก็ใหญ่ ร้านค้าให้ช็อปก้ไม่แพ้ย่านนัมบะเลย รอบหน้าถ้ามีโอกาสกลับไปโอซาก้า ต้องกลับไปแก้ตัวที่ย่านนี้แน่นอน

(: เราวาร์ปไปกันที่ สถานี Nippombashi ซึ่งเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตรก็จะถึง Kuromon Ichiba Market ตลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องของสด ของกินทั้งอาหารทะเล ซูชิและเนื้อ แต่ที่ตลาดแห่งนี้ยังมีร้านขายขนม ของฝาก ร้านเสื้อผ้า ร้านดอกไม้ และตู้กาชาปองด้วยฮะ !!!




(: เดินเข้ามาในตลาดร้านแรกที่เราเจอไม่ใช่ร้านที่ขายอาหารแต่เป็นร้านขายดอกไม้สีสันสดใส เพิ่มความสดชื่นในการเดินตลาดมั้ยฮะ 555



(: ผมจะขอรีวิวหรือแชร์อาหารเป็นหมวดๆ ไล่ไปนะครับ ไม่ได้เรียงตามการเดินหรือตำแหน่งร้านในตลาดนะครับ งั้นเราเริ่มกันที่เบาๆด้วย Oden ร้อนๆ บางร้านก็หม้อเล็กๆ ขายคู่กับอาหารอย่างอื่น ส่วนบ้านเราเลือกร้านที่หม้อใหญ่ๆหน่อย น้ำซุปดูเดือดๆ ซดแล้วลวกคอดีคร้าบ 555


(: เกือบจะมาไม่ถึง Osaka ซะแล้วถ้าไม่ได้กิน Okonomiyaki รสชาตก็ใช้ได้นะครับ นี่ก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ลองกินร้านที่ได้มิชลินอย่าง Ajinoya ใครเคยลองกินแล้ว มาแบ่งปันทีครับว่ารสชาตมันอร่อยขนาดไหนนนนน

(: ร้านขายเนื้อจะไม่มีได้ยังไง อย่างร้านแรกผมว่าเค้าน่าจะขายแบบเป็นขีดเป็นกิโลกรัม

(: แบบขายเป็นไม้ๆ ก็มีนะครับและส่วนใหญ่ร้านในตลาดก็จะขายแบบนี้ มีทั้ง ​​A5 เนื้อโกเบ เนื้อวากิวหรือใครไม่กินเนื้อก็มีหมูครับ ส่วนผมจัด A5 มา โอ้ยยย คือดี คือละลายในปาก คิดแล้วก็อยากกินอีก




อย่าลืมตามผมไปหาของกินต่อในคอมเม้นท์ด้านล่างนะครับ
เพี้ยนชนแก้ว
ชื่อสินค้า:   Kuromon market
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่