
เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 11:55 น.
https://isranews.org/article/isranews-news/138663-Survey-Results-on-Casinos-in-Thailand-news.html
ผลสำรวจฯ คณะสังคมศาสตร์ฯ ‘ม.มหิดล’ เผยประชาชน 82.6% ไม่ต้องการให้มี‘คาสิโน’ในประเทศไทย ห่วง ‘คนติดพนัน’ ก่อให้เกิดปัญหา ‘อาชญากรรม’ ตามมา ขณะที่ 83.8% ระบุ ‘ท่องเที่ยวไทย’ ไม่จำเป็นต้องมีคาสิโน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร และคณะ ได้สำรวจทัศนคติและความคิดเห็นในประเด็น ‘เอาไหม คาสิโน ในประเทศไทย’ โดยการลงพื้นที่สัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า (face to face) และการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (phone survey)
โดยใช้แบบสัมภาษณ์ผ่านช่องทางออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 9,212 ตัวอย่าง ในช่วงระหว่างวันที่ 1-9 พ.ค.2568 โดยผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘ต้องการให้มีคาสิโน ในประเทศไทยหรือไม่’
พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.6 ระบุว่า ไม่ต้องการให้มีคาสิโน ในประเทศไทย โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย ได้แก่ มีความ กังวลในประเด็นต่างๆ เช่น ประเด็นทางจริยธรรม ศีลธรรม และวัฒนธรรม ประเด็นปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคม ประเด็นปัญหาหนี้สินและการติดการพนัน ประเด็นความไม่พร้อมและภาพลักษณ์ของประเทศไทย และประเด็นยังไม่มี ความจำเป็น รวมถึงความเหลื่อมล้ำและผลประโยชน์ที่กระจุกตัว ตลอดจนเยาวชนมีโอกาสเข้าถึงการพนันมากขึ้น เป็นต้น
ส่วนผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘การท่องเที่ยวไทย จำเป็นต้องมีคาสิโน หรือไม่’ พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.8 ระบุว่า การท่องเที่ยวไทย ไม่จำเป็นต้องมี คาสิโน โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย ได้แก่ ประเทศ ไทยมีจุดแข็งด้านอื่นอยู่แล้ว ได้แก่ วัฒนธรรม ธรรมชาติ รวมทั้งอัธยาศัยของคนไทย ส่วนคาสิโนเป็นสิ่งผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม คาสิโนก่อให้เกิดปัญหาสังคม ไม่เห็นว่าคาสิโนจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง การท่องเที่ยวไทย ‘ดีอยู่แล้ว’ สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวได้โดยไม่พึ่งคาสิโน และคาสิโนเป็นแค่กิจกรรมเสริม ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เป็นต้น
ด้านผลการวิเคราะห์ประเด็น ‘จะเกิดผลกระทบใด หากมีคาสิโน ในประเทศไทย’ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ระบุผลกระทบไปในเชิงลบ ร้อยละ 86.0 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 57.1 ระบุว่า ทำให้เกิดอาชญากรรมอื่นๆ ตามมาจากพฤติกรรมการติดการพนัน เช่น การพนันออนไลน์ การขโมย การติดหนี้ การทะเลาะวิวาท เป็นต้น รองลงมาร้อยละ 17.9 ระบุว่า ส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมเสพติดการพนัน ร้อยละ 11.0 ระบุว่า ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์เมืองพุทธ
อย่างไรก็ดี มีผู้ตอบแบบสำรวจที่ระบุผลกระทบไปในเชิงบวก ร้อยละ 14.0 โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 6.6 ระบุว่า ทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น มีเงินไหลเข้าประเทศ ร้อยละ 3.7 ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้น ร้อยละ 2.0 ระบุว่า ทำให้มีงานทำมากขึ้น และร้อยละ 1.7 ระบุว่า สร้างรายได้ให้กับประชาชนมากขึ้น
ณะที่ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘ท่านเห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรหรือไม่’ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 81.3 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย อาทิ ความกังวลเรื่องผลกระทบต่อสังคมและเยาวชน ปัญหาด้านกฎหมายและการควบคุม ข้อกังวลด้านเศรษฐกิจ ไม่เชื่อว่า เป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงขัดต่อด้านศีลธรรมและค่านิยม เป็นต้น
นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘ท่านต้องการให้การพนันถูกกฎหมายหรือไม่’ ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 81.1 ระบุว่า ไม่ต้องการให้การพนันถูกกฎหมาย โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย อาทิ ผลกระทบทาง สังคมและครอบครัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงต่ออาชญากรรม ความไม่เชื่อมั่นในระบบรัฐ มุมมองเชิงคุณธรรม และจริยธรรม และมองว่าปัจจุบันปัญหาด้านการพนันก็แย่อยู่แล้ว เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยฯ ได้จัดทำบทสรุปผลสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นคาสิโนในประเทศไทยฯ ว่า มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน

โดยผู้ที่เห็นด้วย มองว่าการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายจะนำมาซึ่งผลดีหลายประการ เช่น
-การสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจ : คาสิโนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก่อให้เกิดการลงทุน สร้างงาน และเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษี ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆได้
-การควบคุมและจัดระเบียบ : การทำให้คาสิโนถูกกฎหมายจะช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมและจัดระเบียบธุรกิจนี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการพนันใต้ดิน การฟอกเงิน และอาชญากรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
-การท่องเที่ยวครบวงจร : คาสิโนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Entertainment Complex) ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งจะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศ
-การเก็บภาษี : รัฐบาลสามารถเก็บภาษีจากธุรกิจคาสิโนในอัตราที่สูง ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ
ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วย มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น เช่น
-ปัญหาสังคม : การเปิดคาสิโนอาจนำไปสู่ปัญหาการติดการพนัน หนี้สิน อาชญากรรม และความแตกแยกใน ครอบครัว
-ผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง : ผู้ที่มีรายได้น้อยอาจได้รับผลกระทบจากการพนันมากที่สุด ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่มากขึ้น
-การมอมเมาประชาชน : บางส่วนมองว่าการพนันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นการมอมเมาประชาชน และขัดต่อศีลธรรม
-ความกังวลเกี่ยวกับการควบคุม : แม้จะมีการควบคุม แต่ก็ยังมีความกังวลว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมธุรกิจคาสิโน ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ และอาจมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น
คณะผู้วิจัยฯยังข้อสังเกตและประเด็นที่ควรพิจารณา ได้แก่
-หลายฝ่ายเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบทางสังคมอย่างเข้มงวด หาก มีการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย เช่น การจำกัดอายุผู้เข้าเล่น การกำหนดวงเงินเดิมพัน และการมีระบบบำบัดผู้ติดการพนัน
-มีการเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าเล่นคาสิโนของแต่ละบุคคลต่อเดือน เพื่อลดความเสี่ยงของการติดการพนัน
-ประเด็นเรื่องการควบคุมกลุ่มอิทธิพลและการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในธุรกิจคาสิโน เป็นสิ่งที่สังคมให้ ความสำคัญอย่างมาก
-การศึกษาทัศนคติของประชาชนต่อการเปิดคาสิโนในประเทศไทย พบว่ามีความเห็นที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม

“โดยสรุปประเด็นคาสิโนในประเทศไทยเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและต้องพิจารณาอย่างรอบด้านถึงผลดีและผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม การตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มีการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ นั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด การรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และการมีมาตรการที่รัดกุมเพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบที่อาจตามมา” คณะผู้วิจัยฯระบุ
ผลสำรวจ ‘ม.มหิดล’ เผย 82.6% ไม่ต้องการให้มี ‘คาสิโน’ ในไทย ห่วง ‘คนติดพนัน’ ก่อปัญหาอาชญากรรม
เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 11:55 น.
https://isranews.org/article/isranews-news/138663-Survey-Results-on-Casinos-in-Thailand-news.html
ผลสำรวจฯ คณะสังคมศาสตร์ฯ ‘ม.มหิดล’ เผยประชาชน 82.6% ไม่ต้องการให้มี‘คาสิโน’ในประเทศไทย ห่วง ‘คนติดพนัน’ ก่อให้เกิดปัญหา ‘อาชญากรรม’ ตามมา ขณะที่ 83.8% ระบุ ‘ท่องเที่ยวไทย’ ไม่จำเป็นต้องมีคาสิโน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร และคณะ ได้สำรวจทัศนคติและความคิดเห็นในประเด็น ‘เอาไหม คาสิโน ในประเทศไทย’ โดยการลงพื้นที่สัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า (face to face) และการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (phone survey) โดยใช้แบบสัมภาษณ์ผ่านช่องทางออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 9,212 ตัวอย่าง ในช่วงระหว่างวันที่ 1-9 พ.ค.2568 โดยผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘ต้องการให้มีคาสิโน ในประเทศไทยหรือไม่’
พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.6 ระบุว่า ไม่ต้องการให้มีคาสิโน ในประเทศไทย โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย ได้แก่ มีความ กังวลในประเด็นต่างๆ เช่น ประเด็นทางจริยธรรม ศีลธรรม และวัฒนธรรม ประเด็นปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคม ประเด็นปัญหาหนี้สินและการติดการพนัน ประเด็นความไม่พร้อมและภาพลักษณ์ของประเทศไทย และประเด็นยังไม่มี ความจำเป็น รวมถึงความเหลื่อมล้ำและผลประโยชน์ที่กระจุกตัว ตลอดจนเยาวชนมีโอกาสเข้าถึงการพนันมากขึ้น เป็นต้น
ส่วนผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘การท่องเที่ยวไทย จำเป็นต้องมีคาสิโน หรือไม่’ พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.8 ระบุว่า การท่องเที่ยวไทย ไม่จำเป็นต้องมี คาสิโน โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย ได้แก่ ประเทศ ไทยมีจุดแข็งด้านอื่นอยู่แล้ว ได้แก่ วัฒนธรรม ธรรมชาติ รวมทั้งอัธยาศัยของคนไทย ส่วนคาสิโนเป็นสิ่งผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม คาสิโนก่อให้เกิดปัญหาสังคม ไม่เห็นว่าคาสิโนจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง การท่องเที่ยวไทย ‘ดีอยู่แล้ว’ สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวได้โดยไม่พึ่งคาสิโน และคาสิโนเป็นแค่กิจกรรมเสริม ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เป็นต้น
ด้านผลการวิเคราะห์ประเด็น ‘จะเกิดผลกระทบใด หากมีคาสิโน ในประเทศไทย’ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ระบุผลกระทบไปในเชิงลบ ร้อยละ 86.0 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 57.1 ระบุว่า ทำให้เกิดอาชญากรรมอื่นๆ ตามมาจากพฤติกรรมการติดการพนัน เช่น การพนันออนไลน์ การขโมย การติดหนี้ การทะเลาะวิวาท เป็นต้น รองลงมาร้อยละ 17.9 ระบุว่า ส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมเสพติดการพนัน ร้อยละ 11.0 ระบุว่า ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์เมืองพุทธ
อย่างไรก็ดี มีผู้ตอบแบบสำรวจที่ระบุผลกระทบไปในเชิงบวก ร้อยละ 14.0 โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 6.6 ระบุว่า ทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น มีเงินไหลเข้าประเทศ ร้อยละ 3.7 ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้น ร้อยละ 2.0 ระบุว่า ทำให้มีงานทำมากขึ้น และร้อยละ 1.7 ระบุว่า สร้างรายได้ให้กับประชาชนมากขึ้น
นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘ท่านต้องการให้การพนันถูกกฎหมายหรือไม่’ ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 81.1 ระบุว่า ไม่ต้องการให้การพนันถูกกฎหมาย โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย อาทิ ผลกระทบทาง สังคมและครอบครัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงต่ออาชญากรรม ความไม่เชื่อมั่นในระบบรัฐ มุมมองเชิงคุณธรรม และจริยธรรม และมองว่าปัจจุบันปัญหาด้านการพนันก็แย่อยู่แล้ว เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยฯ ได้จัดทำบทสรุปผลสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นคาสิโนในประเทศไทยฯ ว่า มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
โดยผู้ที่เห็นด้วย มองว่าการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายจะนำมาซึ่งผลดีหลายประการ เช่น
-การสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจ : คาสิโนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก่อให้เกิดการลงทุน สร้างงาน และเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษี ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆได้
-การควบคุมและจัดระเบียบ : การทำให้คาสิโนถูกกฎหมายจะช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมและจัดระเบียบธุรกิจนี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการพนันใต้ดิน การฟอกเงิน และอาชญากรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
-การท่องเที่ยวครบวงจร : คาสิโนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Entertainment Complex) ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งจะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศ
-การเก็บภาษี : รัฐบาลสามารถเก็บภาษีจากธุรกิจคาสิโนในอัตราที่สูง ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ
ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วย มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น เช่น
-ปัญหาสังคม : การเปิดคาสิโนอาจนำไปสู่ปัญหาการติดการพนัน หนี้สิน อาชญากรรม และความแตกแยกใน ครอบครัว
-ผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง : ผู้ที่มีรายได้น้อยอาจได้รับผลกระทบจากการพนันมากที่สุด ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่มากขึ้น
-การมอมเมาประชาชน : บางส่วนมองว่าการพนันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นการมอมเมาประชาชน และขัดต่อศีลธรรม
-ความกังวลเกี่ยวกับการควบคุม : แม้จะมีการควบคุม แต่ก็ยังมีความกังวลว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมธุรกิจคาสิโน ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ และอาจมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น
คณะผู้วิจัยฯยังข้อสังเกตและประเด็นที่ควรพิจารณา ได้แก่
-หลายฝ่ายเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบทางสังคมอย่างเข้มงวด หาก มีการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย เช่น การจำกัดอายุผู้เข้าเล่น การกำหนดวงเงินเดิมพัน และการมีระบบบำบัดผู้ติดการพนัน
-มีการเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าเล่นคาสิโนของแต่ละบุคคลต่อเดือน เพื่อลดความเสี่ยงของการติดการพนัน
-ประเด็นเรื่องการควบคุมกลุ่มอิทธิพลและการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในธุรกิจคาสิโน เป็นสิ่งที่สังคมให้ ความสำคัญอย่างมาก
-การศึกษาทัศนคติของประชาชนต่อการเปิดคาสิโนในประเทศไทย พบว่ามีความเห็นที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม
“โดยสรุปประเด็นคาสิโนในประเทศไทยเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและต้องพิจารณาอย่างรอบด้านถึงผลดีและผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม การตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มีการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ นั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด การรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และการมีมาตรการที่รัดกุมเพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบที่อาจตามมา” คณะผู้วิจัยฯระบุ