JJNY : 5in1 ไทยเสี่ยง‘เงินฝืด’│82.6% ไม่ต้องการให้มี‘คาสิโน’│ชี้ชัดราคาตึก SKYY9│ภัณฑิลค้านเร่งร่าง│“ฮุนมาเนต”โพสต์ซัด

ไทยเสี่ยง ‘ภาวะเงินฝืด’ ฉุดเศรษฐกิจซึมยาว ‘ลงทุน-บริโภค’ ดิ่ง
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1184063
.
.
นักเศรษฐศาสตร์ห่วงไทยเข้าสู่ ‘ภาวะเงินฝืด‘ หากเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง ชี้ไม่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจ ทำคนชะลอลงทุน ชะลอบริโภค ทุบเศรษฐกิจ ’ซึมยาว’
.
• เกียรตินาคินภัทร ชี้สถานการณ์เงินเฟ้อไทยต่ำต่อเนื่องติดต่อกัน 10 ปี ไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว ห่วงเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง กระทบต่อการขึ้นราคา-การลงทุน-ค่าจ้างดิ่ง
• ชี้ไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ “เงินฝืด” จากเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง กังวลการซ้ำรอยญี่ปุ่น ฉุดไทยเศรษฐกิจติดหล่มยาว
• ซีไอเอ็มบี ไทย ชี้เงินเฟ้อต่ำ จากปัญหาด้านอุปทานระยะสั้น ราคาผักผลไม้-พลังงานดิ่ง สินค้าจีนทะลักเข้าไทย ยิ่งฉุดความสามารถการแข่ง
.
สถานการณ์ “เงินเฟ้อ” ของไทยยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนพ.ค.2568 อยู่ที่ -0.57% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเพิ่มขึ้น 1.09% สวนทางกับหลายประเทศที่ “เงินเฟ้อ” เริ่มกลับมาเป็นบวก และเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น
เหล่านี้นำมาสู่คำถามสำคัญว่า เงินเฟ้อที่ยิ่งอ่อนแรงลงเป็นเพียงสัญญาณ “ชั่วคราว” หรือกำลังเป็นสัญญาณ “ถาวร” หรืออาจนำไทยเดินไปสู่ “ภาวะเงินฝืด” หรือไม่?
.
พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ภาพเงินเฟ้อของไทยที่ “ติดลบ” ต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การติดลบชั่วคราวจากราคาสินค้า หากภาพใหญ่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มี “แรงกดดันเงินเฟ้อ” หรือ inflationary pressure ที่อยู่ในระดับต่ำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

และเงินเฟ้อที่เห็นติดลบในปัจจุบัน ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เงินเฟ้อไทยชะลอตัวมานานติดต่อกันเป็น 10 ปี ไม่ใช่เพิ่งมาเกิดในปีนี้ จาก core inflation ที่ปัจจุบันต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางมาต่อเนื่อง เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องชั่วคราว แต่มันคือ สัญญาณโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่มีปัญหามานาน
.
“เราไม่ได้มีเงินเฟ้อเพราะดีมานด์เลย ไม่มีแรงกดดันด้านราคา สะท้อนว่าภาคธุรกิจขาดพลังในการส่งต่อราคาสินค้าต่อผู้บริโภค หรือพูดง่ายๆ คือ ไม่มีใครกล้าขึ้นราคา เพราะผู้บริโภคไม่มีเงินพอจะรับราคาที่สูงขึ้น
.
ดังนั้น การที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้กระทบแค่ตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และนักลงทุนในด้านความเชื่อมั่นต่างๆ ให้ลดลง
.
ทั้งขาด pricing power ของธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาสินค้าหรือบริการได้ เจ้าของบ้านไม่สามารถปรับขึ้นราคาค่าเช่าได้ ในภาวะที่เงินเฟ้อต่ำต่อเนื่องซ้ำร้ายในด้านการลงทุนอาจลดลง เมื่อราคาสินค้าไม่เพิ่มขึ้น
.
นักลงทุนไม่มีแรงจูงใจในการลงทุนเพื่อสร้างกำไรในอนาคต กระทบเป็นลูกโซ่ไปถึง “ค่าจ้าง” ที่อาจไม่ขยับตามเมื่อไม่มีเงินเฟ้อ รายได้แรงงานก็ไม่ปรับเพิ่ม ทำให้กำลังซื้อในระบบไม่หมุนเวียน
.
สุดท้ายก็ย้อนกลับมาสู่ ความมั่นใจทางเศรษฐกิจที่ยิ่งถดถอยลง ทั้งผู้บริโภค และผู้ประกอบการชะลอการใช้จ่าย และการลงทุน
.
“พิพัฒน์” ยังฉายภาพให้เห็นว่า จากเงินเฟ้อที่ต่ำต่อเนื่องยังเสี่ยงนำพา “ประเทศไทย” เดินตามรอย “ญี่ปุ่น” ที่เผชิญกับดักเงินฝืดหลังวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ในทศวรรษ 1990 ทำให้เศรษฐกิจติดหล่มเป็นระยะเวลานานไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ง่ายๆ
.
 แม้วันนี้ “ประเทศไทย” ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืดเต็มตัว แต่ก็มี “ความเสี่ยง” ที่ไทยจะหลุดเข้าไปในวงจรนั้นได้ในไม่ช้า หากเงินเฟ้อยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวของดีมานด์ในประเทศ
.
“เรามีความเสี่ยงมาก ที่จะซ้ำรอยญี่ปุ่น เหมือนยุคที่ญี่ปุ่นเจอเงินฝืด ทำให้พอราคาสินค้าไม่ขึ้น ผู้คนก็ยิ่งไม่กล้าจับจ่าย ลงทุน หรือไม่สามารถขยับอะไรได้เลย แล้วเศรษฐกิจก็ติดหล่มไปเป็นสิบปี หากเราไม่ทำอะไรเราก็จะซ้ำรอยเหมือนที่ญี่ปุ่นเผชิญมาแล้ว ดังนั้น อย่ารอให้เห็นเงินฝืดชัดๆ แล้วค่อยกังวล เพราะพอถึงตอนนั้น เราอาจต้องใช้เวลานานเป็นสิบปีเหมือนญี่ปุ่นกว่าจะฟื้นเศรษฐกิจกลับมาได้”
.
สุดท้ายแล้วมองว่า สิ่งที่ต้องทำคือ การรักษา “เสถียรภาพราคา” บนเงินเฟ้อในระดับต่ำแต่มีเสถียรภาพ ไม่สูงจนทำลายกำลังซื้อของประชาชน แต่ก็ไม่ต่ำเกินไปจนส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจไม่มีแรงกระตุ้น เพราะเงินเฟ้อก็เป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของทั้งระบบว่า เศรษฐกิจยังมีพลัง มีคนจับจ่าย มีคนลงทุน และมีอนาคตที่มองเห็นได้!
.
อมรเทพ จาวะลา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า เงินเฟ้อที่ต่ำลงต่อเนื่อง ไม่ใช่ภาพที่ “สบายใจ” เพราะเงินเฟ้อที่ลดลงไม่ได้มาจากเพียงราคาผัก ผลไม้ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง
.
แต่มันสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเฉพาะกำลังซื้อในประเทศที่ยังฟื้นไม่เต็มที่ สะท้อนภาพเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าที่อาจต่ำลงต่อเนื่อง และอาจไม่สามารถกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายในปีนี้ได้
.
เงินเฟ้อที่ต่ำลง ไม่เพียงจากราคาผัก ผลไม้ที่ลดลงชั่วคราวเท่านั้น แต่ “สินค้าจีนทะลักเข้าไทย” ยังเป็นปัจจัยที่ยิ่งซ้ำเติมให้เงินเฟ้อไทยยิ่งต่ำลงต่อเนื่อง จากการที่ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากกำลังเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาจาก “ของถูกจากจีน” ที่ทะลักเข้าสู่ตลาดไทย และอาเซียน ทำให้ผู้ประกอบการไทยถูกกดราคาจนไม่สามารถขึ้นราคาขายได้แม้ต้นทุนจะเพิ่ม
.
“เหล่านี้คือ ปัญหาเชิงโครงสร้าง ต้องใช้มาตรการภาครัฐโดยตรง เช่น ภาษีนำเข้า หรือการคุมดั๊มพ์ราคาของสินค้าจีน ไม่ใช่ปล่อยให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แก้ด้วยการลดดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว เพราะคงไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
.
"เงินเฟ้อ" ที่ลดลง ยังสะท้อนถึงรายได้ครัวเรือนไทยยังฟื้นช้า เพราะคนไทยยังรู้สึกไม่มั่นคงทางการเงิน ภายใต้หนี้สูง รายได้ไม่เพิ่ม
.
ถามว่าวันนี้ประเทศไทยเข้าสู่ “ภาวะเงินฝืด” แล้วหรือไม่? “ยังไม่” แต่หากเงินเฟ้อยังติดลบต่อไป อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะเงินฝืดในระยะถัดไปได้ เพราะภายใต้การคาดการณ์ของคนว่า ราคาของจะลดลงอีก อาจทำให้เกิดการชะลอการซื้อสินค้า รอต่อไป เหล่านี้มาจากผลของ “กับดักของเงินเฟ้อต่ำเกินไป
.
เงินเฟ้อต่ำกระทบด้านใดบ้าง? ทำให้ธุรกิจไม่มีแรงจูงใจลงทุน ไม่มีเหตุผลในการสต๊อกสินค้า ไม่มีเหตุผลในการขึ้นราคาหรือเพิ่มกำลังผลิต เหล่านี้เป็นวงจรที่ทำให้เศรษฐกิจ “ซึมยาว” เพราะไม่มีแรงส่ง ดังนั้นน่ากังวลอย่างมาก
.
ทั้งนี้ มองว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญทั้ง “ศึกนอก-ศึกใน” จากปัจจัยภายในประเทศที่อ่อนแอ ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการแข่งขันจากจีน ไทยยังต้องเผชิญกับ “ศึกนอก” ที่มาจากสงครามการค้ารอบใหม่ ดังนั้นภาพของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2-3 ปีนี้ยังเผชิญความเสี่ยงโตต่ำ โตลดลงต่อเนื่อง
.
แม้เงินเฟ้อที่ต่ำจะช่วยลดต้นทุนให้ผู้บริโภค และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในบางแง่ แต่เงินเฟ้อที่ต่ำเกินไปจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการลงทุน เมื่อราคาสินค้าขึ้นไม่ได้ และมีแนวโน้มลดลง ผู้คนจะชะลอการลงทุน และชะลอการซื้อสินค้า เพราะคาดหวังว่าราคาจะลดลงอีก ภาพรวมเช่นนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่เรียกว่า ซึมยาว หลังจากนี้” 
.
สุดท้ายแล้วมองว่า ในสถานการณ์ที่เงินเฟ้อต่ำ ดอกเบี้ยนโยบาย กลายเป็นที่ถูกจับตาอย่างมากว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 25 มิ.ย.68 นี้ อาจมีความจำเป็นที่ “กนง.” อาจต้อง “ลดดอกเบี้ย” ลงอีก 0.25% เพื่อประคับประคองความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ
.

.
ผลสำรวจ‘ม.มหิดล’เผย 82.6% ไม่ต้องการให้มี‘คาสิโน’ในไทย ห่วง‘คนติดพนัน’ก่อปัญหาอาชญากรรม
https://www.isranews.org/article/isranews-news/138663-Survey-Results-on-Casinos-in-Thailand-news.html
.
ผลสำรวจฯ คณะสังคมศาสตร์ฯ ‘ม.มหิดล’ เผยประชาชน 82.6% ไม่ต้องการให้มี‘คาสิโน’ในประเทศไทย
ห่วง ‘คนติดพนัน’ ก่อให้เกิดปัญหา ‘อาชญากรรม’ ตามมา ขณะที่ 83.8% ระบุ ‘ท่องเที่ยวไทย’ ไม่จำเป็นต้องมีคาสิโน
...................................
.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร และคณะ ได้สำรวจทัศนคติและความคิดเห็นในประเด็น ‘เอาไหม คาสิโน ในประเทศไทย’ โดยการลงพื้นที่สัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า (face to face) และการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (phone survey) โดยใช้แบบสัมภาษณ์ผ่านช่องทางออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 9,212 ตัวอย่าง ในช่วงระหว่างวันที่ 1-9 พ.ค.2568
โดยผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘ต้องการให้มีคาสิโน ในประเทศไทยหรือไม่’ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.6 ระบุว่า ไม่ต้องการให้มีคาสิโน ในประเทศไทย โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย ได้แก่ มีความ กังวลในประเด็นต่างๆ เช่น ประเด็นทางจริยธรรม ศีลธรรม และวัฒนธรรม ประเด็นปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคม ประเด็นปัญหาหนี้สินและการติดการพนัน ประเด็นความไม่พร้อมและภาพลักษณ์ของประเทศไทย และประเด็นยังไม่มี ความจำเป็น รวมถึงความเหลื่อมล้ำและผลประโยชน์ที่กระจุกตัว ตลอดจนเยาวชนมีโอกาสเข้าถึงการพนันมากขึ้น เป็นต้น
.
ส่วนผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ‘การท่องเที่ยวไทย จำเป็นต้องมีคาสิโน หรือไม่’ พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.8 ระบุว่า การท่องเที่ยวไทย ไม่จำเป็นต้องมี คาสิโน โดยให้เหตุผลที่หลากหลาย ได้แก่ ประเทศ ไทยมีจุดแข็งด้านอื่นอยู่แล้ว ได้แก่ วัฒนธรรม ธรรมชาติ รวมทั้งอัธยาศัยของคนไทย ส่วนคาสิโนเป็นสิ่งผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม คาสิโนก่อให้เกิดปัญหาสังคม ไม่เห็นว่าคาสิโนจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง การท่องเที่ยวไทย ‘ดีอยู่แล้ว’ สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวได้โดยไม่พึ่งคาสิโน และคาสิโนเป็นแค่กิจกรรมเสริม ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เป็นต้น.
.
ด้านผลการวิเคราะห์ประเด็น ‘จะเกิดผลกระทบใด หากมีคาสิโน ในประเทศไทย’ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ระบุผลกระทบไปในเชิงลบ ร้อยละ 86.0 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 57.1 ระบุว่า ทำให้เกิดอาชญากรรมอื่นๆ ตามมาจากพฤติกรรมการติดการพนัน เช่น การพนันออนไลน์ การขโมย การติดหนี้ การทะเลาะวิวาท เป็นต้น รองลงมาร้อยละ 17.9 ระบุว่า ส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมเสพติดการพนัน ร้อยละ 11.0 ระบุว่า ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์เมืองพุทธ
.
อย่างไรก็ดี มีผู้ตอบแบบสำรวจที่ระบุผลกระทบไปในเชิงบวก ร้อยละ 14.0 โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 6.6 ระบุว่า ทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น มีเงินไหลเข้าประเทศ ร้อยละ 3.7 ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้น ร้อยละ 2.0 ระบุว่า ทำให้มีงานทำมากขึ้น และร้อยละ 1.7 ระบุว่า สร้างรายได้ให้กับประชาชนมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่