รูปสว่าง ใส มันสร้างกันได้

1.สติที่เป็นโลกุตรสติ จะไม่มีตัวตน ให้ผลคนละอย่าง(จิตใจ) กับมิจฉาสติ ในอากาสจะหาความเป็นเราได้ยาก ดังนั้นเมื่อสติไปรู้ที่กาย(สมาธิ) จะเห็นว่าจิตที่ไปรู้กายนั้น เบา ว่าง โล่ง เป็นลักษณะของ อรูปฌานจิต

หากแยกรูปนาม แยกจิตได้ จิตใจจะลอยอยู่เหนือศรีษะ เหนือกาย เป็นเหตุให้ที่กายเต็มด้วยอากาส ที่ใจก็เต็มด้วยอากาส อากาสแห่งความเป็นกุศลจิต อากาสที่เป็นกุศลจิตเป็นผล เช่น สุข สงบ สว่าง ใสสะอาด จะเป็นบรรยา

ความเป็นจริงเรากลืนอยู่กับอากาสมาตั้งแต่ต้น (จิตที่กลืนกับธรรมชาติ) แต่เพราะการรับรู้อะไรด้วยขาดอากาส มาเป็นบรรยากาสล้อมรอบความรู้สึก จึงทำให้เกิดตัวตน เกิดความเป็นเรา กลับสู่ธรรมชาติเดิมของเราที่เ

1.ขั้นที่1 เป็นจิตที่ไม่ถูกปรุงแต่งจากอารมณณ์ทางขันธ์5 ขยายความ -เป็นจิตที่หลุดพ้นจาก อารมณ์ทางขันธ์5 เช่น หากอารมณ์ทางขันธ์5เป็นรูป เป็นเสียงที่คนกำลังด่าเรา หากหลุดพ้นจากเสียง หมายความว่า คำด่านั

ขณะจิตในวิปัสนาคือการเห็นจิต ด้วยอินทรีย์อันยิ่ง เสียงกับวิญญานทางหูเป็น ตัวรู้กับตัวถูกรู้ ภาพกับวิญญานทางตา เป็นตัวรู้กับตัวถูกรู้ จิตที่เห็นความสว่างของตัวเอง เป็นตัวรู้กับตัวถูกรู้ ดังนั้น ไม่พ้

นิยาม 1.ปาฏิหาริย์-คือความไม่ธรรมดา อันไม่อาจพบได้จากวิถีปกติ 2.ไม่มีตัวตนในรูป - การสติปัฐฐานด้วยแยกจิตออกมาจากรูป (หนึ่งในขันธ์5) ออกมาเป็นผู้ดู มีอะไรบ้าง เช่น 1.จิตว่าง โล่ง เบา สบาย (ทุกข์ดับ)

1.อากาสว่าละเอียดแล้ว วิญญานในอากาสกลับละเอียดยิ่งกว่า 2.เมื่อวิญญานในอากาสดับจึงเข้าอากิญ 3.อากาส วิญญานต่างเป็นผัสสะกระทบจิต 4.กระแสที่แผ่ออกไปทั้ง3มิติ แกน x,y,z (กว้าง,ยาว,สูง) คือ กระแสจิตที่แ

รูปฌานแต่ละฌานดับ ดับถึงที่ไหนที่กาย จึงจะเห็นว่ากายดับได้จริง 1.นิวรณ์ดับ อยู่กับกาย เห็นรูปดับชัดที่ส่วน เท้า ก้นกบขึ้นมา ส่วนหัวไม่เห็นกลืนกับอากาศ หรือที่หัวยังเป็นก้อนแท่ง ไม่แตกกระจาย เข้า ฌาน

คุณลองจินตนาการว่า เคยเดินบนเส้นทางสายหนึ่งทุกวันเป็นประจำ แต่อยู่มาวันหนึ่งพบว่าเส้นทางที่เคยสัญจรเต็มไปด้วยหลุมบ่อและภัยอันตราย อีกทั้งระหว่างทางก็มีทั้งโจรผู้ร้ายและสัตว์ร้ายซุ่มอยู่เนือง ๆ คุณต้อง