เมื่อเส้นทางเก่าเต็มไปด้วยภัยอันตราย คุณจะกลับไปเดินเส้นทางนั้นอีกไหม

กระทู้สนทนา
คุณลองจินตนาการว่า เคยเดินบนเส้นทางสายหนึ่งทุกวันเป็นประจำ แต่อยู่มาวันหนึ่งพบว่าเส้นทางที่เคยสัญจรเต็มไปด้วยหลุมบ่อและภัยอันตราย อีกทั้งระหว่างทางก็มีทั้งโจรผู้ร้ายและสัตว์ร้ายซุ่มอยู่เนือง ๆ คุณต้องบาดเจ็บและทุกข์ทรมานทุกครั้งที่เดินเส้นทางนี้ ต่อมา มีผู้ชี้แนะให้คุณรู้ว่ามีเส้นทางสายใหม่ที่ปลอดภัยกว่า ราบรื่นกว่า
                       "เมื่อรู้แบบนี้แล้ว คุณคงไม่ประสงค์ย้อนกลับไปใช้เส้นทางเก่าที่อันตรายนั้นอีกใช่ไหม"
ฉันใดก็ฉันนั้น การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏเปรียบได้กับเส้นทางเก่าที่เต็มไปด้วยทุกข์ภัยทั้งหลาย เมื่อบุคคลใดมีปัญญาเห็นว่าการเวียนว่ายตายเกิดนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ บุคคลนั้นย่อมไม่ปรารถนาจะหวนกลับมาสู่กงล้อเดิมนี้อีกต่อไป เช่นเดียวกับนักเดินทางที่ไม่ย้อนกลับไปเดินบนเส้นทางอันตรายเดิมอีก
สังสารวัฏ หมายถึง วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่หมุนวนไปอย่างไม่รู้จบสิ้น ดังอรรถาธิบายว่า "ตัณหาเป็นกระแสเชี่ยวกรากที่พัดสัตว์โลกให้เวียนว่ายในสังสารวัฏโดยไม่หยุดเหมือนคนถูกน้ำพัดจนไร้ทางควบคุม จึงหาที่สุดไม่ได้ตราบใดที่ตัณหายังไม่ดับ"[๑] ชีวิตในวงเวียนนี้จึงหลีกหนีไม่พ้นจากความทุกข์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ทางกายหรือทุกข์ทางใจ ดังที่ปรากฏให้เห็นความจริงอันประเสริฐ ๔ ข้อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนา ดังนี้[๒]
๑) ทุกข์ เป็นความจริงที่บอกให้รู้ว่า ชีวิตมีความทุกข์ที่หลีกเลี่ยงหนีไม่พ้น เช่น การเกิด แก่ เจ็บ ตาย[๓] ความเศร้าโศกเสียใจ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักหรือประสบกับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา [๔] หรือย่อให้สั้นที่สุด เพราะยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ จึงเป็นทุกข์[๕] เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕[๖]
๒) เหตุแห่งทุกข์ เป็นความจริงที่บอกให้รู้ว่า ทุกข์มีเหตุเกิดมาจากตัณหา [๗] ได้แก่[๘] กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม ภวตัณหา ความทะยานอยากเป็นนั่นเป็นนี่ และวิภวตัณหาความทะยานอยากไม่เป็นนั่นเป็นนี่[๙] เมื่อยังมีความอยากทั้ง ๓ ประการ อยู่อย่างไม่รู้จบ ก็จะต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏอย่างนี้ต่อไปอีก ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง เราและพวกเธอจึงต้องท่องเที่ยวไปในชาตินั้นๆ ตลอดเวลานาน"[๑๐]
๓ ความดับแห่งทุกข์ เป็นความจริงที่บอกให้รู้ว่า ทุกข์นั้นสามารถที่จะดับได้ เพราะเกิดจากการสำรอกและความดับโดยไม่เหลือ ความปล่อยวาง ความสละคืน ความพ้น ความไม่ติดอยู่[๑๑] ในตัณหา ๓ ที่อยู่ในอริยสัจข้อที่ ๒ เมื้อตัณหาดับโดยไม่มีส่วนเหลือ[๑๒] ก็จะพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "เพราะตัณหานั้นเองดับลงโดยการคายกิเลสได้หมด ทุกข์จึงเกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป"[๑๓] ภาวะที่ตัณหาดับไปโดยไม่มีส่วนเหลือ เรียกว่า นิพพาน[๑๔] สมดังพระพุทธพจน์ว่า "เพราะได้เห็นอริยสัจ ๔ เราและพวกเธอจึงถอนตัณหาที่จะนำไปเกิดได้ ตัดรากแห่งทุกข์ได้เด็ดขาด บัดนี้จึงไม่มีการเกิดอีกต่อไป"[๑๕] อันเป็นความดับสนิทแห่งกองทุกข์ทั้งปวง
๔) ข้อปฏิบัติหรือวิธีที่นำไปสู่การพ้นทุกข์ เป็นความจริงที่บอกให้รู้ว่า มีข้อปฏิบัติเพื่อพาผู้ปฏิบัติไปสู่ความดับทุกข์ เรียกว่า อริยมรรคมีองค์ ๘[๑๖] ซึ่งอยู่บนทางสายกลาง เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา[๑๗] ซึ่งทางสายกลางที่มีอริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นข้อปฏิบัตินั้น ไม่เอนเอียงเข้าหาทั้งกามสุขัลลิกานุโยค การหมกมุ่นอยู่ด้วยสุขในกามทั้งหลาย อัตตกิลมถานุโยค การประกอบความลำบากเดือดร้อนแก่ตน[๑๘] อันครอบคลุมการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องทั้งด้านศีล สมาธิ ปัญญา[๑๙] การเดินตามมรรคมีองค์ ๘ เปรียบได้กับการเดินบนเส้นทางใหม่ที่จะนำคุณออกจากวงจรแห่งทุกข์ในสังสารวัฏไปสู่ความดับทุกข์คือ นิพพาน
หลักอริยสัจ ๔ แสดงให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจนว่า ชีวิตในวัฏสงสารมีความทุกข์เป็นพื้นฐานและความทุกข์ต่าง ๆ ก็มีสาเหตุคือ ตัณหาที่เข้าไปยึดถือขันธ์ ๕ แต่ความทุกข์ก็สามารถดับลงได้หากปฏิบัติอย่างถูกต้องด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ เปรียบเหมือนเมื่อได้ตระหนักอย่างแน่ชัดแล้วว่า เส้นทางเก่าซึ่งก็คือ การเวียนว่ายตายเกิด ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยภัยและขวากหนามมากมาย และก็ได้รับรู้ด้วยว่า เส้นทางใหม่คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยและเกื้อกูลต่อความสุขที่แท้จริงนั้นมีอยู่
นอกจากอริยสัจแล้วที่ชี้ให้เห็นถึงความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ก็ยังมีความจริงอีกชุดหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของสังสารวัฏหรือความธรรมดาของธรรมชาติคือ กฏไตรลักษณ์ กล่าวคือ สรรพสิ่งทั้งหลายในวัฏสงสารล้วนมีลักษณะร่วมกัน ๓ ประการ คือ[๒๐] อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ และอนัตตา ไม่มีแก่นสารในตน[๒๑] ไม่ว่าคุณจะเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา หรืออาศัยอยู่ภพภูมิใดก็ตาม ทุกสิ่งที่ประสบย่อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่อาจยึดถือสิ่งใดไว้คงทนถาวรได้คือ ไม่เที่ยง ดังอรรถกถาอธิบายว่า "พระโยคาวจรกำหนดกิจและลักษณะของตนตามความเป็นจริงของปัจจัย และธรรมซึ่งอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นเหล่านั้น แล้วยกขึ้นสู่อนิจจลักษณะว่า ธรรมเหล่านี้ไม่มีแล้วเกิดมีขึ้น"[๒๒] สิ่งนั้น ๆ จึงไม่อาจให้ความพึงพอใจที่แท้จริงได้ตลอดไปเพราะต้องแปรเปลี่ยนไป ถูกบีบคั้น ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ดังอรรถกถาอธิบายว่า "พระโยคาวจรกำหนดกิจและลักษณะของตนตามความเป็นจริงของปัจจัย และธรรมซึ่งอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นเหล่านั้น ยกขึ้นสู่ทุกขลักษณะว่า ธรรมเหล่านี้เป็นทุกข์ เพราะความที่ถูกความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปบีบคั้น"[๒๓] และสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารที่เป็นตัวตนจริง ๆ ดังอรรถกถาอธิบายว่า "พระโยคาวจรกำหนดกิจและลักษณะของตนตามความเป็นจริงของปัจจัยและธรรมซึ่งอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นเหล่านั้น" [๒๔] เมื่อทุกอย่างแปรปรวนไปและควบคุมไม่ได้ ก็หลีกไม่พ้นที่จะต้องประสบกับความทุกข์จากความสูญเสียหรือผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกในวัฏจักรชีวิตนี้
การเข้าใจกฎไตรลักษณ์อย่างถ่องแท้ช่วยให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่า ทำไมการเวียนว่ายตายเกิดจึงเต็มไปด้วยทุกข์ภัยอันตรายต่าง ๆ อุปมาเหมือนกับเส้นทางเก่าที่มีกับดักและหลุมพรางอยู่ตลอดสาย แม้ว่าบางช่วงของชีวิตจะมีความสุขบ้าง แต่ด้วยที่ทุกสิ่งไม่เที่ยงและบังคับหรือบัญชาไม่ได้ จึงไม่มีวันที่จะหลีกหนีความทุกข์ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ซึ่งคอยดักอยู่ตามรายทางไปได้พ้น อุปมาเหมือนเดินทางไปแล้วต้องสะดุดล้มหรือโดนหนามทิ่มแทงอยู่เรื่อย ๆ
เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญาและลงมือก้าวเดินบนเส้นทางสายใหม่ด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ จุดหมายปลายทางจากเดิมที่ไม่รู้จะไปสิ้นสุดจุดใด เดินวนเวียนไม่รู้จักจบพร้อมกันนั้นระหว่างทางก็มีทุกข์ภัยอันตรายก็เปลี่ยนเป็นการรู้จุดหมายที่แน่นอนคือ พระนิพพาน กล่าวคือ การถีบตนเองออกจากวงจรที่ไม่มีวันรู้จบและเป็นทุกข์ภัย
การจะไปถึงนิพพานได้จำเป็นต้องเดินบนเส้นทางสายใหม่ที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ดังที่ผู้เขียนได้เขียนไปแล้วในข้างต้น ซึ่งประกอบด้วยข้อปฏิบัติด้านศีล สมาธิ และปัญญาอย่างครบถ้วน ช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสจากกิเลสทีละขั้นจนพร้อมจะก้าวเข้าสู่ภาวะนิพพาน การเดินตามเส้นทางสายกลางนี้ต้องอาศัยทั้งความเพียร สัมปชัญญะ และสติ[๒๕] ไม่มีทางลัดใดที่จะไปถึงพระนิพพานได้หากปราศจากการลงมือปฏิบัติจริง
ท้ายที่สุด ไม่ว่าการเปรียบเทียบสังสารวัฏกับเส้นทางอันตรายนี้จะชัดเจนเพียงใด สิ่งสำคัญที่สุดคือ การที่ทุกคนพิจารณาชีวิตของตนว่าในวัฏจักรชีวิตนี้ กำลังเผชิญกับความทุกข์ซ้ำ ๆ ในรูปแบบใดบ้าง เกิดความเห็นแล้วหรือยังว่าสิ่งที่ยึดติดไขว่คว้าในโลกนั้นไม่มีอะไรยั่งยืนเลย? และเราได้ลองมองหา "เส้นทางใหม่" ที่จะนำไปสู่ความสุขสงบที่แท้จริงแล้วหรือยัง?

แหล่งที่มา:
[๑] อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ จตุกกนิบาต ปุริสสูตร หน้าต่างที่ ๑ ใน ๑
[๒] มจร. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔
[๓] มจร. ๑. อชิตมาณวปัญหานิทเทส : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๐
[๔] มจร. ๘. มหาหัตถิปโทปมสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒
[๕] มจร. ๑๑. สัจจวิภังคสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔
[๖]  มจร. ๑๐. มหาสติปัฏฐานสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ หน้าต่างที่ ๑ ใน ๑
[๗] มจร. ๓. ขันธสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙
[๘] มจร. ๑๐. มหาสติปัฏฐานสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒
[๙] มจร. ๙. สัมมาทิฏฐิสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒
[๑๐] มจร. ๑๗๔. สุนีธวัสสการวัตถุ ว่าด้วยมหาอมาตย์สุนีธะและวัสสการะ เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๕
[๑๑] มจร. ๑๑. สัจจวิภังคสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔
[๑๒] อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ๑. ญาณกถา นิโรธสัจนิทเทส หน้าต่างที่ ๑ ใน ๑
[๑๓] มจร. ๑๒. ทวยตานุปัสสนาสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕
[๑๔] อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ๑. ญาณกถา นิโรธสัจนิทเทส หน้าต่างที่ ๑ ใน ๑
[๑๕] มจร. ๑๗๔. สุนีธวัสสการวัตถุ ว่าด้วยมหาอมาตย์สุนีธะและวัสสการะ เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๕
[๑๖] มจร. ๙. มหาสติปัฏฐานสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐
[๑๗] มจร. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔
[๑๘] มจร. ๑๒. ราสิยสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘
[๑๙] อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ ปุคคลวรรคที่ ๓ ๑๐. อวกุชชิตาสูตร หน้าต่างที่ ๑ ใน ๑
[๒๐] อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ อนุปทวรรค มหาจัตตารีสกสูตร ว่าด้วยมรรคที่เป็นโลกิยะและโลกุตระ หน้าต่างที่ ๑ ใน ๑
[๒๑] อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ๑. ญาณกถา ลักขณัตติกนิทเทส หน้าต่างที่ ๑ ใน ๑
[๒๒] อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มูลปริยายวรรค สัพพาสวสังวรสูตร ว่าด้วยการสังวรในอาสวะทั้งปวง หน้าต่างที่ ๑ ใน ๒
[๒๓] อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มูลปริยายวรรค สัพพาสวสังวรสูตร ว่าด้วยการสังวรในอาสวะทั้งปวง หน้าต่างที่ ๑ ใน ๒
[๒๔] อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มูลปริยายวรรค สัพพาสวสังวรสูตร ว่าด้วยการสังวรในอาสวะทั้งปวง หน้าต่างที่ ๑ ใน ๒
[๒๕] มจร. ๓. มหาปรินิพพานสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่