JJNY : 5in1 ศิริกัญญาลั่นไม่ขออยู่ในวังวน│ศิริกัญญาบอกปีหน้าแย่│ไหมย้ำ‘ตัดงบ’│วิโรจน์ย้ำเจรจาคือทางออก│ส.ส.ปชน. แปลกใจ

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการเมืองภายในของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยว่า ฝั่งรัฐบาลตบจูบกันแบบนี้มาสักระยะแล้ว แต่ความรุนแรงมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็นั่งดูอย่างสบายใจอยู่บนภูเขา แต่หลังๆ มันชักจะคืบคลาน เอาเราเข้าไปเกี่ยวข้อง ดึงเราเพื่อเสริมอำนาจ เราก็เริ่มไม่ค่อยจะสบายใจแล้ว ตนก็ฟัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์อยู่

.

นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า มันไม่ได้จบแค่นี้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายเชียร์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ให้รัฐบาลแจกเถอะ ไม่เช่นนั้นได้นายกฯเท้ง เราก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันเริ่มเบี่ยงมาทางเรามากขึ้น เหมือนเอาเราเข้าไปในเกม ต้องอย่าลืมว่าเสียงในสภา ถ้าพรรคภูมิใจไทยต้องหลุดมาเป็นฝ่ายค้าน เสียงมันค่อนข้างปริ่มมาก แต่ถ้าเรากับพรรคภูมิใจไทยผนึกกำลังกันได้ เราก็สามารถไปต่อได้เช่นกัน จึงกลายเป็นอยู่ในศึกของ 2 ฝ่าย และกลายเป็นตัวประกันที่ทำให้เขาต่อรองกันได้ เราก็ไม่อยากอยู่ในวังวนนั้น อย่าเอาเราเข้าไป ช่วยทะเลาะกันให้เสร็จแล้วเดินหน้าบริหารประเทศต่อ พร้อมยืนยันว่าในสมัยสภานี้ ไม่เป็นรัฐบาลแน่นอน รักษาคำพูดสัจจะแน่นอน หรือถ้าเราถือหางภูมิใจไทย แต่ไม่เข้าร่วม การที่เราพูดสิ่งนี้ เราก็เพิ่มอำนาจต่อรองให้เขาถูกหรือไม่ ดังนั้น การที่เราออกมาพูดแสดงว่าเราไม่ได้ถือหาง ไม่ได้แอบตกลงคุยกัน ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีลาออกหรือถูกถอดถอนโดยองค์กรอิสระ ก็จะไม่แข่งตั้งรัฐบาล การที่เราไม่เข้าไปร่วมแสดงว่า เราคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วขึ้น เราไม่ไปยื้อกระบวนการ ตนคิดว่า มันเป็นเกมชิงอำนาจ ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งแรกที่เราคิดอยากได้ ถ้าเราอยากได้อำนาจบริหารคงทำอะไรไปตั้งนานแล้ว มันต้องยืนบนหลักการด้วย

.

ส่วนจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้อีกหรือไม่ นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า ถ้าดีที่สุด เราเป็นรัฐบาลพรรคเดียวดีกว่า มันเป็นเป้าหมายที่ไปถึงได้ยาก แต่ ณ วันนี้ ถ้าเราอยากเดินหน้าทำนโยบายที่เราอยากเห็น รัฐบาลพรรคเดียวจะตอบโจทย์ที่สุด ซึ่งถ้าสุดท้ายถ้าผลไม่ได้ออกมาตามที่เราคาดหวัง เราก็จะเอานโยบายเป็นตัวตั้ง ยอมรับ MOU ของเราได้หรือไม่

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการโอกาสไทยกับนายกฯแพทองธารว่าเราต้องร่วมมือกันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ว่า เราอยากร่วมอยู่แล้ว เรายื่นมือไปหลายรอบแล้ว อยากจะสร้างความร่วมมือ ไม่ได้ค้านตะบี้ตะบัน อยากกู้เราก็ช่วย เราเสนอว่างบ 69 เอาไปแก้ก่อน แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ จะช่วยรัฐบาลหาเงิน แต่รัฐบาลก็ไม่เข้าใจ ฟังอภิปรายในสภาก็มีแต่คำว่าชาญฉลาด ยืนหยุ่น และกระจาย ตลอดเวลา แต่ตนตั้งคำถามว่าเตรียมแบบไหน เพราะส่วนใหญ่เป็นงบที่เตรียมไว้แล้วเหมือนเดิม ไม่ได้รับมือกับอะไร ไม่ได้มีอะไรใหม่หรือปรับอะไรทั้งสิ้น ซึ่งยังมีสิ่งที่คาดไม่ถึงจากนโยบายภาษีทรัมป์ ซึ่งเงินที่เตรียมไว้ก็เอาไปใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเหมือนเดิม ซึ่งนายกฯไม่พูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่พูด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 2 คนก็ไม่พูดถึงเลย ในเอกสารขาวคาดแดง ไม่มีอยู่แล้ว แต่มีการใส่เงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ตอยู่แล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าจะไม่ได้แจกแน่นอน

.

“รอบนี้มันเตรียมไว้เป็นภาคต่อ จำได้หรือไม่ รอบที่แล้ว คุณจะจ่ายดิจิทัลวอลเล็ตอีก 20 ล้านคน เงินมันไม่พอ แต่เขาบอกว่า พอๆๆ จะยืดแล้วไปจบที่ปี 2569 ทำเป็นเฟส เป็น 187,000 ล้าน และปี 2569 อีก 25,000 ล้านบาท ก็จะเป็น 200,000 กว่าล้านบาทพอดี ได้ครบทุกคน ยังเก็บไว้อยู่จากโครงการเดิม” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

.

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า เรื่องเกษตรก็เป็นเรื่องใหญ่ แต่ตอนอภิปรายงบไม่มีรัฐมนตรีในกระทรวงเกษตรมาตอบเลย ตนไม่ได้พูดคนแรก

.

“หรือว่าเอ๊ะ เขาคิดว่าปี 2569 สงครามการค้ามันจบลงแล้ว เขาใช้แค่งบปี 2568 ก็พอแล้วหรือไม่ เลยไม่ต้องเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้าในปี 2569 แต่ปี 2569 แย่กว่าเดิมนะคะ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ว่า เราจะนำเรื่องที่ได้อภิปรายในวาระที่หนึ่งไปดูในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการซื้อของที่แพงเกินจริง การสร้างอาคารที่ใหญ่โตเกินความจำเป็น รวมถึงพฤติกรรมที่ส่อให้เกิดการทุจริต เช่น การซอยงบประมาณโครงการให้ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท การซอยงบประมาณถนนต่างๆ เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้ผู้รับเหมาชั้นหนึ่งๆ ก่อน แต่สามารถที่จะเลื่อนชั้นเป็นชั้นพิเศษได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องของการคอร์รัปชั่น

.

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จะมีเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น เรื่องของความเหมาะสมที่เราจะต้องดูให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็นของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการต่างๆ ที่เราจะต้องมีการไปพูดคุยกันในชั้นกรรมาธิการว่าตกลงแล้วรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อ รัฐบาลอยากจะเดินหน้าตามที่เคยโฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้หรือไม่ว่า รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณสวัสดิการให้แก่เด็ก คนแก่และคนพิการ หากจะเดินหน้าตามนั้นก็ขอให้ไปออกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มา แล้วกรรมาธิการจะพิจารณาปรับงบประมาณให้

.

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังจะมีในเรื่องของแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในฐานะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมานั่งเป็นประธานกรรมาธิการด้วย โดยจะต้องมีการพูดถึงความจำเป็นของงบกระตุ้นเศรษฐกิจว่าสุดท้ายแล้วต้องการงบประมาณเท่าไหร่ เพื่อเป็นแนวทางให้กำลังกรรมาธิการและอนุกรรมมาธิการเดินหน้าทำงานกันต่อ คือหากนายพิชัย ให้แนวทางมาว่าต้องการงบไปกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 5 หมื่นล้านบาทหรือ 1 แสนล้านบาท ก็จะเป็นเป้าให้กรรมาธิการและอนุกรรมธิการจัดการร่วมกัน และยังมีงานต่างๆ ที่ต้องใช้ผ่านกมธ.วิสามัญฯ งบประมาณ เช่น เรื่องของการขับเคลื่อนนโยบายอื่นๆ ที่อาจจะไม่ได้ใช้งบประมาณ แต่อาจจะทำไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งต้องใช้โอกาสนี้ในการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่จะต้องเข้ามาชี้แจงในกรรมาธิการ

.

เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับบุคคลที่จะเข้าไปนั่งเป็นกมธ.ฯ ในเรื่องใดเป็นพิเศษ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้เรายังคงตั้งเป้าที่จะตัดงบประมาณ แต่หากท้ายที่สุดการพูดคุยตั้งเป้าหมายที่จะตัดงบประมาณไม่เป็นผล และส.ส.ที่เข้าไปทำงานในชั้นอนุกรรมาธิการคงจะไม่ได้มีแรงผลักดันอะไรที่จะร่วมกันตัดงบประมาณ ฉะนั้น เราจึงกำชับสส.ที่เป็นตัวแทนจากฝ่ายค้านให้จดบันทึกทุกรายการที่เราเคยตั้งเป้าไว้ว่าจะตัด แต่ตัดไม่ได้เนื่องจากเป็นเสียงส่วนน้อย และะนำเอารายการเหล่านั้นมาตัดต่อในห้องกรรมาธิการใหญ่ แต่หากยังตัดไม่ได้อีกก็นำมาอภิปรายในวาระสอง รอบนี้เราต้องทำงานละเอียดมากๆ จะไม่มีการปล่อยผ่าน และจะมีการติดตามแทร็คทุกรายการทุกบรรทัดเพื่อนำไปพิจารณาปรับลดให้ได้

.

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ขณะที่ในชั้นกรรมาธิการก็คงจะมีการพูดคุยถึงการวางแนวทางในการกำหนดงบประมาณ จะจัดสรรงบประมาณอย่างไร เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่ากมธ.ในสัดส่วนคนนอกของพรรค ปชน.ที่ชื่อนายต่อภัสสร์ ยมนาค ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิจัย และทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด เราจึงให้นายต่อภัสสร์เข้ามาช่วยดูในเรื่องงบประมาณที่จะสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการทุจริต

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า สิ่งที่เราควรจะทำที่สุดในตอนนี้คือติดตามสถานการณ์ ฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายราชการจะต้องสงวนความเห็นสำคัญๆไว้ก่อน โดยทางกมธ.ได้ติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรายืนยืนยันว่าการดำเนินการของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 ถือว่าปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้องแล้ว คือ มีความเข้มแข็งแต่พร้อมที่จะเจรจาหารือเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งด้วยสันติวิธี มีจุดยืนที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศ ซึ่งตนมองว่าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทจะต้องยึดเอาหลักของการเจรจาเพื่อความสงบสุขของประเทศเป็นสำคัญก่อน

.

ส่วนท่าทีของฝ่ายบริหารเป็นอย่างไรนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่าโดยปกติฝ่ายค้านมักจะต้องอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายรัฐบาล แต่ในกรณีนี้การให้ความสำคัญกับข้อมูลและการสงวนความคิดเห็นให้ความเห็นเฉพาะเท่าที่จำเป็นสำคัญที่สุด เพราะข้อพิพาทในเรื่องของเขตแดนยิ่งพูดมากอีกฝ่ายหนึ่งจะหยิบจับมาใช้เป็นข้อมูลที่ทำให้เขาได้ประโยชน์

.

วันนี้การสงวนท่าทีของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศถูกทางแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้ความเห็นเพื่อให้ประชาชนสบายใจว่าทั้งหมดทั้งมวลยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลอยู่ทุกฝีก้าว ไม่ได้ละเลยแต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องสงวนความเห็นสงวนท่าที เพื่อให้กลุ่มก้อนต่าง ๆ ที่มีความเป็นห่วงในเรื่องของอธิปไตยของชาติ จะได้มีความรอบคอบในการให้ความเห็นมากขึ้น