ภัณฑิล จัดทัวร์เอง ไม่สนพิเชษฐ์ ชี้ไม่เหมาะ จ่อยื่นศาลรธน.สอบอยู่ ข้องใจใช้งบจัดโครงการเชียงรายอื้อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5208541
.
.
ภัณฑิล แจงเหตุไม่ทัวร์สภาร่วม พิเชษฐ์ บอกคงไม่เหมาะ เพราะเตรียมยื่นศาลรธน.ตรวจสอบ ปม แปรงบเข้าพื้นที่ตัวเอง ด้าน ภัสริน ข้องใจทำไมงบ 87% กองอยู่เชียงราย
.
เมื่อเวลา 10.05 น. วันที่ 31 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม. พรรคประชาชน แถลงกรณีที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน
ส.ส.เชียงราย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เชิญตน และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เดินสำรวจอาคารรัฐสภาในวันนี้ (31 พ.ค.) หลังจากถูกอภิปรายงานประมาณปี 2569 ในส่วนงบสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่มีความฟุ่มเฟือย และพบพิรุธหลายโครงการ ว่า ได้รับคำเชิญจากนายพิเชษฐ์จริง หลังจากที่ตนอภิปรายเสร็จ นายพิเชษฐ์ก็เข้ามาหาตนที่ห้องอาหารเพื่ออยากชี้แจง แต่หลายเรื่องตนอยากให้นายพิเชษฐ์ชี้แจงต่อสาธารณะ แม้ระหว่างการอภิปรายนายพิเชษฐ์จะชี้แจงไปบางส่วน แต่ตนกับนายพิเชษฐ์มีความเห็นแตกต่างกัน เพราะตนไม่เห็นความจำเป็นโครงการเหล่านี้
.
นายภัณฑิล เปิดเผยด้วยว่า พรรคประชาชนกำลังจะยื่นเรื่องการแปรงบเข้าเขตพื้นที่ของตนว่าผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างคำร้อง ตนจึงมองว่าไม่เหมาะที่วันนี้จะมาแถลงข่าวร่วมกับนายพิเชษฐ์ เพราะกำลังจะยื่นตรวจสอบนายพิเชษฐ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญ และคงไม่ต้องให้นายพิเชษฐ์พาทัวร์สภา ซึ่งตนสามารถพาทุกคนทัวร์สภาได้เองอยู่แล้ว อย่างศาลาแก้วที่เถียงกันไปมาก็ยังไม่เห็นรายละเอียดว่าจะทำอะไร ทั้งที่ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ตนได้ข่าวมาว่าจะรื้อศาลาแก้วทั้งหมด นายพิเชษฐ์กล้าเถียงหรือไม่ว่าจะไม่รื้อ รวมถึงเสาประติมากรรม ด้านหน้าอาคารรัฐสภาด้วย เพราะมีโครงการจะนำพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 มาประดิษฐาน รวมถึงรับรองงานใหญ่ในต้นปีหน้าโดยที่ยังไม่มีการบอกรายละเอียดโครงการ
.
“นายพิเชษฐ์ชอบพูดคำว่าแค่พันล้าน พูดแบบนี้ดูถูกประชาชน เงินก็คือเงิน แม้จะบาทเดียวก็เงิน จะใช้คำว่าแค่ไม่ได้ ไม่อยากให้เบี่ยงประเด็นว่าเหมาะสมหรือไม่ ประชาชนได้ตัดสินไปแล้วว่าเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่สุรุ่ยสุร่าย ผมอยากให้สื่อมวลชนติดตามเรื่องการแปรงบประมาณเข้าเขตพื้นที่ตนเอง ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 อย่างชัดเจน แม้แต่เจ้าหน้าที่สภายังแซวเลยว่าจะต้องไปอยู่เชียงรายหรือไม่ จึงจะสามารถทำโครงการได้หมด นายพิเชษฐ์พยายามเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องอาคารสถานที่ ซึ่งก็มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือนายพิเชษฐ์กำลังจะใช้งบอบรมสัมมนาอย่างมิชอบ โดยใช้คำว่าสตรี เยาวชน มาบังหน้าอีกด้วย” นายภัณฑิล กล่าว
.
ขณะที่ น.ส.ภัสริน รามวงศ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดงบประมาณ 87% จึงไปกองที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งการเขียนโครงการใช้แบบฟอร์มเดียวกัน แม้แต่ปากกาก็น้ำหมึกเดียวกัน ลงวันที่เดียวกัน ถ้าไม่ไร้เดียงสาจนเกินไปคนเขียนโครงการก็น่าจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ และมีการใช้ว่าคำว่าโครงการสตรี ตนจึงได้ไปสอบถามข้อมูลที่อนุกรรมาธิการสตรี เพื่อขอคำชี้แจงว่าเหตุใดมีโครงการเกี่ยวกับสตรี และโยกย้ายงบไปที่จังหวัดเชียงรายจังหวัดเดียว
.
จากนั้น นายภัณฑิล กล่าวเสริมว่า โครงการต่างๆ เรียงตามเลขหมู่บ้านเลย เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ซึ่งรายละเอียดโครงการในงบปี 69 ก็ยังทำซ้ำแบบเดิมโดยที่งบประมาณไม่ได้ลดลง ทั้งนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติห้ามใช้เงิน เพราะเป็นฝ่ายที่ออกกติกา ถ้ามีการใช้เงินฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติจะแยกกันไม่ออก ถือว่ามีเจตนาตั้งแต่แรก ท่านไม่เคยตอบรายละเอียดโดยอ้างแต่คำว่าศักดิ์ศรี เราจะมีศักดิ์ศรีได้ในฐานะส.ส. หากมีการตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างเข้มข้นถึงจะภูมิใจในศักดิ์ศรีได้ ทุกวันนี้นายพิเชษฐ์ยังจินตนาการอยากจะใช้เงินต่อ จึงเป็นเหตุผลที่ตนไม่อยากเสียมารยาทมายืนร่วมแถลงข่าวกับนายพิเชษฐ์ เพราะจุดยืนเราต่างกัน
.
จากนั้น นายภัณฑิล และน.ส.ภัสรินได้พาสื่อมวลชนไปดูพื้นที่ที่ได้ของบประมาณเพื่อปรับปรุง เช่น ศาลาแก้ว โดยตั้งคำถามว่าหากเปลี่ยนเป็นห้องแอร์จะกระทบกับสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงประมาณที่จะปรับปรุงสถาปัตยกรรมบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาว่ามีความจำเป็นจริงๆหรือ
.
.
สภาฯถกงบ’69 วันสุดท้ายเหงา ยังไร้เงารมต.ภูมิใจไทยตอบ หลังทักษิณ ทวงคืนมหาดไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5208509
ถกงบ69 วันที่ 4 ช่วงเช้า ไร้เงารัฐมนตรีภูมิใจไทยตอบ หลังเจอ “ทักษิณ” ทวง ”มหาดไทย” คืน ขณะที่เวทีอภิปราย “เลาฟั้ง” ซัด “กรมป่าไม้-กรมอุทยานฯ” ได้งบ 692 ล้าน แต่เอาไปแก้ปัญหาที่ดินแค่ 34 % ชี้ควรดำเนนการปฏิรูปที่ดินให้ชัดเจนตามสิทธิ์
.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 4 โดยบรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยเฉพาะบริเวณประตูหน้าอาคารรัฐสภา ที่เป็นทางเข้าหลักของรัฐมนตรี ปรากฏว่า แทบจะไม่มีรัฐมนตรีเดินทางมาร่วมการประชุม ทั้งรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม
.
มีเพียงแค่ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม คนเดียวเท่านั้น ที่เดินเข้าประตูดังกล่าว ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปให้สัมภาษณ์ที่สำนักข่าวเนชั่นทีวี ระบุว่า กระทรวงมหาดไทย ควรกลับมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า อาจทำให้รัฐมนตรี โดยเฉพาะซีกพรรคภูมิใจไทย สงวนท่าที เลี่ยงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในช่วงเช้านี้
.
ส่วนในการอภิปรายฯ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า การจัดสรรที่ดินทำกินไม่ควรเอาที่ทับซ้อนไปจัดแบบเหมารวม ซึ่งการแก้ไขปัญหาสิ่งที่จำเป็นต้องทำคือต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อน และออกเอกสารสิทธิ์ตาม ที่แต่ละคนพึงมีพึงได้แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลนี้เอาไปจัดแบบ อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ทั้งหมด ซึ่งปัญหาที่ดินทับซ้อน มีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่อยู่ก่อนการประกาศเขตที่ดินของรัฐ 2.กลุ่มที่อยู่หลังการประกาศแต่อยู่มานานแต่รัฐบาลมีนโยบายให้สิทธิ์ และ 3.กลุ่มที่บุกรุกแต่รัฐบาลมีนโยบายผ่อนผันให้ ดังนั้น เมื่อแต่ละกลุ่มมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันความชอบธรรมที่จะได้รับสิทธิ์ของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกัน การออกเอกสารแสดงสิทธิ์จึงควรต้องแยกออกจากกันด้วย ไม่ใช่บังคับให้ไปทำแบบเดียวกันทั้งหมด
.
นายเลาฟั้ง กล่าวต่อว่า เมื่อดูรายละเอียดของงบประมาณการแก้ไขที่ทำกินของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ พบว่าตั้งงบประมาณรวมกัน 692 ล้านบาท ถือว่ามาก แต่เป็นกิจกรรมแก้ไขที่ดินทำกินเพียง 34 เปอร์เซนต์ อีก 66 เปอร์เซนต์ที่เหลือเอาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ปัญหาที่ดินที่ทับซ้อนกันมีพื้นที่เป้าหมายจำนวนมาก แต่ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น หากทำแผ่นที่วันแม็ป และพัฒนาเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เสร็จ นอกจากจะชัดเจนว่าอยู่ในอำนาจของหน่วยงานใดแล้ว หากพื้นที่ใดจำเป็นจะต้องพิสูจน์สิทธิ์ก็จะมีเครื่องมืองทางเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก ซึ่งจะทำให้โปร่งใสมากขึ้น
.
“ดังนั้นข้อเสนอของตนในส่วนนี้ขอให้จัดงบประมาณที่ตั้งไว้ 692 ล้านบาทสำหรับภารกิจที่จำเป็นจริงๆเท่านั้นโดยเฉพาะการเร่งจัดทำบัญชีรายชื่อและแผนที่แนวเขตทั้งรายบุคคลและรายชุมชนให้เสร็จโดยที่ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดคทช.ให้ชาวบ้าน และตัดกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปเพราะสิ้นเปลืองงบฯ”นายเลาฟั้ง กล่าว
.
นายเลาฟั้ง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังเหลือโครงการปฏิรูปที่ดินค้างไว้ 3 กลุ่ม เนื้อที่รวม 5.5 ล้านไร่ คือกลุ่มที่ดินในเขต สปก. นิคมสร้างตนเอง และนิคมสหกรณ์ ทั้ง 3 กลุ่มนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเป็นเวลานานแล้ว ทั้งๆที่กฎหมายก็ยังมีอยู่ แต่ไม่มีนโยบายให้นำต่อ โดยเอาไปจัดแบบ คทช.ทำให้นิคมที่ยังสร้างไม่เสร็จทำต่อไม่ได้ ซึ่งในงบ 69 พบว่ากรมพัฒนาสังคมและสัวสดิการ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ไม่ได้จัดงบประมาณในการจัดสรรที่ดินในเขตนิคมแล้ว ส่วนสปก.ตั้งงบไว้เพียง 16 ล้านบาท ในขณะที่มีพื้นที่เป้าหมายรอดำเนินการ 3 ล้านไร่ แบบนี้ แสดงว่ารัฐบาลไม่คิดที่จะเดินหน้าจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ทำค้างไว้ทั้ง 3 กลุ่มนี้ต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นรัฐบาลต้องยุตติการนำที่ดินทั้ง 3 กลุ่มนี้ไปจัดแบบคทช. แต่เดินหน้าจัดตามกฎหมายให้เสร็จ
.
.
เซีย ถล่มแรงงาน ปรับค่าจ้างแบบเต่าย่อง อัด เอางบพัฒนาทักษะฝีมือ ไปซื้อคอม 83 ล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5208598
.
“เซีย”ถล่ม “รมว.แรงงาน” ปรับค่าจ้างขั้นต่ำแบบ“เต่าย่อง” ฉะไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน นำงบสร้างความปลอดภัยให้แรงงาน 50ล้าน ไปสร้างตึก ซื้อรถ แทนการสร้างความปลอดภัย ซัดเอางบพัฒนาทักษะฝีมือ ไปซื้อคอมพิวเตอร์ 83ล้าน
.
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 4
.
เวลา 10.25 น. นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ขออภิปรายงบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนทำงานทุกสาขาอาชีพ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ที่มีมากกว่า 40 ล้านคน และชีวิตพี่น้องแรงงานอยู่ในสภาพ “ค่าครองชีพแสนแพง ค่าแรงแสนต่ำ ทำงานก็กลัวอุบัติเหตุ สังเวชกองทุนสงเคาระห์ลูกจ้าง การพัฒนาฝีมือแรงงานแบบเดิมๆ การเพิ่มสวัสดิการที่ไม่เคยเป็นจริง” ปัจจุบันข้าวของเครื่องใช้เมื่อเทียบกับ 5 ปี ที่แล้วราคาต่างกันอย่างเห็นได้ชัด น้ำมันพืชเมื่อ 5 ปีที่แล้วราคาขวดละ 40 บาทวั นนี้ขวดละ 55 บาท เนื้อหมู 5ปีที่แล้ว ราคากิโลกรัมละ 155 บาท วันนี้กิโลกรัมละ 175 บาท ก๊าซหุงต้ม 5กิโล เมื่อ 5ปีที่แล้ว 364 บาทวันนี้ 423 บาท ยังไม่พูดถึงสินค้าอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ปัจจัยสี่ ที่มีความจำเป็นในการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกคน แพงขึ้นทุกอย่าง อย่างรวดเร็ว แต่ค่าจ้างขั้นต่ำปรับขึ้นช้ามาก ช้ายิ่งกว่าเต่าย่อง
JJNY : ภัณฑิลจัดทัวร์เอง│สภาฯเหงายังไร้เงารมต.ภท.│เซียถล่มแรงงานปรับค่าจ้างแบบเต่าย่อง│ฮุนเซนชี้ถอนทหารไม่ได้ ท้าขี้นศาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_5208541
.
.
สภาฯถกงบ’69 วันสุดท้ายเหงา ยังไร้เงารมต.ภูมิใจไทยตอบ หลังทักษิณ ทวงคืนมหาดไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5208509
.
เซีย ถล่มแรงงาน ปรับค่าจ้างแบบเต่าย่อง อัด เอางบพัฒนาทักษะฝีมือ ไปซื้อคอม 83 ล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5208598
.