วิวัฒนาการทางการเมืองและนโยบายในประเทศไทยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะบทบาทของ "รัฐบาลประชานิยม" ที่มักถูกมองว่าเก่งในด้าน "บริหาร" และการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในระยะสั้น แต่ในขณะเดียวกัน เป็นการรีแบรนด์หรือสวมรอยนโยบายที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น รวมถึงส่งเสริมการเมืองแบบผู้นำเดี่ยวและขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง
ยุคแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (2540-2544): เป็นช่วงที่มีการปรับปรุงแนวคิดพัฒนา โดยเน้น "คนเป็นศูนย์กลาง" ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านจากการพัฒนาเศรษฐกิจแบบเน้นตัวเลขมาเป็นการพัฒนาแบบมีความยั่งยืนและเน้นคุณภาพชีวิต
รัฐธรรมนูญ 2540 ("รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน"): เป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะที่มีความก้าวหน้า เปิดให้มีการมีส่วนร่วมของประชาชน และสร้างกลไกตรวจสอบที่เข้มแข็ง
การปฏิรูปการศึกษาและสาธารณสุข: เริ่มวางรากฐานในรัฐบาลก่อนหน้า และได้รับแรงหนุนจากกลุ่มปัญญาชน-ประชาสังคม
แต่เมื่อมาถึงรัฐบาลประชานิยม :
มีการ นำแนวนโยบายที่เริ่มต้นไว้แล้วมาขยายผล และมีประสิทธิภาพในการประชาสัมพันธ์ เช่น กองทหมู่บ้าน, โครงการ OTOP, และ ธนาคารประชาชน
สร้างภาพผู้นำเดี่ยว ที่แข็งแรงและมีความสามารถเฉพาะตัวสูง ซึ่งเป็นภาพจำแบบ "CEO ประเทศไทย" ทำให้โครงสร้างพรรคและรัฐบาลถูกผูกไว้กับบุคคล
มีการ รีแบรนด์นโยบายที่มีมาก่อนหน้า ให้เป็นภาพลักษณ์ของรัฐบาลประชานิยมเอง โดยลดทอนเครดิตของภาคประชาชนหรือพรรคการเมืองอื่นๆ
กระบวนการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนกลับ ถูกลดความสำคัญลง และถูกทำลายหลังรัฐประหาร 2549 โดยอ้างความขัดแย้งและการบริหารแบบรวมศูนย์มากเกินไปของรัฐบาลนั้น
ข้อสังเกตเพิ่มเติม:
"ประชานิยม" ไม่ได้เป็นเรื่องผิดโดยตัวมันเอง แต่ในบริบทไทย กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อรวบอำนาจและสร้างความนิยมระยะสั้น โดยไม่วางรากฐานระยะยาว
การแข่งขันระหว่าง "ผู้นำเดี่ยว" ของฝ่ายเสื้อแดง และ "ผู้นำเดี่ยว" เดิม สะท้อนถึงการเมืองที่ละเลยหลักนิติธรรมและระบบถ่วงดุลอำนาจ
วิวัฒนาการทางการเมืองและนโยบายในประเทศไทยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะบทบาทของ "รัฐบาลประชานิยม"