ตัวร้อน ไอจาม อาจไม่ใช่ไข้หวัด คุณอาจกำลังเป็น Covid-19



ช่วงนี้ป่วยกันเยอะ หลายคนอาจคิดว่าเป็น “ไข้หวัด” แต่ความจริงแล้วอาจเป็น “โควิด” แบบไม่รู้ตัว ซึ่งหลายคนมีอาการ ดังนี้
🤢เจ็บคอ ไอ มีไข้ต่ำๆ
🤢เหนื่อยง่าย เพลียเรื้อรัง
🤢น้ำมูกไหล ไม่สบายแบบ “เรื้อรัง”
🤢อยู่ใกล้คนป่วย หรือมีคนในบ้านไม่สบายต่อเนื่อง
 

อย่าเพิ่งมั่นใจว่าเป็นแค่ “ไข้หวัดใหญ่” นะเพราะตอนนี้ โควิด กำลังระบาด หลายคนติดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมีอาการคล้ายไข้ปวดศีรษะหวัด แต่เชื้อแพร่เร็ว
⚠️อย่ารอให้อาการลุกลาม เช็กให้ชัวร์เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนรอบข้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
📌ตรวจ ATK โควิด ขึ้น 2 ขีดจางๆ แพร่เชื้อได้ไหม รพ.เวชธานี มีคำตอบ📌
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่มีความรุนแรงมากกว่าไวรัสทางเดินหายใจอื่นๆ แพร่กระจายได้ง่ายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม โดยพบการระบาดและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น

🤢โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นได้ตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล ไข้หวัดใหญ่ต่างจากไข้หวัดทั่วไป เพราะมีอาการรุนแรงกว่าและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคปอดเรื้อรัง
🤧ไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยขนาดเล็กจากการไอหรือจาม
🤧สามารถติดต่อได้ทางการสัมผัสพื้นผิวหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์มือถือ หรือโต๊ะทำงาน แล้วนำมือไปสัมผัสใบหน้า (ตา, จมูก, ปาก)
🤧ระยะฟักตัวของไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 1-4 วัน โดยผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ ตั้งแต่ 1 วันก่อนแสดงอาการ ไปจนถึง 5-7 วันหลังจากมีอาการแรกเริ่ม สำหรับเด็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจแพร่เชื้อได้นานกว่านี้

🚫ไข้หวัดใหญ่มักมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีอาการหลัก ดังนี้
🤒ไข้สูง (38-40°C) เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
🤒ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณหลัง แขน ขา
🤒ปวดศีรษะรุนแรง รู้สึกหนักศีรษะหรือหรือเวียนศีรษะ
🤒อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง อาการอาจคงอยู่นานหลายวัน
🤒ไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ อาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย
🤒น้ำมูกไหล คัดจมูก แต่ไม่เด่นชัดเท่ากับไข้หวัดทั่วไป
🤒หนาวสั่น เหงื่อออก เนื่องจากไข้ขึ้นสูง
🤒เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน พบได้บ่อยในเด็ก
 

อาการส่วนใหญ่มักดีขึ้นภายใน 7-10 วัน แต่ในบางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยมีกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ง่าย คือ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี, ผู้สูงอายุ, หญิงตั้งครรภ์, ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคตับ) และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ติดเชื้อ HIV

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ควรระวัง
⚠️ปอดอักเสบ (Pneumonia) เชื้อไวรัสสามารถลุกลามเข้าสู่ปอด ทำให้หายใจลำบาก อาจเกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่เอง หรือจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
⚠️กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) ทำให้หัวใจอ่อนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
⚠️สมองอักเสบ (Encephalitis) ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง ชัก หรือหมดสติ
⚠️ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว (Sepsis) ทำให้ความดันโลหิตต่ำจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
⚠️กล้ามเนื้ออักเสบและไตวาย บางรายอาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อรุนแรง (Rhabdomyolysis) และเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
⚠️ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Respiratory Distress Syndrome – ARDS) เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยวิกฤติ
 

ทั้งนี้การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ จะช่วยลดโอกาสป่วย ลดอัตราการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ยังแนะนำให้ดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่
✅หมั่นล้างมือบ่อยๆ 
✅หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า 
✅สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด 
✅หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย 
✅งดใช้ของส่วนตัวร่วมกัน  
✅รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 
✅ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
✨ทั้งหมดนี้จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


โควิด🆚ไข้หวัดใหญ่ อาการแบบไหน ต้องตรวจATK✅
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่