JJNY : ภูเก็ต ฝนถล่มหนักตั้งแต่เช้ามืด│ไพศาลตีความคำพิพากษา│ยอดโอนที่อยู่อาศัย Q1/68 หด│อียูเรียกร้องทรัมป์ให้เกียรติกัน

ภูเก็ต ฝนถล่มหนักตั้งแต่เช้ามืด อำเภอเมือง-ถลาง น้ำท่วมหลายเส้นทาง
https://www.matichon.co.th/region/news_5197509
.
.
ภูเก็ต ฝนถล่มหนักตั้งแต่เช้ามืด อำเภอเมือง-ถลาง น้ำท่วมหลายเส้นทาง
.
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดภูเก็ต ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมขังรอระบายหลายพื้นที่ ได้แก่ อำเภอเมือง พื้นที่ ถนนแยกท่าแครง ,ถนนหลังเซ็นทรัล, ถนนแยกนาคา ก่อนถึงทางลอดแยกดาราสมุทร ,ถนนเมืองทอง บริเวณชุปเปอร์ชีปแหลมชั่น ,ถนนขวาง,ถนนหน้ารพ.ดีบุก ,ถนนหน้าตลาดพอเพียงกะตะ ,บริเวณโค้งอิ่มหมีพีมัน ถนนสายเกาะแก้ว
.
ขณะที่ อำเภอถลาง ท่วม พื้นที่ ป่าสัก 1 ตำบลเชิงทะเล ส่วน อำเภอกะทู้นั้น ยังไม่มีรายงาน
.
ทั้งนี้ ทุกพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังรอระบาย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อำนวยความสะดวกการจราจร และเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง รอระบายแล้ว ขณะที่ ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่
.

.
ไพศาล พืชมงคล ตีความคำพิพากษา ไม่ได้สั่งยิ่งลักษณ์ ชดใช้หมื่นล้าน มีช่อง ไม่ต้องจ่ายสักบาท
https://www.matichon.co.th/politics/news_5197570
.
ไพศาล พืชมงคล ตีความคำพิพากษา ไม่ได้สั่งยิ่งลักษณ์ ชดใช้หมื่นล้าน มีช่อง ไม่ต้องจ่ายสักบาท
.
วันที่ 24 พฤษภาคม นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า
.
ความเข้าใจต่อคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคดียิ่งลักษณ์
.
ผมเข้าใจคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดอย่างนี้ครับ
.
1 ศาลปกครองสูงสุดมิได้พิพากษาบังคับให้ คุณยิ่งลักษณ์ต้องชำระเงิน 10,028ล้าน แต่ประการใด เพราะคุณยิ่งลักษณ์ไม่ใช่จำเลย แต่เป็นโจทก์ผู้ฟ้องคดี ขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง
.
2 คณะกรรมการ ติดตามความเสียหาย โครงการรับจำนำข้าวมีมติให้ คุณยิ่งลักษณ์ เป็นผู้รับผิดชอบ ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด คิดเป็นเงิน 35,000 ล้านบาท
.
มติเช่นนี้ ถ้าจะบังคับก็ต้องไปฟ้องร้องต่อคุณยิ่งลักษณ์เพื่อให้ศาลบังคับให้ชำระ
.
3 คุณยิ่งลักษณ์เห็นว่ามติดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง จึงได้ยื่นฟ้อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอให้ศาลปกครองพิพากษา ว่าคำสั่งทางปกครองดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
.
3 ศาลปกครองชั้นต้น พิพากษาว่า คำสั่งทางปกครองดังกล่าวนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เท่ากับคุณยิ่งลักษณ์ชนะคดี 100% จึงมีการ อุทธรณ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด
.
4 ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาว่า คุณยิ่งลักษณ์ไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวทั้งหมด ตามที่คณะกรรมการได้ลงมติไว้แต่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายครึ่งหนึ่งของผลขาดทุนทั้งหมด ซึ่งศาลวินิจฉัยว่า ผลขาดทุนเกิดจากการระบายข้าว มีจำนวนทั้งสิ้น 20,056 ล้านบาท
.
ดังนั้นคุณยิ่งลักษณ์จึงต้องรับผิดชอบ 10,028 ล้านบาท โดยผลของคำพิพากษาดังกล่าว เท่ากับคุณยิ่งลักษณ์ชนะคดี ที่ขอเพิกถอน คำสั่งทางปกครองบางส่วน
.
คือไม่ต้อง รับผิดชอบในผลขาดทุนทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งศาลพิพากษาว่า ต้องรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง และครึ่งหนึ่งนั้น ก็คือ 10,028ล้านบาท
.
ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่า โครงการรับจำนำข้าวไม่ขาดทุน คุณยิ่งลักษณ์ก็ไม่ต้องชำระค่าเสียหายจากผลขาดทุนนั้นหรือถ้าผลขาดทุนไม่ถึง 20,000 ล้านบาท ก็ต้องรับผิดครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ขาดทุนนั้นซึ่งจะเป็นเท่าใด ก็ต้องดูความจริงกัน
.
6. เนื่องจากคณะกรรมการ ไม่ได้เป็นผู้ฟ้องคดี แต่คุณยิ่งลักษณ์เป็นผู้ฟ้องคดี ดังนั้นคำพิพากษาจึงไม่ได้บังคับ ให้คุณยิ่งลักษณ์ต้องชำระเงิน 10,028ล้านบาท ถ้าหากคณะกรรมการ จะบังคับ เรียกร้องก็ต้องไปฟ้องคดี ให้คุณยิ่งลักษณ์ ชดใช้เงินดังกล่าว ซึ่งในคดีนั้น คุณยิ่งลักษณ์สามารถต่อสู้คดีได้ว่า โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ขาดทุนหรือขาดทุนไม่ถึงจำนวน 20,000 ล้านบาทก็ได้
.
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid0zXAvPCeh9pTdq7bgo2DXavV8RC8Vgieerppf6J81xy5cynbum1F7hze44XoFnAQrl
.

.
ยอดโอนที่อยู่อาศัย Q1/68 หดกว่า 10% ลุ้นมาตรการรัฐ-LTV หนุนตลาดฟื้น
https://www.khaosod.co.th/economics/news_9773313
.
REIC ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยไตรมาส 1 ปี 2568 ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศร่วงกว่า 10% ฉุดภาพรวมสินเชื่อบ้านหดตัวด้วย ขณะที่จีนยังครองแชมป์โอนคอนโดสูงสุด พร้อมลุ้นมาตรการรัฐหนุนตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้
.
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่าสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 1 ปี 2568 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
แต่อย่างไรก็ดีการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
.
สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลและ ธปท. ดำเนินมาตรการที่ตรงจุด ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาดที่อยู่อาศัยตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 นี้ เป็นต้นไป และคาดว่าจะส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะยาวได้อีกด้วย
.
ทั้งนี้ ข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า ไตรมาส 1 ปี 2568 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมีจำนวน 65,276 หน่วย ลดลง 10.5% ส่วนมูลค่าการโอนทั้งสิ้น 181,545 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยเป็นการชะลอตัวในทุกภูมิภาค
เมื่อพิจารณาลงในรายละเอียดรายจังหวัด จะพบว่าบางจังหวัดยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจ.ระยอง และสุราษฎร์ธานี มีการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นแต่มูลค่าลดลง ได้แก่ จ.ภูเก็ต
.
ขณะที่จังหวัดที่มีจำนวนหน่วยลดลง แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ จ.สมุทรปราการ และจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลง ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี เชียงใหม่ และนครราชสีมา
.
อย่างไรก็ดีการชะลอตัวของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ลดลงเช่นเดียวกัน โดยมีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ อยู่ที่ 109,368 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งมีมูลค่า 121,529 ล้านบาท
.
สำหรับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในไตรมาส 1 ปี 2568 มีส่วนแบ่งทางการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่สูงถึง 42.8% สะท้อนให้เห็นว่า ธอส. ยังคงเป็นสถาบันการเงินที่มีบทบาทในการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์
ของประเทศอย่างต่อเนื่อง
.
โดยเฉพาะในช่วงเดือนเม.ย.แม้เพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. แต่ปรากฏว่ายอดปล่อยสินเชื่อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1,804 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,303 ล้านบาท
.
สะท้อนว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่นต่อการพักอาศัยในคอนโดมิเนียม เช่นเดียวกับบ้านมือสองคุณภาพดีที่ยังไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง รวมไปถึงเดือนเม.ย. มีวันหยุดค่อนข้างมาก ทำให้ประชาชนเลือกที่จะใช้ช่วงเวลานี้ในการทำสัญญาสินเชื่อ
.
ส่วนสถานการณ์หนี้เสีย (NPL) ในไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นปกติที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงต่อเนื่องจากสิ้นปี ซึ่งประชาชนมักมีภาระค่าใช้จ่าย เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ และเปิดภาคเรียน
.
นายกมลภพ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศของต่างชาติ ในไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยว่า มีการชะลอตัวลงเช่นเดียวกันโดยมีจำนวนทั้งสิ้น 3,919 ล้านบาท ลดลง 0.5% มีมูลค่าการโอนทั้งสิ้น 16,392 ล้านบาท ลดลง 9% โดยคนต่างชาติมีสัดส่วน 29.3% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
.
ส่วนต่างชาติ 3 สัญชาติแรกที่มีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด ได้แก่ จีน 1,481 หน่วย ลดลง 7.2% มูลค่ารวม 6,117 ล้านบาท ลดลง 19.2% อันดับ 2 เมียนมา มีการโอนกรรมสิทธิ์ 439 หน่วย เพิ่มขึ้น 12% คิดเป็นมูลค่ารวม 1,587 ล้านบาท โดยลดลง 28.1% อันดับ 3 รัสเซีย มีการโอนกรรมสิทธิ์ 288 หน่วย ลดลง 2.4% มูลค่ารวม 987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9%
.
ทั้งนี้ จากค่าเฉลี่ยการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ส่งผลให้ REIC ปรับคาดการณ์ ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว หรือชะลอตัวลงเล็กน้อย 0.3% เมื่อเทียบกับปี 2567 โดยมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ปี 2568 ขณะที่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ลดลง 0.8% และจำนวนสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศมีมูลค่าลดลง 0.3%
.
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจัดทำมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2568 – 30 มิ.ย. 2569 รวมทั้งการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว จะสามารถแก้ปัญหาการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยได้ทันสถานการณ์ และส่งผลดีต่อตลาดที่อยู่อาศัยให้ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้เป็นต้นไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่