สติปัฐฐาน เห็นจิตเป็นขั้นๆ จึงกระจ่างในจิต
1.เห็นตัวรู้ที่ไปรู้อารมณ์ มีการเกิดดับเปลี่ยนแปลง แยกจิตกับอารมณ์ได้ เป็นปัญญาขั้นที่1
2.ตัวรู้ที่ไปรู้อารมณ์นั้นละเอียดขึ้น อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาเพิกบัญญัติกลุ่มก้อน กลายเป็นอารมณ์ปรมัตถ์ที่บางเบา การรู้ขยายออกไปมากขึ้น สติ สมาธิจึงต้องมีกำลังมากตาม จึงจะจับอารมณ์ได้ เป็นปัญญาขั้นที่2
3.ยิ่งมีวิริยะในการตามรู้ การรู้จึงยิ่งละเอียดขึ้น อารมณ์ทั้ง กาย เวทนาจิต ธรรม ทั้งความสว่าง ตั้งมั่น ก็เปลี่ยนแปลง ยิ่งเห็นว่าเกิดและดับอย่างรวดเร็ว
(อายุอารมณ์สั้น)
4.จากการเห็นตามนี้อยู่เสมอ จึงเกิดปัญญาที่จิต ว่ารูปนามยึดไม่ได้ แม้กระทั้งตัวจิตเอง ก็ยึดไม่ได้ จึงปล่อยการรู้ ไม่ปักลงในการรู้ใดๆ(ปรุงแต่ง) รู้ตามความเป็นจริง เป็นปัญญาขั้นที่3
กระจ่างในจิต คือเห็นอสังขตธรรม
1.เห็นตัวรู้ที่ไปรู้อารมณ์ มีการเกิดดับเปลี่ยนแปลง แยกจิตกับอารมณ์ได้ เป็นปัญญาขั้นที่1
2.ตัวรู้ที่ไปรู้อารมณ์นั้นละเอียดขึ้น อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาเพิกบัญญัติกลุ่มก้อน กลายเป็นอารมณ์ปรมัตถ์ที่บางเบา การรู้ขยายออกไปมากขึ้น สติ สมาธิจึงต้องมีกำลังมากตาม จึงจะจับอารมณ์ได้ เป็นปัญญาขั้นที่2
3.ยิ่งมีวิริยะในการตามรู้ การรู้จึงยิ่งละเอียดขึ้น อารมณ์ทั้ง กาย เวทนาจิต ธรรม ทั้งความสว่าง ตั้งมั่น ก็เปลี่ยนแปลง ยิ่งเห็นว่าเกิดและดับอย่างรวดเร็ว
(อายุอารมณ์สั้น)
4.จากการเห็นตามนี้อยู่เสมอ จึงเกิดปัญญาที่จิต ว่ารูปนามยึดไม่ได้ แม้กระทั้งตัวจิตเอง ก็ยึดไม่ได้ จึงปล่อยการรู้ ไม่ปักลงในการรู้ใดๆ(ปรุงแต่ง) รู้ตามความเป็นจริง เป็นปัญญาขั้นที่3