‘กล้วย’ ใกล้หมดโลก เจอภัยพิบัติรอบด้าน อากาศร้อน-พายุ-โรคเชื้อรา พื้นที่เพาะปลูกลดลงต่อเนื่อง

ยังไงคงไม่ถึงขั้นหมดโลก เพราะใครๆเขาก็ปลูกกัน

แต่อาจจะทำให้การเพาะปลูก การดูแลรักษา ยากขึ้นไปจากเดิม เนื่องจากปัญหาสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ



“กล้วย” เป็นพืชอาหารที่ทุกคนทั่วโลกนิยมบริโภคและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ในอนาคตอาจไม่มีกล้วยให้กิน เนื่องจากลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ส่งออกกล้วยมากที่สุด กำลังเผชิญกับภัยพิบัติมากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัจจุบัน กล้วย 80% ที่วางขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วโลกมาจากลาตินอเมริกาและแคริบเบียน แต่ภายในปี 2080 พื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกกล้วยของภูมิภาคนี้อาจสูญหายไป เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและสภาพอากาศที่เลวร้าย ตามการวิจัยของ Christian Aid องค์กรการกุศลเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ

วิกฤตสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อสวนกล้วยในหลาย ๆ ด้าน กล้วยต้องการอุณหภูมิระหว่าง 15-35 องศาเซลเซียสสำหรับการเจริญเติบโต แต่ก็ไวต่อภาวะขาดแคลนน้ำมากเช่นกัน ในหลายประเทศกำลังเผชิญหน้ากับความร้อนสูง ที่เกิดต่อเนื่องมาแล้วสองปี ทำให้ต้นกล้วยล้มตายเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะยังคงเจอคลื่นความร้อนต่อไป

ขณะเดียวกันพายุเป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากพายุจะทำลายใบ ทำให้พืชสังเคราะห์แสงได้ยากขึ้น นอกจากนี้ การติดเชื้อรายังเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยเฉพาะโรคตายพราย หรือ โรคปานามาที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR 4 ปัจจุบันพบโรคนี้ในโคลอมเบียและเปรู ผู้ส่งออกกล้วยสำคัญของยุโรป

Christian Aid ระบุว่า วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนที่สุดคือ ประเทศร่ำรวยที่ก่อมลพิษจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเร่งด่วน พร้อมเรียกร้องให้ เกษตรผู้ปลูกกล้วยและชุมชนเกษตรกรรมได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนเพื่อสภาพอากาศระหว่างประเทศอย่างตรงจุด และปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

ผู้บริโภคก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์จากการค้าที่เป็นธรรม ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับเงินมากขึ้น เช่นในสหราชอาณาจักรมีอัตราการบริโภคกล้วยต่อหัวสูงที่สุดในยุโรป แต่ราคาขายกล้วยกลับถูกเกินไป ทำให้มูลค่าของกล้วยลดลง ทั้งที่เกษตรกรผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและต้นทุนที่สูงขึ้น

วิกฤติสภาพภูมิอากาศและปัญหาการขาดความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้องมีการพิจารณาทบทวนระบบการผลิตอาหารในภาคอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและห้ามใช้สารเคมีที่เป็นพิษมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องลงทุนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอาหารที่ยุติธรรม มั่นคง และดีต่อสุขภาพ

อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1180204?anm=
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่