เรื่องเล่าหลอนจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
อั้ม เป็นนักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ เย็นทุกวัน เขาต้องร่วมกิจกรรมของทางวิทยาลัย ด้วยการซ้อมการแสดงกับเพื่อน ๆ จากชุมนุมที่เขาเป็นสมาชิก การซ้อมกินเวลาจนถึงค่ำแทบทุกวัน
วันหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นวันปกติ อั้มมีเรียนวิชาพิมพ์ดีด เมื่อเข้าไปในห้อง เขาสังเกตเห็นว่า มีเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องหนึ่งถูกคลุมด้วยผ้าตลอดเวลา อาจารย์มักบอกนักเรียนว่าเครื่องนั้นเสีย ต้องส่งซ่อมอย่างเดียว ไม่ควรใช้งาน อั้มก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
คืนนั้น ชุมนุมของอั้มปิดทำการ เพื่อนจึงชวนกันไปซ้อมที่ศาลาใกล้ตึกพิมพ์ดีด เพราะมีปลั๊กไฟสะดวก หลังซ้อมเสร็จ ทุกคนนั่งพักและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ ๆ รุจ หนึ่งในเพื่อนในกลุ่ม เล่าเรื่องราวหลอนเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องนั้น
"เมื่อก่อนห้องพิมพ์ดีดเคยเป็นห้องซ้อมดนตรีไทย เด็กในชุมนุมนั้นซ้อมกันทุกเย็น…จนมีนักศึกษาคนหนึ่งกระโดดตึกเสียชีวิตที่ห้องนั้น หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นห้องพิมพ์ดีด เพื่อให้ลืมเหตุการณ์" รุจเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เขาเล่าต่อว่า เคยมีรุ่นพี่เห็นเด็กผู้หญิงในชุดไทยรำอยู่หน้าห้อง และมีนักศึกษาที่ลองใช้เครื่องพิมพ์ดีดนั้นแล้วโดนผีเข้า ทุกคนเริ่มเงียบลง ความกลัวแผ่ปกคลุมบรรยากาศ อั้มเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
เวลาผ่านไปจนถึงวันซ้อมสุดท้ายก่อนวันจริง อั้มซ้อมตามปกติ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เขาลืมกระเป๋าไว้บนห้องพิมพ์ดีด เขาชวนเพื่อนขึ้นไปด้วยกัน แต่ไม่มีใครกล้าไป มีแค่เก่งกับรุจที่กล้าไปเป็นเพื่อน
เวลาประมาณหกโมงเย็น ตึกพิมพ์ดีดมืดสนิท ทั้งสามเปิดไฟจากโทรศัพท์เดินขึ้นไปจนถึงห้องพิมพ์ดีด กระเป๋าของอั้มกลับวางอยู่ที่โต๊ะหลังสุด ตรงที่เครื่องพิมพ์ดีดปิดผ้าไว้พอดี ทั้งที่อั้มจำได้ว่าไม่ได้เอาไปวางตรงนั้น
"คงลืมเองแหละ" เก่งพูดกลั้วหัวเราะ
"รีบไปหยิบมาเหอะ เดี๋ยวก็เย็นกว่านี้อีก" รุจเร่ง
อั้มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋า ทันใดนั้นเอง เก่งกับรุจก็วิ่งหนีลงจากตึกทันที อั้มตกใจ รีบวิ่งตาม
เมื่อทั้งสามมายืนหอบอยู่ข้างล่าง เก่งหัวเราะจนตัวงอ “นี่วิ่งเร็วเป็นบ้า วิ่งตามกูทันได้ไงวะ!”
อั้มด่าแบบขำปนโกรธ “ไอ้พวกเหี้_ ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ กูตกใจจริง!”
แต่แล้วอั้มถามขึ้น “เฮ้ย ไอ้รุจไปไหน?”
เก่งมองรอบตัว “หะ? กูคิดว่ามันวิ่งมาก่อนกูนะ มันน่าจะอยู่ที่ศาลาแล้วมั้ง”
ยังไม่ทันได้สงสัยอะไร เสียงดนตรีไทยก็ดังขึ้นจากตึกพิมพ์ดีด พร้อมกับเสียงรุจร้องตะโกน “ช่วยด้วย! กูโดนผีจับขา!”
อั้มกับเก่งหน้าซีด ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจวิ่งกลับขึ้นไปช่วย ในห้องพิมพ์ดีด อั้มเห็นรุจนอนอยู่บนพื้น ขาทั้งสองข้างเหมือนถูกใครบางคนจับไว้แน่น เก่งยืนตัวแข็ง ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“รีบไปช่วยมัน!” อั้มตะโกนก่อนวิ่งเข้าไปจับแขนรุจ และดึงออกมาจากห้อง ทั้งสามคนวิ่งลงมาต่างหอบหายใจแรง
เก่งหน้าซีด “ไปศาลาเถอะ กูไม่ไหวละ”
รุจก็พยักหน้า “กูปวดท้องด้วย เดี๋ยวเข้าห้องน้ำก่อน พวกเข้าไปก่อนเลย”
หลังจากรุจเข้าห้องน้ำ อั้มกับเก่งก็รออยู่หน้าเข้าศาลา เพื่อนในกลุ่มเริ่มทยอยเข้ามา
“เป็นไงบ้าง เจอไรมั้ย?” เพื่อนคนหนึ่งถาม
อั้มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อน ๆ หัวเราะอย่างไม่เชื่อ
แล้วทันใดนั้น รุจก็เดินออกมาจากในศาลา ไม่ใช่จากห้องน้ำ…
“พวกไปกันแล้วเหรอ? กูบอกแล้วว่าอย่าไป กูยังไม่กล้าไปเลย!”
อั้มกับเก่งมองหน้ากันอย่างงง
“…เมื่อกี้เพิ่งไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ?” อั้มถาม
รุจงง “หะ? กูไปตอนไหน กูยังอยู่ในศาลาตลอดเลย พวกสองคนนั่นแหละรีบไปก่อน กูยังไม่ทันลุกเลย”
เก่งเริ่มตัวสั่น น้ำตาไหล “ไอ้รุจ โกหก กูเห็นว่าไปกับพวกกู กูยังจับได้อยู่เลย!”
เพื่อนคนอื่นก็ยืนยันว่า เห็นแค่อั้มกับเก่งเดินขึ้นตึกพิมพ์ดีด ไม่มีใครเห็นรุจไปด้วย
อั้มกับเก่งมองหน้ากัน ก่อนพูดพร้อมกันด้วยเสียงเบา “แล้ว…ใครอยู่ในห้องน้ำ?”
ทันใดนั้น เสียงดนตรีไทยดังขึ้นจากในห้องน้ำที่ "รุจตัวปลอม" เข้าไป...
ทุกคนพากันวิ่งหนีไปที่ป้อมหน้าวิทยาลัยทันที โดยไม่มีใครกล้าหันกลับไปมองอีกเลย
เครื่องสุดท้าย
เรื่องเล่าหลอนจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
อั้ม เป็นนักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ เย็นทุกวัน เขาต้องร่วมกิจกรรมของทางวิทยาลัย ด้วยการซ้อมการแสดงกับเพื่อน ๆ จากชุมนุมที่เขาเป็นสมาชิก การซ้อมกินเวลาจนถึงค่ำแทบทุกวัน
วันหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นวันปกติ อั้มมีเรียนวิชาพิมพ์ดีด เมื่อเข้าไปในห้อง เขาสังเกตเห็นว่า มีเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องหนึ่งถูกคลุมด้วยผ้าตลอดเวลา อาจารย์มักบอกนักเรียนว่าเครื่องนั้นเสีย ต้องส่งซ่อมอย่างเดียว ไม่ควรใช้งาน อั้มก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
คืนนั้น ชุมนุมของอั้มปิดทำการ เพื่อนจึงชวนกันไปซ้อมที่ศาลาใกล้ตึกพิมพ์ดีด เพราะมีปลั๊กไฟสะดวก หลังซ้อมเสร็จ ทุกคนนั่งพักและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ ๆ รุจ หนึ่งในเพื่อนในกลุ่ม เล่าเรื่องราวหลอนเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องนั้น
"เมื่อก่อนห้องพิมพ์ดีดเคยเป็นห้องซ้อมดนตรีไทย เด็กในชุมนุมนั้นซ้อมกันทุกเย็น…จนมีนักศึกษาคนหนึ่งกระโดดตึกเสียชีวิตที่ห้องนั้น หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นห้องพิมพ์ดีด เพื่อให้ลืมเหตุการณ์" รุจเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เขาเล่าต่อว่า เคยมีรุ่นพี่เห็นเด็กผู้หญิงในชุดไทยรำอยู่หน้าห้อง และมีนักศึกษาที่ลองใช้เครื่องพิมพ์ดีดนั้นแล้วโดนผีเข้า ทุกคนเริ่มเงียบลง ความกลัวแผ่ปกคลุมบรรยากาศ อั้มเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
เวลาผ่านไปจนถึงวันซ้อมสุดท้ายก่อนวันจริง อั้มซ้อมตามปกติ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เขาลืมกระเป๋าไว้บนห้องพิมพ์ดีด เขาชวนเพื่อนขึ้นไปด้วยกัน แต่ไม่มีใครกล้าไป มีแค่เก่งกับรุจที่กล้าไปเป็นเพื่อน
เวลาประมาณหกโมงเย็น ตึกพิมพ์ดีดมืดสนิท ทั้งสามเปิดไฟจากโทรศัพท์เดินขึ้นไปจนถึงห้องพิมพ์ดีด กระเป๋าของอั้มกลับวางอยู่ที่โต๊ะหลังสุด ตรงที่เครื่องพิมพ์ดีดปิดผ้าไว้พอดี ทั้งที่อั้มจำได้ว่าไม่ได้เอาไปวางตรงนั้น
"คงลืมเองแหละ" เก่งพูดกลั้วหัวเราะ
"รีบไปหยิบมาเหอะ เดี๋ยวก็เย็นกว่านี้อีก" รุจเร่ง
อั้มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋า ทันใดนั้นเอง เก่งกับรุจก็วิ่งหนีลงจากตึกทันที อั้มตกใจ รีบวิ่งตาม
เมื่อทั้งสามมายืนหอบอยู่ข้างล่าง เก่งหัวเราะจนตัวงอ “นี่วิ่งเร็วเป็นบ้า วิ่งตามกูทันได้ไงวะ!”
อั้มด่าแบบขำปนโกรธ “ไอ้พวกเหี้_ ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ กูตกใจจริง!”
แต่แล้วอั้มถามขึ้น “เฮ้ย ไอ้รุจไปไหน?”
เก่งมองรอบตัว “หะ? กูคิดว่ามันวิ่งมาก่อนกูนะ มันน่าจะอยู่ที่ศาลาแล้วมั้ง”
ยังไม่ทันได้สงสัยอะไร เสียงดนตรีไทยก็ดังขึ้นจากตึกพิมพ์ดีด พร้อมกับเสียงรุจร้องตะโกน “ช่วยด้วย! กูโดนผีจับขา!”
อั้มกับเก่งหน้าซีด ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจวิ่งกลับขึ้นไปช่วย ในห้องพิมพ์ดีด อั้มเห็นรุจนอนอยู่บนพื้น ขาทั้งสองข้างเหมือนถูกใครบางคนจับไว้แน่น เก่งยืนตัวแข็ง ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“รีบไปช่วยมัน!” อั้มตะโกนก่อนวิ่งเข้าไปจับแขนรุจ และดึงออกมาจากห้อง ทั้งสามคนวิ่งลงมาต่างหอบหายใจแรง
เก่งหน้าซีด “ไปศาลาเถอะ กูไม่ไหวละ”
รุจก็พยักหน้า “กูปวดท้องด้วย เดี๋ยวเข้าห้องน้ำก่อน พวกเข้าไปก่อนเลย”
หลังจากรุจเข้าห้องน้ำ อั้มกับเก่งก็รออยู่หน้าเข้าศาลา เพื่อนในกลุ่มเริ่มทยอยเข้ามา
“เป็นไงบ้าง เจอไรมั้ย?” เพื่อนคนหนึ่งถาม
อั้มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อน ๆ หัวเราะอย่างไม่เชื่อ
แล้วทันใดนั้น รุจก็เดินออกมาจากในศาลา ไม่ใช่จากห้องน้ำ…
“พวกไปกันแล้วเหรอ? กูบอกแล้วว่าอย่าไป กูยังไม่กล้าไปเลย!”
อั้มกับเก่งมองหน้ากันอย่างงง
“…เมื่อกี้เพิ่งไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ?” อั้มถาม
รุจงง “หะ? กูไปตอนไหน กูยังอยู่ในศาลาตลอดเลย พวกสองคนนั่นแหละรีบไปก่อน กูยังไม่ทันลุกเลย”
เก่งเริ่มตัวสั่น น้ำตาไหล “ไอ้รุจ โกหก กูเห็นว่าไปกับพวกกู กูยังจับได้อยู่เลย!”
เพื่อนคนอื่นก็ยืนยันว่า เห็นแค่อั้มกับเก่งเดินขึ้นตึกพิมพ์ดีด ไม่มีใครเห็นรุจไปด้วย
อั้มกับเก่งมองหน้ากัน ก่อนพูดพร้อมกันด้วยเสียงเบา “แล้ว…ใครอยู่ในห้องน้ำ?”
ทันใดนั้น เสียงดนตรีไทยดังขึ้นจากในห้องน้ำที่ "รุจตัวปลอม" เข้าไป...
ทุกคนพากันวิ่งหนีไปที่ป้อมหน้าวิทยาลัยทันที โดยไม่มีใครกล้าหันกลับไปมองอีกเลย