เริ่มต้นด้วยค่ำคืนเวลาตี 3 ที่พ่อกับแม่กำลังเข้านอน
หลังจากงานรวมญาติเสร็จสิ้นลง
ผมเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องเดียวกันกับห้องนอนของพวกท่าน กำลังนั่งปรดทุกข์ จากการกินอาหารไม่ดีในยามดึก
ในระหว่างที่กำลังนักนึกสรรพเพเทระ ไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงโทรเรียกเข้า ผ่านทางมือถือของใครบางคนดังวังเวง อยู่ในห้องน้ำของผม
เมื่อลุกไปค้นดูรอบๆ กลับเจอโทรศัพท์เจ้าของเสียง วางอยู่หลังอ่างอาบน้ำที่เสียอยู่ แต่เมื่อผมเจอมัน ก็เสียงหยุดไปเสียแล้ว
เห็นเป็นโทรศัพท์ สองเครื่องวางซ้อนทับกันอยู่
1.คือ โทรศัพท์ของผมเอง
2.คือ โทรศัพท์ที่ดูเหมือนจะเป็นของญาติของผม
ด้วยความสงสัยว่า ด้วยความเบลอของตัวกระผมเอง ที่เผลอไปหยิบโทรศัพท์ของญาติคนนั้น ออกมาจากงานด้วย
จึงลองโทรไปหาญาติที่เป็นคนรู้จักที่น่าจะเป็นเจ้าของโทรศัพท์นี้…
ทันใดนั้น มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น มาจากข้างนอกห้องน้ำ มันอยู่ในห้องนอนของพวกเรา
ในระหว่างที่ผมได้ยินเสียงนั้น สายตาผมจับจ้องไปที่ ภาพของวิดีโอคอล ที่กำลังเปิดออก
ข้างในนั้นมันคือ ใบหน้าของญาติของผมที่คิดว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์ของมัน
กำลังทำหน้ายิ้มหอเราะ ตาตกๆ ยิ้มที่มุมปากเล็กๆ
ผมพูดออกไปว่า “เห้ย โต๋ นี่ใช่โทรศัพท์ของเอ็ง ป่าววะ?” ทันใดนั้นที่พูดจบ
ภาพในกลางก็แพนออก จากหน้าของมัน เห็นเป็นห้องมืดๆห้องหนึ่ง ที่มีแสงไฟสีออกเขียวๆเทาๆ ส่องออกมาจากมุมซ้ายของจอ
ก่อนที่มันจะไหลไกลออกมาเรื่อยๆ ลอดผ่านแสงต้นกำเนิด แล้วมาหยุดอยู่ที่หนึ่ง
ในภาพนั้น มันคือภาพของห้องนอนของพวกผมเอง แต่กลับมีคนปริศนาสามคน กำลังนอนอยู่บนเตียงนอน รถเข็นโรงพยาบาล หน้าทีวีที่เปิดอยู่นั้น อยู่เบื้องหน้า พ่อแม่ของพวกผม ที่กำลังนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่ม
ณ เสี้ยววินาทีนั้น ความสงสัย ปน ตกใจ ที่ญาติมาหา แล่นเข้ามาในความคิด ก่อนที่ความรู้สึกผิดปกติ และความหวาดกลัว จะเข้ามาแทนที่
ผมรีบวิ่งหน้ากระตั่ง ออกมาจากห้องน้ำ กระโดดโทมไปปลุกพ่อของตัวเอง หวังให้ท่านช่วยแก้ไขสถานการณ์
เมื่อท่านเริ่มสะดุ้งตัวตื่น พร้อมๆ กับที่แม่ของผมก็สะดุ้งที่ผมกระโดดข้ามหัวของเธอ
ความรู้สึกโล่งอกที่ใจ ค่อยๆก่อตัวขึ้น พร้อมๆกับที่ภาพประหลาด ที่เห็นอยู่ในคลิป กลับหายไป …
ไอ้ญาติคนนั้น ที่อยู่ตรงที่นอนของผม ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น กลายเป็นห้องที่เปิดไฟสว่างครึ่งหนึ่ง เหมือนกับตอนแรกที่ผมเดินเข้าห้องน้ำ
ผมที่กำลังจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ให้พ่อกับแม่สีหน้าไม่ดีฟัง
จึงเดินลุกไปเปิดไฟที่อยู่หน้าประตูห้องนั้น
ทันใดที่ผมกำลังจะเอ่ยปากออกไปนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มาจากทางข้างขวาของผม …
ทุกคนในห้องนิ่งชะงัก ตามด้วยความเงียบสงัด ที่เร่งเสียงเคาะประตูให้ดังยิ่งขึ้น
พวกเรารู้ได้ทันที ว่ามันมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่ในชั่ววูบความคิดนั้น ผมกลับนึกขึ้นได้ว่า ประตูมันยังไม่ได้ล็อค เลยกำลังเอื้อมมือไปที่ประตู
ทันใดนั้น พ่อผมก็พูดขึ้น “เปิดออกไปแล้วตะโกนดังๆ ”
ผมหันไปหาพ่อของผม ด้วยความไคร่รู้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า พวกท่านน่าจะมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
ผมจึงเปิดประตูแง้มพรวดเข้ามา แล้วตะโกนออกไป “เห้ย!”
ในระหว่างที่สายตาของผม หันมองออกไปด้วยความสงสัย
สบตากับภาพดวงตากลมโปน ปากบวม หน้าบวม ร่างสีขาวสีด มันกำลังจ้องขะเม๋งมาที่ตัวผม รู้ตัวอีกทีมันก็ใกล้มากๆ
ผมจึงรีบเอาตัวกระแทกปิดประตูออกไป ก่อนจะไขกรอนล็อคในที่สุด
ผมหันไปหาพ่อกับแม่ พวกเขาสีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก ในระหว่างความเงียบงัดนี้เอง
*ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!!*
เสียงเคาะประตูยิ่งดังแรงขึ้น พร้อมกับบานประตูที่สั่นกระแทก
สงสัยผมจะตะโกนดังออกไปไม่พอ ผมจึงหันกลับไปที่ประตูนั้น พยายามที่จะเปิดประตูกลับออกไป ตะโกนไล่มันอีกครั้ง
เมื่อเสียงปลดกรอนดัง เสียงเคาะนั้นก็เงียบหายไป …
ผมจึงค่อยๆ แง้มประตูออกอีกครั้ง …
ก่อนที่มันจะกระชากดันเข้ามา! ที่มือตรงบานพับประตู ผมรู้สึกได้ถึงแรงต้านมหาศาล ผมพยายามเอาตัวพิงดันประตูกลับไป
จวนจะไขล็อคมันได้ แต่แรงของสิ่งที่อยู่หลังประตู มันสู้ไม่ให้ผมดันประตูกลับออกไป “เห้ย!! เห้ย!!! เห้ย!!!” ผมพยายามร้องตะโกนไล่มันออกไปอย่างสุดเสียง ก่อนสุดท้ายแล้วเสียงกรอนล็อคก็ดังขึ้น …
ผมล้มลง ตัวยันประตูไว้ ด้วยความหมดแรง และตื่นตระหนก
*ตึง! ตึง!!! ตึ่ง!!!!*
ก่อนที่เสียงแรงกระแทก ที่ประตูจะกระเด้งตัวผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมใช้เท้ายันหลังตัวเองต้านประตูที่กำลังจะพังถล่มลงมานั้น
ในขณะที่สายตาจับไปหาพ่อกับแม่ของผม พวกท่านกำลังนั่งคุยกันบางอย่าง โดยที่ไม่ได้หันมาสนอกสนใจตัวผมเลย
แล้วฝันก็จบลง ด้วยการสะดุ้งตื่น
บนที่นอนของตัวเอง
ผมทราบว่าตัวเองเพิ่งตื่นจากฝัน ข้างในนั้นมันสมจริงมากๆ ความรู้สึกแรกที่เข้ามาในหัว “น่ากลัวมาก เป็นฝันที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ” หัวใจของผมไม่เคยเต้นรัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึก
ผมเลยพลิกตัวหันไปหาโทรศัพท์ แล้วเริ่มจดบันทึกภาพฝันพวกนั้น ลงไป
ก่อนที่เสียงเคาะเบาๆ เป็นจังหวะ จะดังขึ้นมาจากที่หนไหนสักแห่ง …
ผมคิดว่าผมตื่นจากฝันแล้วนะ ลืมตาขึ้นมาแล้วรู้สึกได้ถึงรายละเอียดห้องนอนของตัวเองที่ชัดเจนมากๆ
ทั้งแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องลงมา ผ่านหน้าต่างเหนือหัวของผม
แต่ว่าไอเสียง ตึง ตึง นี้มันคืออะไรกัน ผมได้ยินมันดังเบาๆ แบบนี้มาพักนึงแล้วนะ
เสียงมันก็อยู่รอบๆ บ้านผมด้วย ผมพยายามนอนฟัง เพื่อหาแหล่งกำเนิดของเสียงตึง ตึง พักๆ เป็นระยะๆ
มันรู้สึกเหมือนเป็นเสียงของกลองมโหรี แต่กลับกันมันเหมือนเสียงไม้หรือวัตถุบางอย่างเคาะที่กำแพงข้างล่างบ้าน
ในระหว่างที่เสียงมันยังดำเนินอยู่นั้น ผมก็กดอัดเสียงโทรศัพท์เอาไว้
สุดท้ายก็ลุกออกจากเตียง เดินตามหาที่มาของเสียง เดินเข้าไปในห้องน้ำที่หน้าต่างเปิดอยู่ ...
ก็ยังได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอกนั้น
สุดท้ายแล้ว ผมจึงเดินออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง แล้วเริ่มเขียนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
.
สุดท้ายนี้เมื่อตอนที่ผมเขียนเสร็จ
เป็นเวลา 6:44 นาที ปรากฏว่าเจ้าเสียงเคาะเป็นจังหวะ *ตึง ตึง* ชวนรำคาญที่ได้ยินนั้น มันคือเสียงของวงหมอรำที่เพิ่งเริ่มบรรเลง เมื่อผมเขียนเรื่องจบนี่เอง
ถ้าไวยกรณ์ตกหล่น หรือการเรียบเรียงคำชวนสับสน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย พอดีผมรีบเขียนกลัวลืมไปก่อนน่ะครับ
17 พ.ค. 2568 / เริ่มเขียน 5:55 นาที
เสียงเคาะประหลาดเมื่อตอนตี 5
หลังจากงานรวมญาติเสร็จสิ้นลง
ผมเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องเดียวกันกับห้องนอนของพวกท่าน กำลังนั่งปรดทุกข์ จากการกินอาหารไม่ดีในยามดึก
ในระหว่างที่กำลังนักนึกสรรพเพเทระ ไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงโทรเรียกเข้า ผ่านทางมือถือของใครบางคนดังวังเวง อยู่ในห้องน้ำของผม
เมื่อลุกไปค้นดูรอบๆ กลับเจอโทรศัพท์เจ้าของเสียง วางอยู่หลังอ่างอาบน้ำที่เสียอยู่ แต่เมื่อผมเจอมัน ก็เสียงหยุดไปเสียแล้ว
เห็นเป็นโทรศัพท์ สองเครื่องวางซ้อนทับกันอยู่
1.คือ โทรศัพท์ของผมเอง
2.คือ โทรศัพท์ที่ดูเหมือนจะเป็นของญาติของผม
ด้วยความสงสัยว่า ด้วยความเบลอของตัวกระผมเอง ที่เผลอไปหยิบโทรศัพท์ของญาติคนนั้น ออกมาจากงานด้วย
จึงลองโทรไปหาญาติที่เป็นคนรู้จักที่น่าจะเป็นเจ้าของโทรศัพท์นี้…
ทันใดนั้น มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น มาจากข้างนอกห้องน้ำ มันอยู่ในห้องนอนของพวกเรา
ในระหว่างที่ผมได้ยินเสียงนั้น สายตาผมจับจ้องไปที่ ภาพของวิดีโอคอล ที่กำลังเปิดออก
ข้างในนั้นมันคือ ใบหน้าของญาติของผมที่คิดว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์ของมัน
กำลังทำหน้ายิ้มหอเราะ ตาตกๆ ยิ้มที่มุมปากเล็กๆ
ผมพูดออกไปว่า “เห้ย โต๋ นี่ใช่โทรศัพท์ของเอ็ง ป่าววะ?” ทันใดนั้นที่พูดจบ
ภาพในกลางก็แพนออก จากหน้าของมัน เห็นเป็นห้องมืดๆห้องหนึ่ง ที่มีแสงไฟสีออกเขียวๆเทาๆ ส่องออกมาจากมุมซ้ายของจอ
ก่อนที่มันจะไหลไกลออกมาเรื่อยๆ ลอดผ่านแสงต้นกำเนิด แล้วมาหยุดอยู่ที่หนึ่ง
ในภาพนั้น มันคือภาพของห้องนอนของพวกผมเอง แต่กลับมีคนปริศนาสามคน กำลังนอนอยู่บนเตียงนอน รถเข็นโรงพยาบาล หน้าทีวีที่เปิดอยู่นั้น อยู่เบื้องหน้า พ่อแม่ของพวกผม ที่กำลังนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่ม
ณ เสี้ยววินาทีนั้น ความสงสัย ปน ตกใจ ที่ญาติมาหา แล่นเข้ามาในความคิด ก่อนที่ความรู้สึกผิดปกติ และความหวาดกลัว จะเข้ามาแทนที่
ผมรีบวิ่งหน้ากระตั่ง ออกมาจากห้องน้ำ กระโดดโทมไปปลุกพ่อของตัวเอง หวังให้ท่านช่วยแก้ไขสถานการณ์
เมื่อท่านเริ่มสะดุ้งตัวตื่น พร้อมๆ กับที่แม่ของผมก็สะดุ้งที่ผมกระโดดข้ามหัวของเธอ
ความรู้สึกโล่งอกที่ใจ ค่อยๆก่อตัวขึ้น พร้อมๆกับที่ภาพประหลาด ที่เห็นอยู่ในคลิป กลับหายไป …
ไอ้ญาติคนนั้น ที่อยู่ตรงที่นอนของผม ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น กลายเป็นห้องที่เปิดไฟสว่างครึ่งหนึ่ง เหมือนกับตอนแรกที่ผมเดินเข้าห้องน้ำ
ผมที่กำลังจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ให้พ่อกับแม่สีหน้าไม่ดีฟัง
จึงเดินลุกไปเปิดไฟที่อยู่หน้าประตูห้องนั้น
ทันใดที่ผมกำลังจะเอ่ยปากออกไปนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มาจากทางข้างขวาของผม …
ทุกคนในห้องนิ่งชะงัก ตามด้วยความเงียบสงัด ที่เร่งเสียงเคาะประตูให้ดังยิ่งขึ้น
พวกเรารู้ได้ทันที ว่ามันมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่ในชั่ววูบความคิดนั้น ผมกลับนึกขึ้นได้ว่า ประตูมันยังไม่ได้ล็อค เลยกำลังเอื้อมมือไปที่ประตู
ทันใดนั้น พ่อผมก็พูดขึ้น “เปิดออกไปแล้วตะโกนดังๆ ”
ผมหันไปหาพ่อของผม ด้วยความไคร่รู้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า พวกท่านน่าจะมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
ผมจึงเปิดประตูแง้มพรวดเข้ามา แล้วตะโกนออกไป “เห้ย!”
ในระหว่างที่สายตาของผม หันมองออกไปด้วยความสงสัย
สบตากับภาพดวงตากลมโปน ปากบวม หน้าบวม ร่างสีขาวสีด มันกำลังจ้องขะเม๋งมาที่ตัวผม รู้ตัวอีกทีมันก็ใกล้มากๆ
ผมจึงรีบเอาตัวกระแทกปิดประตูออกไป ก่อนจะไขกรอนล็อคในที่สุด
ผมหันไปหาพ่อกับแม่ พวกเขาสีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก ในระหว่างความเงียบงัดนี้เอง
*ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!!*
เสียงเคาะประตูยิ่งดังแรงขึ้น พร้อมกับบานประตูที่สั่นกระแทก
สงสัยผมจะตะโกนดังออกไปไม่พอ ผมจึงหันกลับไปที่ประตูนั้น พยายามที่จะเปิดประตูกลับออกไป ตะโกนไล่มันอีกครั้ง
เมื่อเสียงปลดกรอนดัง เสียงเคาะนั้นก็เงียบหายไป …
ผมจึงค่อยๆ แง้มประตูออกอีกครั้ง …
ก่อนที่มันจะกระชากดันเข้ามา! ที่มือตรงบานพับประตู ผมรู้สึกได้ถึงแรงต้านมหาศาล ผมพยายามเอาตัวพิงดันประตูกลับไป
จวนจะไขล็อคมันได้ แต่แรงของสิ่งที่อยู่หลังประตู มันสู้ไม่ให้ผมดันประตูกลับออกไป “เห้ย!! เห้ย!!! เห้ย!!!” ผมพยายามร้องตะโกนไล่มันออกไปอย่างสุดเสียง ก่อนสุดท้ายแล้วเสียงกรอนล็อคก็ดังขึ้น …
ผมล้มลง ตัวยันประตูไว้ ด้วยความหมดแรง และตื่นตระหนก
*ตึง! ตึง!!! ตึ่ง!!!!*
ก่อนที่เสียงแรงกระแทก ที่ประตูจะกระเด้งตัวผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมใช้เท้ายันหลังตัวเองต้านประตูที่กำลังจะพังถล่มลงมานั้น
ในขณะที่สายตาจับไปหาพ่อกับแม่ของผม พวกท่านกำลังนั่งคุยกันบางอย่าง โดยที่ไม่ได้หันมาสนอกสนใจตัวผมเลย
แล้วฝันก็จบลง ด้วยการสะดุ้งตื่น
บนที่นอนของตัวเอง
ผมทราบว่าตัวเองเพิ่งตื่นจากฝัน ข้างในนั้นมันสมจริงมากๆ ความรู้สึกแรกที่เข้ามาในหัว “น่ากลัวมาก เป็นฝันที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ” หัวใจของผมไม่เคยเต้นรัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึก
ผมเลยพลิกตัวหันไปหาโทรศัพท์ แล้วเริ่มจดบันทึกภาพฝันพวกนั้น ลงไป
ก่อนที่เสียงเคาะเบาๆ เป็นจังหวะ จะดังขึ้นมาจากที่หนไหนสักแห่ง …
ผมคิดว่าผมตื่นจากฝันแล้วนะ ลืมตาขึ้นมาแล้วรู้สึกได้ถึงรายละเอียดห้องนอนของตัวเองที่ชัดเจนมากๆ
ทั้งแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องลงมา ผ่านหน้าต่างเหนือหัวของผม
แต่ว่าไอเสียง ตึง ตึง นี้มันคืออะไรกัน ผมได้ยินมันดังเบาๆ แบบนี้มาพักนึงแล้วนะ
เสียงมันก็อยู่รอบๆ บ้านผมด้วย ผมพยายามนอนฟัง เพื่อหาแหล่งกำเนิดของเสียงตึง ตึง พักๆ เป็นระยะๆ
มันรู้สึกเหมือนเป็นเสียงของกลองมโหรี แต่กลับกันมันเหมือนเสียงไม้หรือวัตถุบางอย่างเคาะที่กำแพงข้างล่างบ้าน
ในระหว่างที่เสียงมันยังดำเนินอยู่นั้น ผมก็กดอัดเสียงโทรศัพท์เอาไว้
สุดท้ายก็ลุกออกจากเตียง เดินตามหาที่มาของเสียง เดินเข้าไปในห้องน้ำที่หน้าต่างเปิดอยู่ ...
ก็ยังได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอกนั้น
สุดท้ายแล้ว ผมจึงเดินออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง แล้วเริ่มเขียนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
.
สุดท้ายนี้เมื่อตอนที่ผมเขียนเสร็จ
เป็นเวลา 6:44 นาที ปรากฏว่าเจ้าเสียงเคาะเป็นจังหวะ *ตึง ตึง* ชวนรำคาญที่ได้ยินนั้น มันคือเสียงของวงหมอรำที่เพิ่งเริ่มบรรเลง เมื่อผมเขียนเรื่องจบนี่เอง
ถ้าไวยกรณ์ตกหล่น หรือการเรียบเรียงคำชวนสับสน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย พอดีผมรีบเขียนกลัวลืมไปก่อนน่ะครับ
17 พ.ค. 2568 / เริ่มเขียน 5:55 นาที