คำพูดของหัวหน้า ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นคนไม่ดี

ตอนนี้เราต้องรับมือกับคู่ค้านิสัยขี้วีนคนหนึ่ง ซึ่งดีลงานกันไม่จบสักที จนต้องให้หัวหน้าเข้ามาช่วย เราโดนคู่ค้าคนนี้โทรมาวีนใส่บ่อย บ่อยที่ว่านี่หมายถึงวีนเกือบทุกครั้งที่โทรมา ในขณะที่เราพูดดีและรับฟังเขาตลอด ไม่เคยวีนตอบเลย เรื่องที่เขาวีนก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการดีลงานที่มันล่าช้า ความล่าช้าก็มาทั้งจากฝั่งเราและฝั่งเขา แต่เขาก็จะชอบโทษแค่ฝั่งเรา และเวลาเราติดตามหรือเร่งงานจากเขา เขาก็จะวีนเราด้วย หาว่าเราไม่ให้เวลาเขาได้ทำงาน (แต่จริงๆคือดีลกันมานานมากแล้ว ไม่เสร็จสักที) นอกจากขี้วีนแล้ว เวลาโทรมาก็จะชอบพูดสั่งๆๆลูกเดียว แทบไม่เปิดโอกาสให้เราได้พูดเลย เหมือนเห็นเราเป็นที่ระบายอารมณ์ พอพูดเสร็จก็วางสาย เราจึงไม่อยากคุยกับเขาเยอะ เราจะชอบพิมพ์คุยมากกว่าโทรคุย เพราะเวลาพิมพ์เขาไม่วีน แต่ตัวเขาน่ะชอบโทร

จริงๆแล้วเราอยู่ในสถานะเป็นต่อ เพราะเป็นฝ่ายให้บริการ โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปหาลูกค้า ลูกค้าจะมาหาเราเอง (คล้ายอาชีพหมอ ไม่ต้องไปหาคนไข้ คนไข้มาหาเอง แต่ลูกค้าของเราคือหน่วยงานภายนอก) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันเหมือนกับเขาเป็นต่อ แล้วเราเป็นรอง เราควรเป็นฝ่ายวีนมากกว่า แต่นิสัยเราก็ไม่ได้ชอบวีน ไม่ชอบความขัดแย้ง ไม่ชอบมีปัญหา และก็พูดไม่เก่งด้วย หัวหน้าเราก็รู้ว่าคู่ค้าคนนี้ขี้วีนเพราะเคยโดนวีนใส่เหมือนกัน แต่หัวหน้าเราเป็นคนพูดเก่ง และก็มีตำแหน่งสูงกว่าเขา พอเขาโดนคู่ค้าคนนี้วีนใส่ เขาก็จะพูดตัดบทประมาณว่า “ถ้าคุณเป็นแบบนี้ พี่ขอไม่คุยด้วย” แล้วหลังจากนั้นหัวหน้าเราก็ไม่ยอมคุยกับคู่ค้าคนนี้อีก แต่เลี่ยงไปคุยกับหัวหน้าของคู่ค้าคนนี้แทน แล้วก็ให้หัวหน้าของเขาไปสั่งการเขาต่อ

แต่เรายังต้องคุยกับคู่ค้าคนนี้ต่อไปเพราะว่าดีลกันมาตั้งแต่แรก และเขาก็เป็นคนรับผิดชอบงานที่ดีลกันอยู่ เขาบอกว่าเขาทำงานนี้คนเดียว รู้เรื่องมากที่สุด และเขาก็ไม่โทรหาหัวหน้าเราอีกเลย ทั้งๆที่เราเคยบอกไปแล้วว่าถ้าติดต่อเราไม่ได้ ก็สามารถติดต่อหัวหน้าเราได้เลย รู้งานเท่ากัน เราคิดว่าที่เขาไม่โทรหาหัวหน้าเราก็คงเป็นเพราะหัวหน้าเราไม่ยอมให้เขาวีนใส่ แต่เรายอม ซึ่งจริงๆก็ไม่อยากยอมหรอก แต่เราไม่สามารถพูดกับเขาแบบที่หัวหน้าเราพูดได้ เพราะเรายังต้องคุยกับเขาอีกหลายครั้ง เราจึงไม่อยากมีปัญหา จะให้เราไปคุยกับหัวหน้าของเขาแทน อย่างที่หัวหน้าเราทำ ก็ไม่ได้อีก หัวหน้าเรายังต้องการให้เราคุยกับเขาต่อ และเขาก็เป็นคนที่รู้เรื่องงานมากที่สุด เขาบอกเราว่าเขารับผิดชอบงานนั้นคนเดียว (ฟีลเหมือนเรา ทำงานนี้คนเดียวเหมือนกัน แต่มีหัวหน้าช่วยซัพพอร์ต)

ล่าสุดคู่ค้าคนนี้โทรมาหาเรา เพื่อจะต่อว่าหัวหน้าเราที่โทรไปคุยงานกับหัวหน้าของเขา (จะตำหนิหัวหน้าเรา แต่โทรหาเรา) เขาบอกว่าทำไมต้องโทรไปคุยหลายคน ในเมื่อสุดท้ายงานก็ต้องมาตกที่เขาคนเดียว ทำไมไม่โทรคุยกับเขาคนเดียวเลย เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง ตอนนั้นคิดเหตุผลดีๆไม่ทัน ก็เลยตอบเอาตัวรอดไปว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวจะบอกหัวหน้าให้ว่าเขาอยากให้คุยกับเขาคนเดียว พอคุยกันเสร็จ หัวหน้าที่นั่งทำงานอยู่ใกล้เรา และได้ยินเราคุยโทรศัพท์ ก็พูดตำหนิเราว่าทำไมเราถึงไปตอบเขาแบบนั้น ทำไมถึงไปเออออตามเขา ทำไมต้องกลัวเขา ทำไมไม่ตอบเหตุผลชัดเจนไปเลย ว่าหัวหน้าเราก็มีสิทธิคุยงานกับหัวหน้าเขา ในเมื่อสามารถคุยได้เหมือนกัน ส่วนหัวหน้าเขาจะไปสั่งงานเขาอีกทีมันก็เป็นเรื่องปกติ หรือว่าทั้งหน่วยงานคุยได้อยู่แค่คนเดียวหรือ? และการที่เราไปตอบเขาว่าไม่รู้ หัวหน้าบอกว่าอาจเป็นการเอาตัวรอด แต่ก็จะดูเหมือนว่าเรากับหัวหน้าไม่ได้ทำงานไปด้วยกัน ในเมื่อรู้ๆกันอยู่ว่าคู่ค้าคนนี้ขี้วีนขนาดไหน แถมคุยแล้วงานไม่เสร็จ หัวหน้าเราถึงไม่อยากคุยด้วย และเลือกจะไปคุยกับหัวหน้าของเขาเพื่อจะได้ไม่ต้องโดนวีน

หัวหน้าเราพูดแบบนั้น ส่วนเราก็บอกไปว่าตอนนั้นเราคิดเหตุผลไม่ออก เพราะคนที่คุยกับหัวหน้าของคู่ค้าก็ไม่ใช่เรา เราตอบเขาได้แค่สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง เรื่องไหนที่ต้องออกความเห็น เราก็เลี่ยงไม่ตอบ และเราก็คิดในใจว่า หัวหน้าก็พูดแบบนั้นได้สิ ในเมื่อเขาสามารถเลือกที่จะไม่คุยกับคู่ค้าขี้วีนรายนี้ได้ แต่เราเลือกได้ที่ไหน เรายังต้องคุยต่อ และอีกฝ่ายกำลังเดือดปุดๆ (ไม่ได้เดือดเรา แต่เดือดหัวหน้าเรา) ถ้าเราตอบเขาไปอย่างที่หัวหน้าพูดกับเรา มันจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะเข้าใจและเย็นลงหรือเปล่า ก็ไม่รู้ แต่เรารู้สึกเอาเองว่ามันไม่จบหรอก จะเป็นการเติมเชื้อไฟมากกว่า และใครล่ะที่จะโดนวีน ก็เราเอง (เผลอๆอาจโดนเขาร้องเรียนมาที่หน่วยงานเรา ว่าเราใช้คำพูดไม่ดีกับเขา ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการก็คงทำตามใจตัวเองได้) เราจึงเลือกที่จะทำเป็นเข้าใจเขาและเออออไปกับเขา เพราะเวลาเราต้องโทรคุยกับคู่ค้ารายนี้ทีไร สิ่งที่เราต้องการที่สุด คือให้เขารีบพูดให้จบแล้ววางสายไป ส่วนเราไม่โทรหาเขาอยู่แล้ว เราจะพิมพ์ไลน์หรือส่งอีเมลเพื่อเซฟสภาพจิตใจตัวเอง

แต่ตอนนี้เรารู้สึกแย่กับความคิดและคำพูดของหัวหน้า เขาพูดทำนองว่าการทำงานต้องโปร่งใสและชัดเจน เขารู้ว่าเรารับมือคู่ค้ารายนี้ไม่ได้ ถ้ารับมือได้งานก็เสร็จไปนานแล้ว ฉะนั้นเขาจึงได้ช่วย หรือว่าเรารับมือได้? เขาจะได้เลิกช่วย เราตอบว่าก็เห็นๆกันอยู่แล้วว่ารับมือไม่ได้ งานถึงยังไม่เสร็จไง หัวหน้าบอกว่าถ้างั้นเราก็ต้องฟังเขา ทีหลังถ้าโดนคู่ค้าถามอีกว่าทำไมถึงโทรคุยกับหัวหน้าเขา ก็ให้ตอบไปอย่างที่หัวหน้าบอก และถ้าฉลาดคิดก็ควรถามคู่ค้าไปด้วยว่าว่าเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า จากนั้นหัวหน้าเราก็บ่นเรื่องนี้ต่อไปอีกไม่ต่ำกว่าสิบนาที เรารู้สึกเหมือนกำลังโดนด่าหลายคำเลย ประมาณว่าขี้ขลาด ไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส ไม่ฉลาด เอาตัวรอด

เราก็ได้แต่นึกฉุนในใจ ว่าทำไมเราถึงต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ จะเลือกทางไหน สุดท้ายเราก็ต้องรับกรรม ถ้าเลือกเชื่อหัวหน้า เราก็อาจโดนลูกค้าวีน แต่ถ้าเลือกทำอย่างที่ทำอยู่ ก็จะโดนหัวหน้าวีน เรามีแค่คู่ค้าคนนี้คนเดียวที่คุยด้วยได้ ถึงมันจะไม่ราบรื่นก็ตาม เราพยายามที่จะไม่ทำให้มันขรุขระมากไปกว่านี้ เราผิดเหรอ และเราก็ไม่สามารถข้ามไปคุยกับหัวหน้าของเขาได้เลย และเขาไม่ยอมให้เราทำแบบนั้นด้วย มีแต่หัวหน้าเราที่ทำได้ (หัวหน้าไม่ให้เบอร์ติดต่อกับเราด้วย) และถ้าหัวหน้าไม่ช่วยลูกน้องอย่างเรา แล้วเราจะมีหัวหน้าไปทำไม ถ้าเรามีอำนาจก็คงตัดสินใจยกเลิกให้บริการหน่วยงานของคู่ค้ารายนี้ไปแล้ว แต่เราไม่มีอำนาจจะตัดสินใจแบบนั้น จึงต้องฝืนทนต่อไปจนกว่างานจะเสร็จ

ขอบ่นหน่อยละกัน อีกไม่นานเราคงปล่อยวางได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าใครถูก ใครผิด ใครคิดปกติ ใครคิดแปลก เราเคยถูกที่บ้านสอนมาว่าเวลามีใครอารมณ์ไม่ดี และพูดอะไรมา ให้เราเออออไปตามเขา ไม่ต้องไปขัดใจเขา เดี๋ยวเขาได้ระบายเสร็จก็หยุดเอง เราผิดเหรอ หรือเราควรทำยังไงที่มันจะวินๆทั้งต่อคู่ค้า ต่อหัวหน้า และต่อเราด้วย เราก็มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์หรือหนังหน้าไฟของใคร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่