พระพุทธเจ้าแสดงนิมิตโปรดหลวงปู่ชอบ
จากบันทึกสนทนาธรรม
ระหว่างพระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
กับหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต
ณ วัดถ้ำกลองเพล บ้านน้อย ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๖
ที่ห้องพักศาลาบำเพ็ญกุศล วัดป่าโคกมน
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้าท่านเคยเสด็จมาหาหลวงปู่บ้างไหมครับ
หลวงปู่ชอบ
เคยเสด็จมาเยี่ยม แสดงธรรมในนิมิตหลายครั้ง
หลวงปู่บุญเพ็ง
หลวงปู่เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาในนิมิตครั้งแรกที่ไหนครับ
หลวงปู่ชอบ
ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว
ตอนเราพรรษาสอง
หลวงปู่บุญเพ็ง
หลวงปู่ไปทำอะไรที่ภูเขาควายครับ ไปเที่ยววิเวกหรือ
หลวงปู่ชอบ
คือ… ไปเที่ยววิเวกกับท่านอาจารย์เสาร์ อยู่ภูเขาควาย
หลวงปู่บุญเพ็ง
ทุกวันนี้พระพุทธเจ้ายังเสด็จมาหาอยู่เหมือนเดิมหรือไม่
หลวงปู่ชอบ
ยังเสด็จมา คือเก่า
(ยังเสด็จมาเหมือนเดิม)
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้ามีหลายพระองค์
องค์ที่ท่านเสด็จมาหานี้
คือพระพุทธเจ้าสมณโคดมองค์ปัจจุบัน
หรือว่าพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
หลวงปู่ชอบ
ส่วนมากจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระสมณโคดม
องค์ในอดีตก็เคยเสด็จมา แต่จะมาห่างๆ
ไม่มาบ่อยเท่ากับพระสมณโคดม
หลวงปู่บุญเพ็ง
นานเท่าไร พระพุทธเจ้าท่านจึงเสด็จมาหาในแต่ละครั้ง
หลวงปู่ชอบ
บางครั้งก็เดือนหนึ่ง
บางครั้งก็สองเดือน
แต่ไม่เกินสามเดือน
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้าท่านสนทนากับหลวงปู่
ท่านพูดภาษาอะไรครับ
ภาษาแขกอินเดีย หรือภาษาอีสาน
หลวงปู่ชอบ
ท่านเว้า ภาษาอีสานเฮานี่ล่ะ
หลวงปู่บุญเพ็ง
อ้าว… พระพุทธเจ้าท่านเว้าลาวเป็นอยู่บ้อหลวงปู่
หลวงปู่ชอบ
เป็น พระพุทธเจ้าท่านเว้าได้ทุกภาษา
ท่านเป็นผู้รู้แจ้งในภาษามนุษย์และอมนุษย์
ตลอดจนกระทั่งภาษาสัตว์ในภพภูมิต่างๆ
พระองค์รู้แจ้งหมดทุกภาษา
ที่พระพุทธเจ้าท่านสนทนากับเรานั้น
เป็นภาษาอีสาน
เพราะชาติปัจจุบัน
เราเกิดเป็นคนอีสาน
ภาษาสมมติของเราคือภาษาอีสาน
พระพุทธเจ้าท่านจึงแสดงธรรมเป็นภาษาอีสาน
ท่านแสดงด้วยจิต
ผู้ฟังก็ฟังด้วยจิต
นี่แหละ ความอัศจรรย์ของจิต
ความอัศจรรย์ของธรรม
ท่านผู้รู้แจ้ง
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรมครั้งแรก
ท่านแสดงเรื่องอะไร
ขอนิมนต์หลวงปู่ถ่ายทอดธรรมให้ลูกหลานผู้มีตามืดบอดฟังด้วยเถิด
องค์หลวงปู่ชอบนิ่งอยู่พักหนึ่ง
กิริยาเหมือนระลึกนึกถึงธรรม
จากนั้นประมาณสองนาที
องค์ท่านยกมือขวาขึ้นเหนือศีรษะ
กล่าวคำว่า
สาธุ
หลวงปู่บุญเพ็ง
และพระเณรที่นั่งฟัง
ต่างพากันยกมือขึ้นเหนือหัว
กล่าวสาธุตามองค์ท่าน
จากนั้น
องค์หลวงปู่ชอบจึงแสดงธรรมว่า
หลวงปู่ชอบ
ภิกษุผู้ปรารถนาดีแก่ตนเอง
ต้องเป็นผู้มักน้อย สันโดษ
หลีกเร้นจากสังคมที่ระคนด้วยหมู่มาก
เพราะสังคมของคนหมู่มาก
เป็นสังคมที่หมกมุ่นวุ่นวาย
เป็นสังคมของคนประมาทมัวเมา
ในการสั่งสมกิเลสตัณหา
อันจะทำให้จิตใจของตน
ขุ่นข้องหมองมัว
สังคมแห่งความประมาทนี้
เราตถาคตไม่สรรเสริญ
การที่ท่านหลีกหนีหมู่คน
ออกมาปฏิบัติอยู่ตามป่าเขาเช่นนี้
เราตถาคตสรรเสริญในวัตรปฏิบัติของท่าน
ท่านจงเป็นผู้ที่ตื่นอยู่เสมอเถิด
เพราะการตื่นอยู่เสมอ
คือการมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา
เมื่อมีสติอยู่กับตัว
กิเลสมารทั้งหลาย
ก็จะไม่สามารถแทรกตัวเข้ามาทำลายจิตใจของท่านได้
ขอท่านจำไว้
สติ
คือประตูสู่มรรคาลัย
หนทางที่จะนำท่านไปสู่มรรคผลนิพพาน
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย
รู้แจ้งธรรม
พ้นทุกข์ได้
เพราะมีสติเป็นบาทฐานของการปฏิบัติ
การปฏิบัติใด
หากไม่มีสัมมาสติเป็นเครื่องกำกับ
เราตถาคตเรียกการปฏิบัตินั้นว่า
โมฆะ
เป็นการปฏิบัติที่ไม่ก่อประโยชน์แก่ตนเอง
หาความเจริญในธรรมไม่ได้
ธรรมทั้งหมดทั้งมวล
เริ่มต้นที่สติ
เมื่อมีสติแล้ว
ปัญญาก็จะตามมา
ความรู้แจ้งในธรรม
ก็จะเกิดขึ้นไปตามลำดับ
คติธรรมที่เราตถาคตกล่าวไว้ว่า
“ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นย่อมเห็นธรรม”
คือธรรมอันใดที่เราตถาคตได้ตรัสรู้
ผู้ใดปฏิบัติตามคำสอนอย่างถูกต้อง
ผู้นั้นย่อมเห็นเราตถาคต
คือเห็นธรรมที่เราตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว
ตราบใดที่ท่านยังมีความเพียรพยายามปฏิบัติ
หาทางพ้นทุกข์อยู่นี้
การปฏิบัติของท่าน
จะไม่เป็นการปฏิบัติที่สูญเปล่า
สักวันหนึ่ง
ท่านก็จะได้เห็นทางพ้นทุกข์
ด้วยตัวของท่านเอง
เมื่อองค์หลวงปู่ชอบพูดจบ
หลวงปู่บุญเพ็งกล่าวยกย่อง
ชื่นชมในความรู้ขององค์ท่าน
หลวงปู่บุญเพ็งกล่าวกับพระเณรว่า
“พวกเราเป็นพวกขี้เกียจคร้านภาวนา
จึงไม่ได้ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าเหมือนกับท่านหลวงปู่ชอบ”
ยังไม่ทันที่พระเณรองค์ใดจะตอบ
องค์หลวงปู่ชอบกล่าวขึ้นมาว่า
ลงมือปฏิบัติตอนนี้
ยังไม่ถือว่าสายดอก
ถ้าอยากเป็นพระอรหันต์
ต้องตัดความเกียจคร้านออกไปจากจิตใจเสียก่อน
ให้เพิ่มขันติ วิริยะ เข้าไปหลายๆ
ถึงชาตินี้
จะยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์เหมือนผู้ที่ท่านสำเร็จไปแล้ว
แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าใกล้พระนิพพาน
พระพุทธเจ้าแสดงนิมิตโปรดหลวงปู่ชอบ
จากบันทึกสนทนาธรรม
ระหว่างพระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
กับหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต
ณ วัดถ้ำกลองเพล บ้านน้อย ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๖
ที่ห้องพักศาลาบำเพ็ญกุศล วัดป่าโคกมน
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้าท่านเคยเสด็จมาหาหลวงปู่บ้างไหมครับ
หลวงปู่ชอบ
เคยเสด็จมาเยี่ยม แสดงธรรมในนิมิตหลายครั้ง
หลวงปู่บุญเพ็ง
หลวงปู่เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาในนิมิตครั้งแรกที่ไหนครับ
หลวงปู่ชอบ
ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว
ตอนเราพรรษาสอง
หลวงปู่บุญเพ็ง
หลวงปู่ไปทำอะไรที่ภูเขาควายครับ ไปเที่ยววิเวกหรือ
หลวงปู่ชอบ
คือ… ไปเที่ยววิเวกกับท่านอาจารย์เสาร์ อยู่ภูเขาควาย
หลวงปู่บุญเพ็ง
ทุกวันนี้พระพุทธเจ้ายังเสด็จมาหาอยู่เหมือนเดิมหรือไม่
หลวงปู่ชอบ
ยังเสด็จมา คือเก่า
(ยังเสด็จมาเหมือนเดิม)
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้ามีหลายพระองค์
องค์ที่ท่านเสด็จมาหานี้
คือพระพุทธเจ้าสมณโคดมองค์ปัจจุบัน
หรือว่าพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
หลวงปู่ชอบ
ส่วนมากจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระสมณโคดม
องค์ในอดีตก็เคยเสด็จมา แต่จะมาห่างๆ
ไม่มาบ่อยเท่ากับพระสมณโคดม
หลวงปู่บุญเพ็ง
นานเท่าไร พระพุทธเจ้าท่านจึงเสด็จมาหาในแต่ละครั้ง
หลวงปู่ชอบ
บางครั้งก็เดือนหนึ่ง
บางครั้งก็สองเดือน
แต่ไม่เกินสามเดือน
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้าท่านสนทนากับหลวงปู่
ท่านพูดภาษาอะไรครับ
ภาษาแขกอินเดีย หรือภาษาอีสาน
หลวงปู่ชอบ
ท่านเว้า ภาษาอีสานเฮานี่ล่ะ
หลวงปู่บุญเพ็ง
อ้าว… พระพุทธเจ้าท่านเว้าลาวเป็นอยู่บ้อหลวงปู่
หลวงปู่ชอบ
เป็น พระพุทธเจ้าท่านเว้าได้ทุกภาษา
ท่านเป็นผู้รู้แจ้งในภาษามนุษย์และอมนุษย์
ตลอดจนกระทั่งภาษาสัตว์ในภพภูมิต่างๆ
พระองค์รู้แจ้งหมดทุกภาษา
ที่พระพุทธเจ้าท่านสนทนากับเรานั้น
เป็นภาษาอีสาน
เพราะชาติปัจจุบัน
เราเกิดเป็นคนอีสาน
ภาษาสมมติของเราคือภาษาอีสาน
พระพุทธเจ้าท่านจึงแสดงธรรมเป็นภาษาอีสาน
ท่านแสดงด้วยจิต
ผู้ฟังก็ฟังด้วยจิต
นี่แหละ ความอัศจรรย์ของจิต
ความอัศจรรย์ของธรรม
ท่านผู้รู้แจ้ง
หลวงปู่บุญเพ็ง
พระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรมครั้งแรก
ท่านแสดงเรื่องอะไร
ขอนิมนต์หลวงปู่ถ่ายทอดธรรมให้ลูกหลานผู้มีตามืดบอดฟังด้วยเถิด
องค์หลวงปู่ชอบนิ่งอยู่พักหนึ่ง
กิริยาเหมือนระลึกนึกถึงธรรม
จากนั้นประมาณสองนาที
องค์ท่านยกมือขวาขึ้นเหนือศีรษะ
กล่าวคำว่า
สาธุ
หลวงปู่บุญเพ็ง
และพระเณรที่นั่งฟัง
ต่างพากันยกมือขึ้นเหนือหัว
กล่าวสาธุตามองค์ท่าน
จากนั้น
องค์หลวงปู่ชอบจึงแสดงธรรมว่า
หลวงปู่ชอบ
ภิกษุผู้ปรารถนาดีแก่ตนเอง
ต้องเป็นผู้มักน้อย สันโดษ
หลีกเร้นจากสังคมที่ระคนด้วยหมู่มาก
เพราะสังคมของคนหมู่มาก
เป็นสังคมที่หมกมุ่นวุ่นวาย
เป็นสังคมของคนประมาทมัวเมา
ในการสั่งสมกิเลสตัณหา
อันจะทำให้จิตใจของตน
ขุ่นข้องหมองมัว
สังคมแห่งความประมาทนี้
เราตถาคตไม่สรรเสริญ
การที่ท่านหลีกหนีหมู่คน
ออกมาปฏิบัติอยู่ตามป่าเขาเช่นนี้
เราตถาคตสรรเสริญในวัตรปฏิบัติของท่าน
ท่านจงเป็นผู้ที่ตื่นอยู่เสมอเถิด
เพราะการตื่นอยู่เสมอ
คือการมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา
เมื่อมีสติอยู่กับตัว
กิเลสมารทั้งหลาย
ก็จะไม่สามารถแทรกตัวเข้ามาทำลายจิตใจของท่านได้
ขอท่านจำไว้
สติ
คือประตูสู่มรรคาลัย
หนทางที่จะนำท่านไปสู่มรรคผลนิพพาน
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย
รู้แจ้งธรรม
พ้นทุกข์ได้
เพราะมีสติเป็นบาทฐานของการปฏิบัติ
การปฏิบัติใด
หากไม่มีสัมมาสติเป็นเครื่องกำกับ
เราตถาคตเรียกการปฏิบัตินั้นว่า
โมฆะ
เป็นการปฏิบัติที่ไม่ก่อประโยชน์แก่ตนเอง
หาความเจริญในธรรมไม่ได้
ธรรมทั้งหมดทั้งมวล
เริ่มต้นที่สติ
เมื่อมีสติแล้ว
ปัญญาก็จะตามมา
ความรู้แจ้งในธรรม
ก็จะเกิดขึ้นไปตามลำดับ
คติธรรมที่เราตถาคตกล่าวไว้ว่า
“ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นย่อมเห็นธรรม”
คือธรรมอันใดที่เราตถาคตได้ตรัสรู้
ผู้ใดปฏิบัติตามคำสอนอย่างถูกต้อง
ผู้นั้นย่อมเห็นเราตถาคต
คือเห็นธรรมที่เราตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว
ตราบใดที่ท่านยังมีความเพียรพยายามปฏิบัติ
หาทางพ้นทุกข์อยู่นี้
การปฏิบัติของท่าน
จะไม่เป็นการปฏิบัติที่สูญเปล่า
สักวันหนึ่ง
ท่านก็จะได้เห็นทางพ้นทุกข์
ด้วยตัวของท่านเอง
เมื่อองค์หลวงปู่ชอบพูดจบ
หลวงปู่บุญเพ็งกล่าวยกย่อง
ชื่นชมในความรู้ขององค์ท่าน
หลวงปู่บุญเพ็งกล่าวกับพระเณรว่า
“พวกเราเป็นพวกขี้เกียจคร้านภาวนา
จึงไม่ได้ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าเหมือนกับท่านหลวงปู่ชอบ”
ยังไม่ทันที่พระเณรองค์ใดจะตอบ
องค์หลวงปู่ชอบกล่าวขึ้นมาว่า
ลงมือปฏิบัติตอนนี้
ยังไม่ถือว่าสายดอก
ถ้าอยากเป็นพระอรหันต์
ต้องตัดความเกียจคร้านออกไปจากจิตใจเสียก่อน
ให้เพิ่มขันติ วิริยะ เข้าไปหลายๆ
ถึงชาตินี้
จะยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์เหมือนผู้ที่ท่านสำเร็จไปแล้ว
แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าใกล้พระนิพพาน