พระ​ที่​พระ​พุทธเจ้า​บวช​ให้องค์สุดท้าย​คือใคร​

กระทู้คำถาม
#สุภัททะปัจฉิมสาวก  
สาวกองค์สุดท้าย ที่พุทธองค์บวชให้ก่อนปรินิพพาน

เรื่องราวมีอยู่ว่า สุภัททะ เดิมเป็นพราหมณ์อยู่ในตระกูลใหญ่ ต่อมาได้ออกบวชเป็นปริพาชก อยู่ในเมืองกุสินารา กระทั่งวันหนึ่งเมื่อสุภัททะ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าประชวรหนัก และใกล้จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
สุภัททะ ซึ่งมีข้อสงสัยอยู่ อยากจะขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เพื่อแก้ข้อสงสัยนั้น จึงเดินทางไปยังเมืองสาลวัน โดยตรงไปหาพระอานนท์ ก่อนแจ้งความประสงค์ขอเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา

ด้านพระอานนท์ได้ออกมาห้ามไว้
เพราะเกรงว่า การให้สุภัททะเข้าพบพระพุทธเจ้านั้น อาจเป็นการรบกวนพระองค์มากขึ้น
พระอานนท์ จึงกล่าวว่า
พระพุทธเจ้าทรงลำบากพระวรกายมากอยู่แล้ว พระองค์ทรงประชวรหนัก จะปรินิพพานในยามสุดท้ายแห่งราตรีนี้แน่นอน

ฝ่ายสุภัททะ เมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ยังคะยั้นคะยอจะขอเข้าเฝ้าให้ได้  เนื่องจากเห็นว่าโอกาสของตนเหลือเพียงน้อยนิด จนพระอานนท์ต้องห้ามปรามอยู่ถึง3 วาระ จนกระทั่งพระพุทธเจ้าทรงได้ยินเสียงโต้ตอบนั้น

ต่อมาพระพุทธเจ้า จึงตรัสสั่งพระอานนท์ว่า สุภัททะ มุ่งหาความรู้ มิใช่ประสงค์จะเบียด
เบียนพระองค์ ขอให้ปล่อยให้เขาเข้าเฝ้าเถิด
เมื่อสุภัททะ ได้เข้าเฝ้าสมประสงค์ ก็เข้ากราบลงใกล้เตียงบรรทมแล้วกล่าวว่า...
ตนเองนั้นเพิ่งบวชเป็นปริพาชกมาไม่นาน ได้
ยินกิตติศัพท์เล่าลือเกียรติคุณแห่งพระองค์ แต่ก็ไม่เคยได้เข้าเฝ้า ดังนั้น เมื่อพระองค์จะดับขันธปรินิพพานแล้ว จึงขอให้ตนได้ถามถึงข้อข้องใจบางประการ เพื่อที่จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
          
จากนั้นเมื่อพระพุทธเจ้าเปิดโอกาสให้
สุภัททะ จึงได้ถามว่า...คณาจารย์ทั้ง 6 คือ
ปูรณะ กัสสปะ มักขลิโคศาล อชิตเกสกัมพล ปกุทธะ กัจจายนะ สัญชัย เวลัฏฐบุตร และนิครนถ์ นาฏบุตร เป็นศาสดาเจ้าลัทธิที่มีคนนับถือมาก เคารพบูชามาก ศาสดาเหล่านี้ยังจะเป็นพระอรหันต์หมดกิเลส หรือไม่ประการใด

ซึ่งคำถามดังกล่าว ทำให้พระอานนท์ถึงกลับกระวนกระวาย เพราะเรื่องที่สุภัททะ มารบ
กวนพระพุทธเจ้านั้นเป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกิน
แต่พระพุทธ ก็ได้ตรัสขึ้นว่า เวลาของท่านนั้นเหลือน้อยแล้ว ขอให้ สุภัททะ ถามสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองเถิด
ดังนั้น สุภัททะ จึงเลือกถามปัญหา 3 ข้อ คือ
1.รอยเท้าในอากาศมีอยู่ หรือไม่มี?
2.สมณะภายนอกศาสนาของพระองค์ มีอยู่หรือไม่?
3.สังขารที่เที่ยงมีอยู่หรือไม่?
ในเวลาต่อมา พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า...

•รอยเท้าในอากาศนั้น...ไม่มี

•ศาสนาใดไม่มีมรรคมีองค์ 8
สมณะผู้สงบถึงที่สุด ก็ไม่มีในศาสนานั้น

•และสังขารที่เที่ยงนั้น...ไม่มีเลย

จากนั้นพระองค์ทรงถามว่า...
สุภัททะ ยังมีความแคลงใจในเรื่องใดหรือไม่
เมื่อสุภัททะ ตอบว่า ไม่มี พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงธรรมเทศนาโดยย่อ นั่นคือ...
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8
เป็นทางประเสริฐสามารถให้บุคคลผู้เดินไปตามทางนี้ถึงซึ่งความสุขสงบเย็นเต็มที่ เป็นทางเดินไปสู่อมตะ  

ดังนั้น ถ้าภิกษุหรือใครๆ ก็ตาม ที่พึงอยู่โดยชอบ ปฏิบัติดำเนินตามมรรคาอันประเสริฐประกอบด้วยองค์ 8 โลกนี้...ก็จะไม่พึงว่าง...
จากพระอรหันต์

เมื่อสุภัททะ ได้ฟังพระพุทธดำรัสจึงเกิด
ความเลื่อมใส ทูลขอบรรพชาอุปสมบท โดยพระพุทธได้องค์ตรัสว่า ผู้ที่เคยเป็นนักบวชในศาสนาอื่นมาก่อน ถ้าประสงค์จะบวชในศาสนาของพระองค์ จะต้องอยู่ติตถิยปริวาส คือบำเพ็ญตนทำความดีจนภิกษุทั้งหลายไว้ใจเป็นเวลา 4 เดือนก่อน  แล้วจึงจะบรรพชาอุปสมบทได้ ตามประเพณีที่พระองค์ทรงตั้งไว้เป็นเวลานานมาแล้ว โดยสุภัททะ ก็ยืนยันว่า เขาพอใจอยู่บำรุงปฏิบัติภิกษุทั้งหลายสัก 4 ปี

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเห็นความตั้งใจจริง
ของสุภัททะ จึงสั่งให้พระอานนท์นำสุภัททะไปบรรพชาอุปสมบท พระอานนท์รับพุทธบัญชาแล้วนำสุภัททะ ไปปลงผมและหนวด ก่อนบอกกรรมฐานให้ตั้งอยู่ในสรณคมน์และศีล สำเร็จเป็นสามเณรบรรพชา แล้วนำมาเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ทรงมหากรุณาให้อุปสมบทแก่ สุภัททะ เป็นภิกษุโดยสมบูรณ์ ก่อนตรัสกัมมัฏฐานให้อีกครั้งหนึ่ง
          
จากนั้น...สุภัททะ ภิกษุใหม่
ซึ่งตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะพยายามบรรลุ
อรหัตตผลให้ได้ในคืนนี้ ก่อนที่พระพุทธเจ้า
จะดับขันธปรินิพพาน จึงออกไปเดินจงกรม
อยู่ในที่สงัดแห่งหนึ่งในบริเวณอุทยานสาลวัน พร้อมด้วยพิจารณาข้อธรรมนำมาทำลายกิเลสให้หลุดร่วง แม้เหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็ไม่ย่อท้อ จนกระทั่งบรรลุธรรมได้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งนับว่า สุภัททะ เป็นพระสาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้าทรงประทานบวชให้ พร้อมกับการเป็นปัจฉิมสักขิสาวก หรือสาวกองค์สุดท้าย...
ผู้เป็นพยานการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั่นเอง"

------------------------------------------------------------------
ขอบคุณข้อมูล พระธรรมทูตอินเดีย-เนปาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่