เรียนรู้ และเป็นไป ตามธรรม ของฉบับอักษรอะไร?
…พระสัทธรรมจงดำรงอยู่สิ้นกาลนาน, การศึกษาปฏิบัติธรรมจงแพร่กระจายไป, พระธรรมจงได้รักษาผู้ศึกษา และประพฤติปฏิบัติให้ประสบความสุขตลอดไป, ความสมานสามัคคีจงบังเกิดมีในสังคมโลกตลอดกาลเป็นนิจ…
“น่าจะหมายเหตุไว้หน่อยนะท่าน ถึงจะถือว่าพระเราไม่ได้เป็นสมานสังวาสกันไปทั้งหมดก็จริง และถือว่าเป็นนานาสังวาสกัน ก็ดี ก็จริง แต่ก็น่าที่จะคำนึงถึงข้อปลีกย่อยไว้ด้วย บ้าง ว่า ในกรณีที่ ใครจะทำ ตามอย่าง ‘จักขุปาลปฏิปทา’ ก็ย่อมมีอยู่ คือพระเราที่มุ่งจะกระทำโดยเอาอย่างพระจักขุบาล หากท่านปฏิบัติความเพียรในอิริยาบถ กระทั่งตาบอด แล้วก็เมื่อตาบอดแล้วนั่นเอง มิได้หย่อนความเพียร ก็ย่อมได้เพียรจนถึงความบรรลุคุณธรรมวิเศษ อย่างพระจักขุบาล ย่อมได้, ฉะนั้น เมื่อใครทำอย่าง คติของพระจักขุบาล แล้ว จะกล่าวหาว่า หลับตาไม่พึงบรรลุ หรือไม่มีทางให้บรรลุ จะกล่าวได้อย่างไร, ย่อมจะมิใช่ ที่จะกล่าวได้ ก็ในเมื่อเรื่องใหญ่ อย่างการปฏิบัติ ได้ ตามแบบ ‘จักขุบาลปฏิปทา’ ได้มีตัวอย่าง ชัดแจ้ง อย่างมากมายอยู่แล้ว ฉะนั้น การให้สร้างวาทะ หรือท้าทายต่อกันไป ด้วยนัยประเด็นอย่างนั้น เช่นนี้ ย่อมที่จะเป็นที่เย้ยหยัน ต่อกัน ระหว่างนักบวชต่อนักบวช ให้เสียประโยชน์เปล่า ซึ่งมายกความยิ่งขึ้นแก่การที่จะไร้สาระต่อกันอย่างมากเกินไป ทั้งที่ต่างก็รู้ดีว่า หลับตาปฏิบัติ ย่อมบรรลุได้อย่างพระจักขุบาล, ซึ่งความหลัก ๆ อันย่อมมีปัจจัยสำหรับธรรมปฏิบัติ นั้น ๆ ย่อมจะมีอยู่ว่า มีความเพียรในอิริยาบถ และมีความสำรวมทวาร จึงเป็นเรื่องดี ฉะนั้น การที่จะกล่าวว่า การสำรวมทางตา คือหลับตา แล้วไม่มีประโยชน์ จะพึงเห็นควรว่า ย่อมจะ มิเป็นสิ่งชอบ
”
ถ้าหลวงพ่อ จะต้องตอบโพสต์ ท่าน สมณะ สร้างไทย นาวาบุญนิยม, …พึงที่จะตอบท่านไปอย่างไร?
…พระสัทธรรมจงดำรงอยู่สิ้นกาลนาน, การศึกษาปฏิบัติธรรมจงแพร่กระจายไป, พระธรรมจงได้รักษาผู้ศึกษา และประพฤติปฏิบัติให้ประสบความสุขตลอดไป, ความสมานสามัคคีจงบังเกิดมีในสังคมโลกตลอดกาลเป็นนิจ…
“น่าจะหมายเหตุไว้หน่อยนะท่าน ถึงจะถือว่าพระเราไม่ได้เป็นสมานสังวาสกันไปทั้งหมดก็จริง และถือว่าเป็นนานาสังวาสกัน ก็ดี ก็จริง แต่ก็น่าที่จะคำนึงถึงข้อปลีกย่อยไว้ด้วย บ้าง ว่า ในกรณีที่ ใครจะทำ ตามอย่าง ‘จักขุปาลปฏิปทา’ ก็ย่อมมีอยู่ คือพระเราที่มุ่งจะกระทำโดยเอาอย่างพระจักขุบาล หากท่านปฏิบัติความเพียรในอิริยาบถ กระทั่งตาบอด แล้วก็เมื่อตาบอดแล้วนั่นเอง มิได้หย่อนความเพียร ก็ย่อมได้เพียรจนถึงความบรรลุคุณธรรมวิเศษ อย่างพระจักขุบาล ย่อมได้, ฉะนั้น เมื่อใครทำอย่าง คติของพระจักขุบาล แล้ว จะกล่าวหาว่า หลับตาไม่พึงบรรลุ หรือไม่มีทางให้บรรลุ จะกล่าวได้อย่างไร, ย่อมจะมิใช่ ที่จะกล่าวได้ ก็ในเมื่อเรื่องใหญ่ อย่างการปฏิบัติ ได้ ตามแบบ ‘จักขุบาลปฏิปทา’ ได้มีตัวอย่าง ชัดแจ้ง อย่างมากมายอยู่แล้ว ฉะนั้น การให้สร้างวาทะ หรือท้าทายต่อกันไป ด้วยนัยประเด็นอย่างนั้น เช่นนี้ ย่อมที่จะเป็นที่เย้ยหยัน ต่อกัน ระหว่างนักบวชต่อนักบวช ให้เสียประโยชน์เปล่า ซึ่งมายกความยิ่งขึ้นแก่การที่จะไร้สาระต่อกันอย่างมากเกินไป ทั้งที่ต่างก็รู้ดีว่า หลับตาปฏิบัติ ย่อมบรรลุได้อย่างพระจักขุบาล, ซึ่งความหลัก ๆ อันย่อมมีปัจจัยสำหรับธรรมปฏิบัติ นั้น ๆ ย่อมจะมีอยู่ว่า มีความเพียรในอิริยาบถ และมีความสำรวมทวาร จึงเป็นเรื่องดี ฉะนั้น การที่จะกล่าวว่า การสำรวมทางตา คือหลับตา แล้วไม่มีประโยชน์ จะพึงเห็นควรว่า ย่อมจะ มิเป็นสิ่งชอบ”