Spotlight Effect (คนอื่นไม่ได้สนใจเราขนาดนั้นหรอกนะ)



"เคยกันมั้ย ที่ใส่ชุดผิดไปโรงเรียน เข้าร่วมประชุมสาย หกล้มในที่ที่คนเยอะหรือลืมรูดซิปกางเกงครับ?" เรื่องพวกนี้ทำให้พวกเราอายมาก อายจนทำตัวไม่ถูก คิดไปต่างๆนาๆว่าคนอื่นจะมองเรายังไง คิดมากจนรู้สึกวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการ Spotlight effect ครับ
.
‘Spotlight Effect’ หรือสถานการณ์เมื่อเราสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และมักเข้าใจไปว่าทุกคนจะต้องให้ความสนใจสิ่งนั้นๆ อยู่เหมือนกัน
.
เรามักคิดไปเองว่าคนรอบตัวจะสนใจตัวเราก็ต่อเมื่อตัวเราเองสนใจในสิ่งๆนั้นมากๆ ยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เราอับอายหรือสูญเสียความมั่นใจ เหตุการณ์นั้นจะทำให้เรายิ่งเพิ่มความสนใจ แล้วคิดไปเองว่าคนรอบตัวจะต้องสนใจความผิดพลาดนั้นๆ มากเท่ากับตัวเราเอง
.
นักจิตวิทยาระดับตำนานอย่างซิกมันด์ ฟรอยด์ เคยกล่าวไว้ว่า คนขี้อายคือคนที่หลงตัวเอง (Shy people are Narcissists) เพราะแม้พวกเขาจะไม่ชอบเป็นจุดสนใจในสายตาคนอื่น แต่กลับเป็นจุดสนใจ (อย่างมาก) ในจิตใจของตัวเอง [ปล.กระทู้ก่อนๆ ผมเคยมีพูดถึงเรื่อง Narcissist ไปแล้วครับ]
.
ราวๆ ปี ค.ศ. 2000 ณ มหาวิทยาลัย Cornell ที่ซึ่ง ศาสตราจารย์ Thomas Gilovich ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับสมมติฐานเรื่องความเชื่อเกินจริงของมนุษย์เกี่ยวกับมุมมองที่ผู้อื่นมีต่อพฤติกรรมของตนเอง การทดลองนี้มีชื่อว่า T-shirt experiment
.
โดยศาสตราจารย์ Thomas ได้สุ่มเลือกกลุ่มนักศึกษาตัวอย่างจากในมหาวิทยาลัย และได้ให้พวกเขาสวมเสื้อยืดที่สกรีนภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น Martin Luther King Jr. หรือ Bob Marley ก่อนจะทำให้พวกเขาเข้าห้องเรียนช้าไปสัก 5 นาที และเมื่อนักศึกษาคนดังกล่าวเดินเข้าไปในห้องเรียน พวกเขาจะพบกับสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองมา เพราะศาสตราจารย์ตั้งใจให้นักศึกษาในห้องเรียนนั่งหันหน้าเข้าหาประตูนั่นเอง
.
เมื่อการทดลองนี้สิ้นสุดลง ศาสตราจารย์ได้สอบถามกลุ่มนักศึกษาตัวอย่างและพบว่าหลายคนคิดว่าประสบการณ์นี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากจนทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีทุกครั้งเมื่อนึกถึงหรือนึกขึ้นได้ พวกเขาคิดว่ามีนักศึกษาในห้องนั้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่จะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ทว่า เมื่อศาสตราจารย์ได้สอบถามคนที่นั่งอยู่ในห้องในวันนั้นเกี่ยวกับนักศึกษาที่สวมเสื้อแปลกๆ และมาสาย เขากลับพบว่ามีเพียง 10% ของเด็กทั้งหมดเท่านั้นที่จำได้ นั่นหมายความว่าความเข้าใจของกลุ่มนักเรียนตัวอย่างนั้นเกินจริงไปเอง
.
ในโลกที่กว้างใหญ่ เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กจิ๋ว แม้ว่าในมุมมองของเรานั้นนักแสดงหลักจะเป็นตัวเราเองก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจกับเรามากขนาดนั้น เพราะในมุมมองของเขาก็มีตัวเขาเองที่เป็นนักแสดงหลัก ดังนั้น ปิดสปอตไลต์ที่ส่องลงมาแล้วหันไปสนใจอย่างอื่นนอกจากตัวเองดูบ้าง แล้วจะค้นพบว่าความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องน่าอาย และที่สำคัญคือไม่มีใครคอยจ้องจับผิดนอกจากพวกเราที่คิดไปเองครับ
.
Reference
.
กระทู้เรื่องจิตวิทยาของผมก่อนหน้านี้
.
ผมเองก็เป็นคนที่เคยคิดมากกับเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่ในทุกวันนี้ เคยลองสังเกตุตัวเองดู พบว่าเวลาเจออะไรแปลกๆ เช่น คนทำเสียงดัง หรืออะไรที่ผิดปกติ ก็จะแค่หันไปมองเฉยๆ หลังจากนั้นก็กลับมาคิดเรื่องอื่นแทน คือไม่ได้สนใจขนาดนั้นครับ ความหมายคือ อ้าวววว งั้นก็แปลว่า คนอื่นก็คงไม่ได้สนใจเราขนาดนั้นเหมือนกันนั้นแหละ พวกเราก็โตๆกันแล้ว ไม่ต้องคิดมากจนเกินไป ใช้ชีวิตให้มีความสุขกันดีกว่าเนอะ
พาพันชอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่