ในวัยทำงานกับอาการทางจิตที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน อยากมาเล่าให้ฟังค่ะ

สวัสดีค่ะทุกคน เป็นเรื่องเล่าที่อยากจะแชร์ค่ะ อาจจะมีประโยชน์กับคนที่มีอาการคล้ายๆกัน  เผื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้คนที่เจอเรื่องแบบเราอยู่ หรือถ้าใครมีทริคแนะนำก็แชร์กันได้นะคะ ยิ้ม

เริ่มจากว่า เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่นๆค่ะ ม่ีสุขทุกข์ปะปนกันไปในชีวิต ต้องเล่าก่อนว่าเมื่อก่อนเราเคยเป็นคนที่สดใสร่าเริง คิดบวกอยู่เสมอ ช่วงตอนมหาลัยมีแฟนคนแรกและเลิกรากันไป คบกันประมาณ ปีครึ่ง ตอนนั้นทุกข์ใจมาก เป็นครั้งแรกที่อกหัก ผิดหวังแรงมาก หนักมากในชีวิต
ระหว่างที่คบกันเจอเรื่องหลายอย่างที่เราความเห็นแตกต่างกันค่ะ และเรามองว่าความคิด ความอ่านของเขา และการกระทำ ค่อนไปทางลบค่ะ  แต่ยังอดทนและคิดบวกว่าเราจะสามารถสื่อสารหรือปรับความคิด ความเข้าใจกันได้ในวันนึง แต่ก็ไม่เป็นผลค่ะ ในท้ายที่สุดเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ค่ะ  ถามว่ารักเขามากมั้ย รักมากค่ะ คาดหวังพอสมควรกับความสัมพันธ์นี้ แต่เราก็ทุกข์มากเหมือนกัน ก็ตัดสินใจเลิกค่ะ จบความสัมพันธ์ที่ toxic ของเรา

ประเด็นอยู่ที่ว่าความรู้สึกของเราศร้ามากค่ะ และมีอาการกินข้าวปลาไม่ลง ผอมมากค่ะตอนนั้น กว่าจะผ่านมาได้ก็ใช้เวลากับครอบครัวเพื่อก้าวข้ามมาจนได้ค่ะ พอเข้าทำงานเราก็ทำงานปกติค่ะ มีทั้งเรื่องเครียด เรื่องปวดหัวบ้าง สนุกสนานกับงาน แต่เราก็ยังรู้สึกว่าอาการเศร้าที่เคยเป็นยังคงอยู่ มันไม่ได้หายไปไหน ซึ่งตอนนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอดค่ะ พยายามเริ่มต้นใหม่ พยามไม่มองอดีตที่ทำให้เราเจ็บปวด แต่มันก็ไม่มีวันหายไป มันคงอยู่ในใจลึกๆ ค่ะ ถ้าวันไหนรู้สึกมีอะไรมากระทบทำให้วันนั้นเครียด เราจะรู้สึกถึงความทุกข์ทวีคูณ และไม่ได้ระบายกับใครค่ะ แม้กะทั่งเพื่อน พยายามไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆ หรือไม่รื้อฟื้นขึ้นมาค่ะ มันเป็นสิ่งที่ดีๆ มากสำหรับเราที่คิดได้แบบนี้ค่ะ
แต่บางครั้งถ้ามีคนสะกิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะรู้สึกอึดอัด ไม่มีความสุขทันที จนกระทั่งวันนึงเรามีอาการ ใจสั่นทุกๆ 10-15 นาที มือเท้าชา หายใจเข้าออกผิดจังหวะ รู้สึกขยับตัวและมีอาการแปลกๆ เหมือนสัมผัสประสาทเราผิดปกติ และมีอาการรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้เลย  แต่จริงๆเราไม่ตายค่ะ อาการหนักจนเราต้องไปหาหมอ เพื่อว่าเราจะเป็นโรคหัวใจหรือป่าว ปรากฎว่า เราปกติดีค่ะทุกคน คุณหมอเลยแนะนำให้เรารักษาเกี่ยวกับอาการทางจิต ซึ่งหมอบอกเราว่าเราเป็นโรค แพนิค หรือ โรคตกใจง่ายค่ะ

ปัจจุบันเรารักษาโรคแพนิคอยู่ เราคิดว่าสาเหตุของอาหารทางจิตนี้น่าจะมาจากการผิดหวังครั้งรุนแรงในชีวิตเราค่ะ และในอีกแง่นึง ด้วยลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างเครียดง่ายของเราอยู่แล้วด้วย ตอนนี้เรารักษามาเกือบจะปีนึงแล้วค่ะ ตัวยาที่เรากินขอไม่เอ่ยถึง เป็นยาที่ืทางคุณหมอเอกชนจ่ายให้ มันคุมอาการนี้ได้ดีค่ะเวลาที่เราทานต่อเนื่อง จนเราคิดว่าเราอาจจะหายสนิทแล้ว แต่เราก็ยังไป follow อาการกับคุณหมออยู่เรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่พักหลังมาเราไปเจอคุณหมอไม่ค่อยได้เล่าระบายอะไรมากมายค่ะ  เพราะเรารู้สึกดีขึ้นมากจนเป็นปกติ เลยมีช่วงที่เราเผลอไม่ได้กินยาติดต่อกันหลายวันค่ะ บางที ก็ 3-4 วัน
บางทีอาการนั้นก็กลับมาค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่า อาการแพนิค จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตจริงๆ ใช่มั้ยนะ  มันทรมานมากค่ะ
ถ้ามันเคยหาย และวันนึงมันกำเริบอีกครั้ง จะทำให้เรา hold on จิตใจค่อนข้างยากค่ะ ซึ่งคุณหมอเคยบอกเราว่า อาการแพนิคจะไม่ได้หายสนิท แต่จะอยู่กับเราไปตลอก ในวันที่เราอ่อนแอ เจ้านี่มันจะกลับทำร้ายเราค่ะ เราอยากบอกว่า สิ่งที่เราโชคดีคือเราเจอหมอที่ดีมากๆด้วยค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ก็ตะเวนไปหาหมอหลายๆที่ เหมือนกันจนกว่าจะมาหมอคนนี้

คุณหมอใจเย็นและให้ความรู้เราเรื่องอาการที่เราเป็น มันเลยทำให้เราสบายใจขึ้นมามากๆ เหมือนกับโรคนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ร้ายแรงอะไรในชีวิต แต่สำหรับเรามันยากที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังเหลือเกินค่ะ ว่าที่เรารู้สึกทั้งทางใจและกาย มันเป็นยังไงหากไม่เจอโรคอาการทางจิตนี้กับตัวเองในวันนี้ ทุกวันนี้ครอบครัวเราก็ไม่มีใครเป็นโรคอาการทางจิตนี้ค่ะ มีแค่เรา เราเลยไม่ได้หวังว่าเขาจะเข้าใจค่ะ เพราะเรามีหมอที่เข้าใจเราเพียงแค่หนึ่งคนก็พอแล้วค่ะ บางทีเรารู้สึกว่า ทำไมเราภูมิต้านทางทางด้านจิตใจเรามันน้อยจัง อยากจิตใจเข็มแข็งกว่านี้ ไม่อยากมีอาการทางจิตและแสดงออกทางกายแบบนี้แต่มันก็เกิดขึ้นมาจนได้ค่ะ

สุดท้ายแล้ว เราอยากแชร์ประสบการณ์สุขภาพจิตเราให้ฟัง เผื่อว่าจะมีคนที่เป็นคล้ายๆกับเราผ่านมาเห็นและคิดว่าทำให้ทุกคนที่เป็นมีกำลังใจในการก้าวต่อไปข้างหน้านะคะ หากถ้าวันนี้ไม่มีใครเข้าใจอาการพวกนี้ ไม่ต้องสนใจพวกเขาค่ะ หาคนที่รับฟังคุณได้  ปรับความคิดของเราเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถึงมันจะทำยากก็ตามค่ะ ส่วนถ้าใครเคยมีประสบการณ์รักษาแพนิคหายสนิทสามารถแชร์เข้ามาก้ันได้นะคะ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆ ค่ะ ยิ้ม ยิ้มและสู้ต่อไปค่ะถ้าเรายังมีลมหายใจอยู่ เย้

ขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะค่า  ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่