1. หลักการสำคัญ
เน้น การลดภาระหนี้และพัฒนาโครงสร้างเกษตร
เกษตรกรต้องมี แผนฟื้นฟูอาชีพ ควบคู่กับการช่วยเหลือทางการเงิน
ใช้แนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง”
2. นโยบายสำคัญ
✅ พักชำระหนี้เกษตรกร (2540-2543)
มุ่งช่วยเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
โครงการฟื้นฟูอาชีพ ควบคู่กับการพักหนี้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้กลับมาใช้หนี้
ใช้ กองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (ตั้งปี 2540) ในการช่วยเหลือ
✅ ลดต้นทุนการผลิต
โครงการ ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และเกษตรผสมผสาน
ลดการพึ่งพาสารเคมี ลดต้นทุนปุ๋ยและยาฆ่าแมลง
สนับสนุน ตลาดกลางสินค้าเกษตร และเชื่อมโยงตลาดโดยตรง
✅ โครงสร้างพื้นฐานเพื่อเกษตรกร
ขยายระบบ ชลประทานและแหล่งน้ำขนาดเล็ก
พัฒนาถนนชนบทและระบบขนส่ง เชื่อมโยงเกษตรกรกับตลาด
✅ กองทุนหมู่บ้าน (ต้นแบบ)
เดิมใช้ชื่อ “เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน”
ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แต่มีระบบตรวจสอบเข้มงวด
ยุคทักษิณ (2544-2549): ประชานิยมและการก่อหนี้เกษตรกร
1. หลักการสำคัญ
เน้น การกระจายเงินโดยไม่จำกัดการใช้
ลดเงื่อนไขการกู้เงิน ทำให้ประชาชนกู้เงินง่ายขึ้น
ขาดระบบควบคุม ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินในภายหลัง
2. นโยบายสำคัญ
❌ พักชำระหนี้เกษตรกรแบบไม่มีกลไกฟื้นฟู (2544)
พักหนี้โดยไม่มีเงื่อนไข ส่งผลให้เกษตรกร ไม่ได้เตรียมตัวบริหารหนี้
หลังหมดโครงการ เกษตรกรหลายรายต้องเผชิญ ภาระหนี้ที่สูงขึ้น
❌ กองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาทต่อหมู่บ้าน กติกามีปัญหา ต่างจากยุคเงินทุนเศรษฐกิจชุมชน
ปล่อยกู้ง่าย แต่ไม่มีมาตรการป้องกันหนี้เสีย
ไม่มีแผนพัฒนารายได้ ทำให้เกิดการกู้เงินเพื่อใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
ก่อให้เกิดหนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติศาสตร์
❌ OTOP เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ต่าจากสินค้าเศรษฐกิจชุมชน แข่งขันในตลาดไม่ได้
ขาดการส่งเสริมด้านมาตรฐานสินค้าและการตลาด
สินค้าหลายรายการ ไม่สามารถแข่งขันในระยะยาว
❌ โครงการแจกเงินแบบไม่มีเป้าหมายชัดเจน
เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค แม้ช่วยประชาชนได้ในระยะสั้น แต่ทำให้ระบบสาธารณสุขมีภาระหนัก
แจกจ่ายสินเชื่อโดยขาดการประเมินผลระยะยาว
ยุคคุณพ่อสุขวิช - นายกรัฐมนตรี ชวน (2539-2543): ฟื้นฟูเกษตรกรอย่างยั่งยืน
เน้น การลดภาระหนี้และพัฒนาโครงสร้างเกษตร
เกษตรกรต้องมี แผนฟื้นฟูอาชีพ ควบคู่กับการช่วยเหลือทางการเงิน
ใช้แนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง”
2. นโยบายสำคัญ
✅ พักชำระหนี้เกษตรกร (2540-2543)
มุ่งช่วยเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
โครงการฟื้นฟูอาชีพ ควบคู่กับการพักหนี้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้กลับมาใช้หนี้
ใช้ กองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (ตั้งปี 2540) ในการช่วยเหลือ
✅ ลดต้นทุนการผลิต
โครงการ ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และเกษตรผสมผสาน
ลดการพึ่งพาสารเคมี ลดต้นทุนปุ๋ยและยาฆ่าแมลง
สนับสนุน ตลาดกลางสินค้าเกษตร และเชื่อมโยงตลาดโดยตรง
✅ โครงสร้างพื้นฐานเพื่อเกษตรกร
ขยายระบบ ชลประทานและแหล่งน้ำขนาดเล็ก
พัฒนาถนนชนบทและระบบขนส่ง เชื่อมโยงเกษตรกรกับตลาด
✅ กองทุนหมู่บ้าน (ต้นแบบ)
เดิมใช้ชื่อ “เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน”
ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แต่มีระบบตรวจสอบเข้มงวด
ยุคทักษิณ (2544-2549): ประชานิยมและการก่อหนี้เกษตรกร
1. หลักการสำคัญ
เน้น การกระจายเงินโดยไม่จำกัดการใช้
ลดเงื่อนไขการกู้เงิน ทำให้ประชาชนกู้เงินง่ายขึ้น
ขาดระบบควบคุม ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินในภายหลัง
2. นโยบายสำคัญ
❌ พักชำระหนี้เกษตรกรแบบไม่มีกลไกฟื้นฟู (2544)
พักหนี้โดยไม่มีเงื่อนไข ส่งผลให้เกษตรกร ไม่ได้เตรียมตัวบริหารหนี้
หลังหมดโครงการ เกษตรกรหลายรายต้องเผชิญ ภาระหนี้ที่สูงขึ้น
❌ กองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาทต่อหมู่บ้าน กติกามีปัญหา ต่างจากยุคเงินทุนเศรษฐกิจชุมชน
ปล่อยกู้ง่าย แต่ไม่มีมาตรการป้องกันหนี้เสีย
ไม่มีแผนพัฒนารายได้ ทำให้เกิดการกู้เงินเพื่อใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
ก่อให้เกิดหนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติศาสตร์
❌ OTOP เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ต่าจากสินค้าเศรษฐกิจชุมชน แข่งขันในตลาดไม่ได้
ขาดการส่งเสริมด้านมาตรฐานสินค้าและการตลาด
สินค้าหลายรายการ ไม่สามารถแข่งขันในระยะยาว
❌ โครงการแจกเงินแบบไม่มีเป้าหมายชัดเจน
เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค แม้ช่วยประชาชนได้ในระยะสั้น แต่ทำให้ระบบสาธารณสุขมีภาระหนัก
แจกจ่ายสินเชื่อโดยขาดการประเมินผลระยะยาว