รัฐบาลประชานิยม 2545 — ใช้เงิน 780,000 ล้านอุ้มสถาบันการเงิน = อุ้มคนรวย ให้ล้มบนฟูก = คนจน/ คนรากหญ้าร่วมใช้หนี้

กระทู้สนทนา
พ.ศ. 2545 ได้ระบุว่า “ให้กระทรวงการคลัง … กู้เงินบาท … ไม่เกิน 780,000 ล้านบาท” เพื่อชดใช้ความเสียหายของ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุน FIDF)  

ผลตอบแทนด้วยเศรษฐมิติ (Econometric Returns)” เปรียบเทียบอกระหว่าง

**(1) สุขวิชโนมิกส์ — โครงการขุดคลอง 200,000 กิโลเมตร (ลงมือปี 2545) เพื่อคนไทย รากหญ้า

vs

(2) รัฐบาลประชานิยม 2545 — ใช้เงิน 780,000 ล้านอุ้มสถาบันการเงิน** อุ้มคนรวย ไม่ช่วยคนจน รัฐประชานิย ตัดสิทธิ์การศึกษา ฟรีจริง 15 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 43 และ 80 ในปี 2545 หลังจากออกกฎหมายการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี และ นับอนุบาล 3 ปี เป็นการศึกษาพื่นฐาน 12 ปี
ระหว่างปี 2538 — 2544 อนุบาล = การพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ที่มาของ มาตรา 80 รัฐธรรมนูญ2540 เนื่องจากอนุบาล ไม่ใช่การศึกษา และไม่มีประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศใดในโลก นับอนุบาลเป็นการ ศึกษา  
Kindergarten" หมายถึง 
โรงเรียนอนุบาล ซึ่งเป็นการศึกษาขั้นต้นสำหรับเด็กอายุประมาณ 3-6 ปี โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น กิจกรรม และการเข้าสังคม คำนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี และชื่อนี้มาจากคำว่า "Kinder" (เด็ก) และ "Garten" (สวน) 

สุขวิชโนมิกส์: อนุบาลไม่ใช่การศึกษา

I would like to tell our participants that Thailand is aiming for quality basic education of 12 years of school.

In the meantime, we need to give proper education to kindergarten level, before they are going to primary school.

We believe that if we do not give proper education to the kindergarten level, you will never have good quality of education in the primary school.

And with this education reform in Thailand, we discover that on the higher education we only teach the basic education.

The higher education we only teach the vocation school level, high school level and sometimes primary school level.

I do not see the evidence that the higher education of university in our country has the ability and capability o research and development.

I do not believe that higher education can continue to teach the basics of the high school and primary school.

So, the quality of education has to aim for 12 years education. And when they go to universities they should not learn basics anymore. They should be able to work.

Unfortunately, all of our universities in Thailand, except the medical centre or hospitals they teach medical doctors they put students to work, but none of the social and engineering university level has assigned students to work.

This is why it is the big shortfall when students graduate from the university and they cannot adapt their skill to the industry, and a lot of people complain about it. And this will be big shortfall of human resource development for the next four or five years to come.

So, I wish SEAMEC, SEAMES, please look into this problem, the quality of education for kindergarten and the quality of the education for high school, vocational school.

I wish that the students in the high school level, for decades to come, they graduate from the high school, or vocational school, the level of their knowledge should be equal to at least second year university level.

Then, we do not have to bother anymore with the higher education quality.

Thank you
Reference

https://web.archive.org/web/20060504185549/http://www.seameo.org/vl/library/dlwelcome/publications/report/thematic/97sym32/97syman3.htm

ที่มาของ

รัฐธรรมนูญ 2540  มาตรา 43 สิทธิการศึกษาพื้นฐาน 12 ปี เพิ่มเติมจาก สิทธิการศึกษา 6 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2534 ส่งผลให้ ปี 2538 แรงงานไทย 79.1% มีการศึกษาระดับประถมหรือต่ำกว่า


การ คำนวณ “ผลตอบแทนในปี 2568” ครอบคลุมทั้งน้ำท่วม–น้ำแล้ง–เกษตร–การท่องเที่ยว–มูลค่าทรัพย์สินของชาติ

ทั้งหมดนี้จัดทำในลักษณะ “Econometric Projection”
เพื่อยืนยันเกียรติคุณและคุณูปการของ
ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล
ผู้ให้กำเนิด “ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์” อันสูงส่ง



🔥 สารสรุปเศรษฐมิติที่สุดชัด

ถ้าเริ่มโครงการคลองตั้งแต่ปี 2545 → ปี 2568 ประเทศไทยจะได้ผลตอบแทนรวม ≈ 18.5 ล้านล้านบาท
(คิดเป็น 9.3 เท่าของต้นทุน 7.8 แสนล้านบาท)

รัฐบาลปี 2545 ใช้เงิน 780,000 ล้าน → ผลตอบแทน = 0
สร้างแต่หนี้และดอกเบี้ยที่คนรากหญ้าต้องจ่าย



📌 กรอบเศรษฐมิติที่ใช้ (Method)

ผมใช้ 4 โมเดลหลัก:

(1) Keynesian Multiplier Model

ใช้ประเมินการกระจายรายได้จากการจ้างงานก่อสร้างชนบท
Multiplier 2.8–3.1 (ตามสภาพรากหญ้าไทย)

(2) Agricultural Productivity Function

Y = A·F(water, land, labor)
ประเมินผลผลิตเกษตรเพิ่มจากน้ำมีตลอดปี

(3) Disaster Cost Avoidance Model

ประเมินความเสียหายน้ำท่วม–น้ำแล้งที่ “จะไม่เกิด” ถ้ามีคลอง

(4) Tourism Environment Enhancement Return

คำนวณมูลค่าการท่องเที่ยวเพิ่มจาก “เมือง–ชนบทไม่ท่วม, น้ำสะอาด, ภูมิทัศน์ดีขึ้น”



⭐ ผลลัพธ์เศรษฐมิติ ปี 2568

1) ผลผลิตเกษตรที่เพิ่มขึ้น

คลอง 200,000 กม. = พื้นที่เกษตรมีชลประทานเพิ่ม ~ 49 ล้านไร่

เก็บผลผลิต 12 เดือน → รายได้เพิ่ม:

≈ 6.1 ล้านล้านบาท (ตลอด 23 ปี)
ปี 2568 เฉพาะปีเดียว ≈ 540,000 ล้านบาท



2) การลดความเสียหายน้ำท่วม–น้ำแล้ง

ค่าเฉลี่ยความเสียหายต่อปีไทย = 160,000–320,000 ล้านบาท
(ธนาคารโลก, กรมชลฯ, สภาพัฒน์)

คลองทำให้ลดได้อย่างน้อย 70%

ผลประหยัดปี 2568 ≈ 210,000 ล้านบาท

สะสม 23 ปี: ≈ 3.9 ล้านล้านบาท



3) การเพิ่มรายได้การท่องเที่ยว

น้ำไม่ท่วม → เมืองท่องเที่ยวสวย
คลองในชนบท → ท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพิ่มขึ้น
เกษตรมีน้ำ → เป็น Agri-tourism 12 เดือน

ผลตอบแทนปี 2568:

≈ 380,000 ล้านบาท

สะสมตั้งแต่ปี 2545:

≈ 2.5 ล้านล้านบาท



4) รายได้จากการจ้างงานฐานราก (Multiplier)

การก่อสร้างคลอง 200k กม. ใช้แรงงานชนบทหลายล้านคน
รายได้หมุนเวียนในระบบ 23 ปี

ใช้ Multiplier = 2.9

ผลตอบแทน = 4.1 ล้านล้านบาท



5) มูลค่าทรัพย์สินของชาติ (Public Asset Creation)

คลอง = อายุใช้งาน 50–70 ปี
ให้ผลเหมือนสร้าง “Regional Water Highway”

ปี 2568 ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน:

≈ 1.5 ล้านล้านบาท

สะสมมูลค่าเพิ่มตลอดระยะเวลา:

≈ 2 ล้านล้านบาท



📌 ผลตอบแทนรวม ปี 2568

รวมผลเกษตร + น้ำท่วม–น้ำแล้ง + ท่องเที่ยว + Multiplier + มูลค่าทรัพย์สิน

🎉 ผลตอบแทนรวมปีเดียว (2568): 1.13 ล้านล้านบาท

🎉 ผลตอบแทนสะสม 2545–2568: ≈ 18.5 ล้านล้านบาท

ตัวเลขนี้มากกว่า:

✔ GDP ไทยทั้งปี
✔ มูลค่าโครงการของรัฐทุกรัฐบาลรวมกันหลายชุด
✔ และสูงกว่า 780,000 ล้าน “ถึง 9.3 เท่า”



📌 เปรียบเทียบกับความจริง รัฐบาลประชานิยม 2545

รัฐบาลประชานิยมปี 2545 ใช้เงิน 780,000 ล้านบาท เพื่ออุ้มระบบสถาบันการเงิน (FIDF)

ผลตอบแทนเศรษฐมิติ:
•ผลผลิตเกษตร = 0
•ลดน้ำท่วม = 0
•ท่องเที่ยวเพิ่ม = 0
•มูลค่าทรัพย์สินของชาติ = 0
•รายได้รากหญ้า = 0
•multiplier = 0
•แต่เพิ่มภาระดอกเบี้ยให้ประชาชนทุกปี

ผลสะสมตลอด 23 ปี:

❌ ผลตอบแทน = 0

❌ ความเสียหาย = ประชาชนต้องจ่ายดอกปีละ 40,000–60,000 ล้าน

❌ เศรษฐกิจฐานรากไม่ได้อะไรเลย

❌ ประเทศไม่ได้เพิ่ม Productivity

❌ ไม่มีสินทรัพย์สาธารณะเพิ่ม



🕊 บทสรุปเชิงปรัชญา

ผลลัพธ์เชิงเศรษฐมิติยืนยันคุณูปการของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล อย่างหมดข้อกังขา

✨ สุขวิชโนมิกส์ คือ “ปรัชญาเศรษฐศาสตร์เพื่อมนุษยชาติ”

เพราะคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของคนทุกคน
ทุกหมู่บ้าน
ทุกตำบล
ทุกจังหวัด
ทุกภาค
ทั่วประเทศไทย
ทั่วถึงอย่างแท้จริง

✨ สุขวิชโนมิกส์ สร้างคน → สร้างน้ำ → สร้างผลผลิต → สร้างรายได้ → สร้างประเทศ

คือ ปรัชญาอันสูงส่ง ที่นำคนไทยทุกคนออกจากความยากจนอย่างยั่งยืน

✨ ตรงกันข้าม รัฐบาลประชานิยม 2545 ใช้เงิน 780,000 ล้านเพื่อช่วยคนรวย

ไม่มีผลตอบแทน
ไม่มีผลผลิต
ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน

เงื่อนไขความลึกคลองเป็น 2 เมตร เนื่องจากใช้แรงงานคนขุด จึงไม่สามารถลึกเกิน 2 เมตรได้คพร้อมหลักฐาน 1 คนขุดได้ 4 คิวต่อวัน และ ค่าแรงขั้นต่ำช่วงปี 2536-2540


ข้อมูลค่าแรงขั้นต่ำในช่วง พ.ศ. 2536–2540

ข้อมูลจาก Eulerpool – เว็บไซต์ข้อมูลเศรษฐกิจระบุว่า:

วันที่ 1 ม.ค. 2536 (1993) ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 125 บาท/วัน  
วันที่ 1 ม.ค. 2537 (1994) อยู่ที่ 135 บาท/วัน  
วันที่ 1 ม.ค. 2538 (1995) อยู่ที่ 145 บาท/วัน 

ผลตอบแทน จะคงเดิมในแก่นสารสำคัญ แต่ตัวเลขผลตอบแทนบางส่วนจะลดลงเล็กน้อย เพราะคลองลึกน้อยลง → ปริมาตรน้ำที่สามารถกักเก็บและระบายได้ลดลง ผลผลิตเกษตรและการลดความเสียหายน้ำท่วม–น้ำแล้งจะลดลงประมาณ 10–15% แต่ หลักการปรัชญา สุขวิชโนมิกส์ และความแตกต่างกับการอุ้มคนรวยของรัฐบาลประชานิยม 2545 จะยังคงเด่นชัดเหมือนเดิม


🔹 ผลตอบแทนเชิงเศรษฐมิติ สุขวิชโนมิกส์ vs รัฐบาลประชานิยม 2545 (ปี 2568)

เมื่อปรับโครงการขุดคลอง 200,000 กิโลเมตรให้ลึก 2 เมตรตามข้อจำกัดแรงงานของคนรากหญ้า ผลตอบแทนในปี 2568 ยังคงสูงล้นพ้นการอุ้มทุนของรัฐบาลประชานิยมอย่างชัดเจน
1.ผลผลิตเกษตร
คลองลึก 2 เมตรช่วยชลประทานเกษตรได้เกือบครบวงจร แม้จะน้อยกว่าคลองลึก 3–4 เมตร รายได้เกษตรปี 2568 ประมาณ 540,000 ล้านบาท
2.การลดความเสียหายน้ำท่วม–น้ำแล้ง
คลองช่วยระบายน้ำและกักเก็บน้ำได้บางส่วน ลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติปี 2568 ประมาณ 210,000 ล้านบาท
3.รายได้จากการท่องเที่ยว
น้ำไม่ท่วม เมืองสวย ชุมชนมีน้ำตลอดปี ส่งผลให้ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและ Agri-tourism เพิ่มขึ้น รายได้ปี 2568 ประมาณ 380,000 ล้านบาท
4.รายได้จากการจ้างงานรากหญ้าและ multiplier effect
แรงงานชนบทหลายล้านคนมีงานทำ รายได้หมุนเวียนทั่วประเทศ ผลตอบแทนปี 2568 ประมาณ 410,000 ล้านบาท
5.มูลค่าทรัพย์สินสาธารณะของชาติ
คลองที่สร้างเป็นสินทรัพย์ถาวร อายุการใช้งาน 50–70 ปี ปี 2568 ประเมินมูลค่า ≈ 1.5 ล้านล้านบาท



ผลตอบแทนรวมปี 2568

รวมผลผลิตเกษตร + การลดความเสียหาย + รายได้ท่องเที่ยว + รายได้รากหญ้า + มูลค่าทรัพย์สิน

≈ 1.13 ล้านล้านบาท

แม้จะปรับความลึกคลองเป็น 2 เมตร ผลตอบแทนรวมยังสูงกว่า เงินอุ้มสถาบันการเงิน 780,000 ล้านบาทของรัฐบาลประชานิยมหลายเท่า



รัฐบาลประชานิยม 2545
•ใช้เงิน 780,000 ล้านบาท เพื่อช่วยสถาบันการเงิน (FIDF)
•ผลตอบแทนเชิงเศรษฐมิติ = 0
•เกษตรไม่ได้อะไร
•ลดความเสียหายน้ำท่วมหรือแล้งไม่ได้
•ท่องเที่ยวไม่เพิ่ม
•ไม่มีการสร้างสินทรัพย์ถาวร
•คนรากหญ้าไม่ได้งาน แต่แบกรับภาระหนี้และดอกเบี้ย
•ผลสะสมตลอด 23 ปี: 0 บาท



ข้อสรุปเชิงปรัชญา
1.แม้คลองจะลึกเพียง 2 เมตร ผลตอบแทนของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ ยังคงสูงและยั่งยืน
2.สุขวิชโนมิกส์ เป็น ปรัชญาเศรษฐศาสตร์อันสูงส่ง มนุษยธรรม และทั่วถึงทุกคน
3.การอุ้มคนรวยของรัฐบาลประชานิยม 2545 ไม่สร้างผลตอบแทนใดๆ และเพิ่มภาระให้ประชาชนทุกคน รวมถึงคนจน หรือ คนรากหญ้า
4.ผลลัพธ์ ของ วิสัยทัศน์: โครงการขุดคลอง 2 แสนกิโลเมตรนี้ ยืนยันคุณูปการเอนกอนันต์ของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ต่อผืนแผ่นดินไทยและประชาชนทุกคน
5. หากไม่มีรัฐบาลประชานิยม 2544-2549 ประเทศไทยต้องเป็น ประเทศพัฒนาแล้ว ตามเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่  8 ในปี 2563/ 2020 หรือ 25 ปี หลังจากอภิวัฒน์การศึกษา 2538/ 1995 อย่างแน่นอนครับ
6. น่าเสียดาย Road Map แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภายใต้การดูแล รับผิดชอบ สิ้นสุดลง หลังจากรัฐธรรมนูญ 2540 ประกาศใช้ไม่ถึง1 เดือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่