เราทุกคนอาจจะรับความจริงไม่ได้ เพราะล้วนถูกอวิชชาครอบงำคิดปรุงแต่งว่า ความคิด ตัวตน ร่างกาย ความทรงจำ ความรู้สึกผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ความสุข ความทุกข์ ทุกสรรพสิ่งล้วนมีอยู่จริง เป็นตัวเรา เป็นของเรา
จะเกิดปัญญาเมื่อปฏิบัติสมาธิ-วิปัสสนา จนลอกอวิชชาออกจากจิตจนหมด จิตแยกออกจากขันธ์ 5 ได้ โลกธาตุดับสลายหายไปเป็นธาตุทั้ง 4 จะพบความจริงว่า ความคิด ตัวตน ร่างกาย ความทรงจำ ความรู้สึกผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ความสุข ความทุกข์ ล้วนไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
เราเป็นเพียงก้อนพลังงานกลมๆ ผ่องใส ส่องสว่างเป็นประภัสสร ที่เรียกว่า ดวงจิต ที่ถูกอวิชชาครอบงำ เกิดการปรุงแต่ง (สังขาร) จนเกิดเป็นร่างกาย ดวงดาว จักรวาล โลกธาตุและวัฏสงสาร
แท้จริงมีเพียงดวงจิตและความว่าง หลวงปู่ดุลย์กล่าวไว้ว่า
“เมื่อเจริญจิตจนเข้าถึงสภาวะเดิมแท้ของมันได้ดังนี้แล้ว ‘จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง’ จิต ก็จะอยู่เหนือสภาวะสมมุติบัญญัติทั้งปวง เหนือความมีความเป็นทั้งปวง มันอยู่เหนือคำพูดและพ้นไปจากการกล่าวอ้างใดๆทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์และสว่าง รวมกันเข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์ และสว่างของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่ง เรียกว่า "นิพพาน"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
เราทุกคนอาจจะรับความจริงไม่ได้
จะเกิดปัญญาเมื่อปฏิบัติสมาธิ-วิปัสสนา จนลอกอวิชชาออกจากจิตจนหมด จิตแยกออกจากขันธ์ 5 ได้ โลกธาตุดับสลายหายไปเป็นธาตุทั้ง 4 จะพบความจริงว่า ความคิด ตัวตน ร่างกาย ความทรงจำ ความรู้สึกผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ความสุข ความทุกข์ ล้วนไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
เราเป็นเพียงก้อนพลังงานกลมๆ ผ่องใส ส่องสว่างเป็นประภัสสร ที่เรียกว่า ดวงจิต ที่ถูกอวิชชาครอบงำ เกิดการปรุงแต่ง (สังขาร) จนเกิดเป็นร่างกาย ดวงดาว จักรวาล โลกธาตุและวัฏสงสาร
แท้จริงมีเพียงดวงจิตและความว่าง หลวงปู่ดุลย์กล่าวไว้ว่า
“เมื่อเจริญจิตจนเข้าถึงสภาวะเดิมแท้ของมันได้ดังนี้แล้ว ‘จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง’ จิต ก็จะอยู่เหนือสภาวะสมมุติบัญญัติทั้งปวง เหนือความมีความเป็นทั้งปวง มันอยู่เหนือคำพูดและพ้นไปจากการกล่าวอ้างใดๆทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์และสว่าง รวมกันเข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์ และสว่างของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่ง เรียกว่า "นิพพาน"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล