JJNY : พริษฐ์โต้วันนอร์ ให้ถอนชื่อทักษิณ│ป.ป.ช.พา เสรีพิศุทธ์ ลุยตรวจรพ.│กมธ.ดันเสมอภาคของสตรี│พายุฤดูร้อนถล่ม 11 จัง

พริษฐ์ โต้ วันนอร์ ให้ถอนชื่อ ทักษิณ พ้นญัตติซักฟอก ยันปธ.ทำเกินข้อบังคับฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5081788
 
 
พริษฐ์ โต้ วันนอร์ ให้ถอนชื่อ ทักษิณ พ้นญัตติซักฟอก ยกข้อบังคับชี้ทำเกินหน้าที่ประธาน
 
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม จากกรณี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยความตอนหนึ่งว่า “การระบุรายชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติอาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ จึงขอให้ท่านแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว โดยนำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 176 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ” นั้น

ล่าสุด นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์ให้ความเห็นเกี่ยวกับปรเด็นดังกล่าวว่า 

“[ไม่มีความจำเป็นในเชิงกฎหมาย ที่ฝ่ายค้านจะต้องนำชื่อ ‘บุคคลภายนอก’ ออกจากเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ]
 
เมื่อบ่ายวันนี้ ทางผมและพรรคได้รับแจ้งว่าทางประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือด่วนถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้นำชื่อ ‘บุคคลภายนอก’ (นายทักษิณ ชินวัตร) ออกจากเนื้อหาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ก่อนที่ประธานสภาฯจะบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างถึงข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 176
ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเรามีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว

1.ในเชิงอำนาจหน้าที่ : ผมเห็นว่ารัฐธรรมนูญและข้อบังคับไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาในการใช้ดุลพินิจมาตัดสินว่าเนื้อหาสาระของญัตติควรจะเป็นเช่นไร หรือมีความเหมาะสมหรือไม่
– รัฐธรรมนูญมาตรา 151 ระบุชัดเจนถึงสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีส่วนไหนที่พูดถึงดุลพินิจของประธานสภาในการประเมินเนื้อหาของญัตติเพื่อตัดสินใจว่าจะบรรจุญัตติหรือไม่
– ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุเพียงแค่ให้ประธานสภาตรวจสอบว่าญัตติมี ‘ข้อบกพร่อง’ หรือไม่
– เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายดังกล่าว ‘ข้อบกพร่อง’ ในที่นี้ ย่อมถูกเข้าใจได้ว่าหมายถึงในกรณีที่มีข้อผิดพลาดในเชิงรูปแบบ (เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบ
ตามเกณฑ์ที่ต้องการ ลายเซ็นของผู้เสนอไม่ตรงกับลายเซ็นในระบบ มีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่คลาดเคลื่อน)
 
2.ในเชิงขั้นตอน : แม้จะอ้างข้อบังคับข้อ 176 ในการแจ้งให้เราแก้ไขข้อความในญัตติ ก็ต้องบอกว่าการแจ้งของประธานสภาไม่ชอบด้วยข้อบังคับเพราะไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ในข้อบังคับข้อ 176
– ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุว่า ‘หาก[ญัตติ]มีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ‘
– แต่สำหรับกรณี้ ทางประธานสภาได้รับญัตติวันที่ 27 ก.พ. (ตามที่สำนักงานฯ ลงวันรับ + ตามหลักฐานการยื่นหนังสือที่ถูกรายงานตามสื่อต่อสาธารณะ) ในขณะที่ได้ทางประธานสภาได้มีการแจ้งมาที่ผู้เสนอ (ผ่านรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) ในวันที่ 7 มี.ค. ซึ่งเลยกรอบ ‘ภายในเจ็ดวัน’ อย่างชัดเจน
3.ในเชิงเนื้อหาสาระ : การระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติไม่ได้เป็นอะไรที่ผิดข้อบังคับ
– ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของญัตติ แต่ปัจจุบันไม่มีข้อกฎหมายหรือข้อบังคับข้อไหนที่ระบุห้ามไม่ให้พูดถึงชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ และญัตติในอดีตก็มีหลายครั้งที่มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก (เช่น เนื้อหาของญัตติที่เสนอโดย ส.ส. เพื่อไทย ในปี 2562 เกี่ยวกับการติดตามการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน)
– ข้อบังคับมีการพูดถึงบุคคลภายนอกในข้อ 69 ในบริบทของการอภิปราย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการห้ามการอภิปรายบุคคลภายนอกโดยสิ้นเชิง แต่เป็นเพียงการห้ามไม่ให้กล่าวถึงบุคคลใด ‘โดยไม่จำเป็น’
– ท้ายสุดแล้ว หากเนื้อหาของญัตติและการอภิปรายมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกจนเกิดความเสียหาย ผู้เสนอญัตติและผู้อภิปรายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวเอง
 
ดังนั้น

– ในมุมกฎหมาย ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเราจำเป็นนำชื่อ ‘บุคคลภายนอก’ ออกจากเนื้อหาญัตติ
– ในมุมการเมือง ผมเห็นว่าเป็นดุลพินิจของพี่น้องประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าการระบุถึง ‘บุคคลภายนอก’ มีความเหมาะสมและจำเป็นต่อการวิเคราะห์และวิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ โดยเฉพาะในเมื่อบุคคลดังกล่าวก็ประกาศเองหลายครั้งว่าต้องการ ‘สทร.’ เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้

https://www.facebook.com/paritw/posts/1178896013605182



ป.ป.ช. พา เสรีพิศุทธ์ ลุยตรวจรพ.ตำรวจ ไต่สวนสืบคดีชั้น 14 ที่ ทักษิณ พักรักษาตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5081893

ป.ป.ช. พา ‘เสรีพิศุทธ์’ บุกโรงพยาบาลตำรวจ ไต่สวนสืบคดีชั้น 14 ที่ ‘ทักษิณ’ พักรักษาตัว
 
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะพยานในคดี นายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เดินทางไปตรวจสถานที่จริง ที่อาคารมหาภูมิพล ราชานุสรณ์ 88 พรรษา หรือ มภร.
 
โดยมีการเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ ตั้งแต่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ทางขึ้นตัวอาคารจุดที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้การว่าได้ใช้ขึ้นไปพบ นายทักษิณ ที่ชั้น 14 ก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมร่วมกับตัวแทนผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ ที่ชั้น 19 จนถึงเวลาประมาณ 15.00 น.จึงเดินทางกลับ
   
ขณะเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ อดีต ส.ว.ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 
 
“ป.ป.ช.เอาจริงบุกไต่สวนเผชิญสืบคดีชั้น 14 เชิญพยานปากเอก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อดีต ผบ.ตร ร่วมด้วย ประชุมเครียดที่ รพ.ตร.ชั้น 19 แต่เช้ายังไม่เลิก #งานนี้มีหนาวคุก”


 
กมธ.พัฒนาการเมืองฯลุยเต็มที่ดันเสมอภาคของสตรี
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_851855/
 
กมธ.พัฒนาการเมืองฯ รับหนังสือข้อเสนอการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และเสมอภาคของสตรีพิการและเด็กพิการ
คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา นำโดย นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานกรรมาธิการฯ รับหนังสือข้อเสนอจากสมาคมสตรีพิการ เด็กพิการ และครอบครัว เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการมีส่วนร่วมของสตรีและเด็กพิการ หลังจากการจัดสัมมนาเพื่อรวบรวมปัญหาและแนวทางแก้ไข โดย ปัญหาและอุปสรรคหลัก พบว่า
 
1. สตรีและเด็กพิการถูก กีดกันจากกระบวนการตัดสินใจระดับนโยบาย
2. ถูกจำกัดสิทธิในการรวมกลุ่มและจัดตั้งสมาคม
3. กฎหมายเกี่ยวกับคนพิการไม่มีมาตรการส่งเสริมและคุ้มครองเฉพาะสำหรับสตรีและเด็กพิการ
4. ขาดมาตรการปกป้องเหยื่อความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ
 
ดังนั้น ข้อเสนอแนะหลัก คือ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
 
รวมถึงยกเลิกข้อยกเว้นในกฎหมายที่เปิดช่องให้มีการเลือกปฏิบัติ และศึกษาแนวทางสร้างหลักประกันสิทธิทางการเมืองของสตรีพิการ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรีและเด็กพิการ อีกทั้งพัฒนาคู่มือส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีและเด็กพิการในทุกมิติ
 
นางอังคณา ยืนยันว่า คณะกรรมาธิการฯ จะนำข้อเสนอไปพิจารณาและติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดงบประมาณเฉพาะสำหรับสตรีพิการ และจะเชิญสมาคมสตรีพิการฯ เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่