โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ภายใน 7 วัน แต่คุณวันนอร์ทำหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้านเมื่อผ่านไป 9 วันแล้ว
แสดงให้เห็นว่า คุณวันนอร์ทำเพื่อปกป้องนาย โดยยอมเสียตัวเองแบบไม่สนที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งที่คุณวันนอร์ คือประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
ตามที่นายวันนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ได้ทำหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้าน ให้แก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนู๋แพด ด้วยการบอกว่าให้เอาชื่อทักษิณออกจากญัตติที่เสนอมา
7 มีนาคม 2568
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุค ตอบโต้นายวันนอร์ ดังนี้
(ไม่มีความจำเป็นในเชิงกฎหมาย ที่ฝ่ายค้านจะต้องนำชื่อ “บุคคลภายนอก” ออกจากเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ)
เมื่อบ่ายวันนี้ ทางผมและพรรคได้รับแจ้งว่าทางประธานสภาผู้แทนราษฎร
ได้ทำหนังสือด่วนถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้นำชื่อ “บุคคลภายนอก” (นายทักษิณ ชินวัตร)
ออกจากเนื้อหาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
ก่อนที่ประธานสภาฯจะบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยอ้างถึงข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 176
ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเรามีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว
1. ในเชิงอำนาจหน้าที่ : ผมเห็นว่ารัฐธรรมนูญและข้อบังคับไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาในการใช้ดุลพินิจมาตัดสินว่า
เนื้อหาสาระของญัตติควรจะเป็นเช่นไร หรือมีความเหมาะสมหรือไม่
- รัฐธรรมนูญมาตรา 151 ระบุชัดเจนถึงสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
โดยไม่มีส่วนไหนที่พูดถึงดุลพินิจของประธานสภาในการประเมินเนื้อหาของญัตติเพื่อตัดสินใจว่าจะบรรจุญัตติหรือไม่
- ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุเพียงแค่ให้ประธานสภาตรวจสอบว่าญัตติมี “ข้อบกพร่อง” หรือไม่ (ภาพที่ 1)
- เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายดังกล่าว “ข้อบกพร่อง” ในที่นี้
ย่อมถูกเข้าใจได้ว่าหมายถึงในกรณีที่มีข้อผิดพลาดในเชิงรูปแบบ (เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่ต้องการ
ลายเซ็นของผู้เสนอไม่ตรงกับลายเซ็นในระบบ มีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่คลาดเคลื่อน)
2. ในเชิงขั้นตอน : แม้จะอ้างข้อบังคับข้อ 176 ในการแจ้งให้เราแก้ไขข้อความในญัตติ
ก็ต้องบอกว่าการแจ้งของประธานสภาไม่ชอบด้วยข้อบังคับเพราะไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ในข้อบังคับข้อ 176
- ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุว่า “หาก[ญัตติ]มีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ” (ภาพ 1)
- แต่สำหรับกรณี้ ทางประธานสภาได้รับญัตติวันที่ 27 ก.พ. (ตามที่สำนักงานฯ ลงวันรับ + ตามหลักฐานการยื่นหนังสือที่ถูกรายงานตามสื่อต่อสาธารณะ) ในขณะที่ได้ทางประธานสภาได้มีการแจ้งมาที่ผู้เสนอ (ผ่านรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) ในวันที่ 7 มี.ค.
ซึ่งเลยกรอบ “ภายในเจ็ดวัน” อย่างชัดเจน (ภาพ 2 & 3)
3. ในเชิงเนื้อหาสาระ : การระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ ไม่ได้เป็นอะไรที่ผิดข้อบังคับ
- ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของญัตติ
แต่ปัจจุบันไม่มีข้อกฎหมายหรือข้อบังคับข้อไหนที่ระบุห้ามไม่ให้พูดถึงชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ
และญัตติในอดีตก็มีหลายครั้งที่มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก (เช่น เนื้อหาของญัตติที่เสนอโดย สส. เพื่อไทย ในปี 2562
เกี่ยวกับการติดตามการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน (ภาพ 4))
- ข้อบังคับมีการพูดถึงบุคคลภายนอกในข้อ 69 ในบริบทของการอภิปราย
ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการห้ามการอภิปรายบุคคลภายนอกโดยสิ้นเชิง แต่เป็นเพียงการห้ามไม่ให้กล่าวถึงบุคคลใด “โดยไม่จำเป็น” (ภาพ 5)
- ท้ายสุดแล้ว หากเนื้อหาของญัตติและการอภิปรายมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกจนเกิดความเสียหาย
ผู้เสนอญัตติและผู้อภิปรายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวเอง
ดังนั้น
- ในมุมกฎหมาย ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเราจำเป็นนำชื่อ “บุคคลภายนอก” ออกจากเนื้อหาญัตติ
- ในมุมการเมือง ผมเห็นว่าเป็นดุลพินิจของพี่น้องประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าการระบุถึง “บุคคลภายนอก”
มีความเหมาะสมและจำเป็นต่อการวิเคราะห์และวิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่
โดยเฉพาะในเมื่อบุคคลดังกล่าวก็ประกาศเองหลายครั้งว่าต้องการ “สทร.” เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้

.
พริษฐ์ โต้แย้งอย่างมีเหตุผล ข้อมูล ข้อเท็จจริง โดยการยึดตัวบทรัฐธรรมนูญ 2560 และแนวปฏิบัติอย่างถูกต้อง
พริษฐ์อายุแค่ 32 และเพิ่งเป็นนักการเมือง ขณะคุณวันนอร์ 80 กว่า จะ 81 แล้ว ผ่านตำแหน่งสำคัญ ๆ มามากมาย ประสบการณ์สูง
คุณวันนอร์ ครับ อย่าเสียผู้ใหญ่ เสียคน เสียความนับถือ เพียงเพราะปกป้องคนทำไม่ถูกเลยครับ
ให้ทุกอย่างเดินไปตามธรรมชาติเถอะ ก็แค่กลไกการตรวจสอบปกติเท่านั้นเอง
กลัวอะไร
หมดสภาพเสียผู้เสียคนเสียผู้ใหญ่เลยครับคุณวันนอร์ อายุ 80 โดนเด็ก 32 ถอนหงอกซะแล้ว
แสดงให้เห็นว่า คุณวันนอร์ทำเพื่อปกป้องนาย โดยยอมเสียตัวเองแบบไม่สนที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งที่คุณวันนอร์ คือประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
ตามที่นายวันนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ได้ทำหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้าน ให้แก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนู๋แพด ด้วยการบอกว่าให้เอาชื่อทักษิณออกจากญัตติที่เสนอมา
7 มีนาคม 2568
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุค ตอบโต้นายวันนอร์ ดังนี้
(ไม่มีความจำเป็นในเชิงกฎหมาย ที่ฝ่ายค้านจะต้องนำชื่อ “บุคคลภายนอก” ออกจากเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ)
เมื่อบ่ายวันนี้ ทางผมและพรรคได้รับแจ้งว่าทางประธานสภาผู้แทนราษฎร
ได้ทำหนังสือด่วนถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้นำชื่อ “บุคคลภายนอก” (นายทักษิณ ชินวัตร)
ออกจากเนื้อหาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
ก่อนที่ประธานสภาฯจะบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยอ้างถึงข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 176
ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเรามีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว
1. ในเชิงอำนาจหน้าที่ : ผมเห็นว่ารัฐธรรมนูญและข้อบังคับไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาในการใช้ดุลพินิจมาตัดสินว่า
เนื้อหาสาระของญัตติควรจะเป็นเช่นไร หรือมีความเหมาะสมหรือไม่
- รัฐธรรมนูญมาตรา 151 ระบุชัดเจนถึงสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
โดยไม่มีส่วนไหนที่พูดถึงดุลพินิจของประธานสภาในการประเมินเนื้อหาของญัตติเพื่อตัดสินใจว่าจะบรรจุญัตติหรือไม่
- ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุเพียงแค่ให้ประธานสภาตรวจสอบว่าญัตติมี “ข้อบกพร่อง” หรือไม่ (ภาพที่ 1)
- เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายดังกล่าว “ข้อบกพร่อง” ในที่นี้
ย่อมถูกเข้าใจได้ว่าหมายถึงในกรณีที่มีข้อผิดพลาดในเชิงรูปแบบ (เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่ต้องการ
ลายเซ็นของผู้เสนอไม่ตรงกับลายเซ็นในระบบ มีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่คลาดเคลื่อน)
2. ในเชิงขั้นตอน : แม้จะอ้างข้อบังคับข้อ 176 ในการแจ้งให้เราแก้ไขข้อความในญัตติ
ก็ต้องบอกว่าการแจ้งของประธานสภาไม่ชอบด้วยข้อบังคับเพราะไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ในข้อบังคับข้อ 176
- ข้อบังคับ ข้อ 176 ระบุว่า “หาก[ญัตติ]มีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ” (ภาพ 1)
- แต่สำหรับกรณี้ ทางประธานสภาได้รับญัตติวันที่ 27 ก.พ. (ตามที่สำนักงานฯ ลงวันรับ + ตามหลักฐานการยื่นหนังสือที่ถูกรายงานตามสื่อต่อสาธารณะ) ในขณะที่ได้ทางประธานสภาได้มีการแจ้งมาที่ผู้เสนอ (ผ่านรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) ในวันที่ 7 มี.ค.
ซึ่งเลยกรอบ “ภายในเจ็ดวัน” อย่างชัดเจน (ภาพ 2 & 3)
3. ในเชิงเนื้อหาสาระ : การระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ ไม่ได้เป็นอะไรที่ผิดข้อบังคับ
- ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของญัตติ
แต่ปัจจุบันไม่มีข้อกฎหมายหรือข้อบังคับข้อไหนที่ระบุห้ามไม่ให้พูดถึงชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ
และญัตติในอดีตก็มีหลายครั้งที่มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก (เช่น เนื้อหาของญัตติที่เสนอโดย สส. เพื่อไทย ในปี 2562
เกี่ยวกับการติดตามการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน (ภาพ 4))
- ข้อบังคับมีการพูดถึงบุคคลภายนอกในข้อ 69 ในบริบทของการอภิปราย
ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการห้ามการอภิปรายบุคคลภายนอกโดยสิ้นเชิง แต่เป็นเพียงการห้ามไม่ให้กล่าวถึงบุคคลใด “โดยไม่จำเป็น” (ภาพ 5)
- ท้ายสุดแล้ว หากเนื้อหาของญัตติและการอภิปรายมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกจนเกิดความเสียหาย
ผู้เสนอญัตติและผู้อภิปรายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวเอง
ดังนั้น
- ในมุมกฎหมาย ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเราจำเป็นนำชื่อ “บุคคลภายนอก” ออกจากเนื้อหาญัตติ
- ในมุมการเมือง ผมเห็นว่าเป็นดุลพินิจของพี่น้องประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าการระบุถึง “บุคคลภายนอก”
มีความเหมาะสมและจำเป็นต่อการวิเคราะห์และวิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่
โดยเฉพาะในเมื่อบุคคลดังกล่าวก็ประกาศเองหลายครั้งว่าต้องการ “สทร.” เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้