หลายคนสงสัย ถ้าอยู่ในฌานสามารถเจริญวิปัสสนาได้หรือไม่?
พระพุทธเจ้าทรงตรัสชัดเจนในพระไตรปิฏกฃว่า ขณะจิตเจริญสมาธิอยู่ในรูปฌาน 1 - อรูปฌาน 4 สามารถเจริญวิปัสสนาให้เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ได้
ถ้ากำลังสติมากกว่าสมาธิ จะมีสติสมบูรณ์ 100% เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ในขณะจิตอยู่ในฌาน ดังนั้นสามารถเจริญวิปัสสนาในทุกขณะฌานได้ ทำลายกิเลส อวิชชาให้หมดสิ้นไปจากจิตได้
แต่ถ้ากำลังสมาธิมากกว่าสติจิตจะติดในสมาธิ ในเอกัคตาไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้ บางคนเหมือนวูบดับไป ไม่รู้เนื้อ รู้ตัวเหมือนหลับแล้วดับหายไปเพราะกำลังสมาธิมากแต่กำลังสติน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ให้จิตอยู่ในฌานจนเต็มอิ่มแล้วถอนมาอุปจารสมาธิเพื่อเจริญวิปัสสนาให้เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ ทำลายกิเลส อวิชชาให้หมดสิ้นไปจากจิตได้
ถ้าต้องการเจริญวิปัสสนาให้เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ในขณะจิตอยู่ในฌานต้องหมั่นเจริญสติ มีสติรู้ลมหายใจเข้า-ออกในขณะดำเนินชีวิตประจำวันและเดินจงกรมเยอะ กำลังสติจะมากกว่ากำลังสมาธิจะไม่เกิดอาการวูบดับไปขณะจิตเข้าสู่ฌาน หรือที่เรียกว่า ตกภวังค์ได้
หลายคนสงสัย ถ้าอยู่ในฌานสามารถเจริญวิปัสสนาได้หรือไม่?
พระพุทธเจ้าทรงตรัสชัดเจนในพระไตรปิฏกฃว่า ขณะจิตเจริญสมาธิอยู่ในรูปฌาน 1 - อรูปฌาน 4 สามารถเจริญวิปัสสนาให้เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ได้
ถ้ากำลังสติมากกว่าสมาธิ จะมีสติสมบูรณ์ 100% เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ในขณะจิตอยู่ในฌาน ดังนั้นสามารถเจริญวิปัสสนาในทุกขณะฌานได้ ทำลายกิเลส อวิชชาให้หมดสิ้นไปจากจิตได้
แต่ถ้ากำลังสมาธิมากกว่าสติจิตจะติดในสมาธิ ในเอกัคตาไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้ บางคนเหมือนวูบดับไป ไม่รู้เนื้อ รู้ตัวเหมือนหลับแล้วดับหายไปเพราะกำลังสมาธิมากแต่กำลังสติน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ให้จิตอยู่ในฌานจนเต็มอิ่มแล้วถอนมาอุปจารสมาธิเพื่อเจริญวิปัสสนาให้เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ ทำลายกิเลส อวิชชาให้หมดสิ้นไปจากจิตได้
ถ้าต้องการเจริญวิปัสสนาให้เห็นอาการเกิด-ดับของขันธ์ 5 เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ในขณะจิตอยู่ในฌานต้องหมั่นเจริญสติ มีสติรู้ลมหายใจเข้า-ออกในขณะดำเนินชีวิตประจำวันและเดินจงกรมเยอะ กำลังสติจะมากกว่ากำลังสมาธิจะไม่เกิดอาการวูบดับไปขณะจิตเข้าสู่ฌาน หรือที่เรียกว่า ตกภวังค์ได้