เมื่อนั่งสมาธิถึงสภาวะนึงที่เกิดทุกขเวทนาคือ ปวดไปทั่วทุกอณูในร่างกาย ปวดไปถึงกระดูก กระดูที่ขาท่อนล่าง กระดูกขาท่อนบนเลยหัวเข่าขึ้นมา มาจนถึงกระดูกก้นกบ รวมทั้งกระดูกที่สันหลัง ปวดร้อนผ่าวๆ ตุบๆ จนร่างกายแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ต่อมาความปวดนั้นก็ค่อยๆเกิดอาการหนักๆ ตึงๆ เหมือนมีอะไรมายึด ค่อยๆชาชาตามมาทีละส่วน ทั้งขาท่อนล่างและท่อนบน ท่อนแขน (เหมือนโดนฉีดยาชาตอนไปถอนฟัน ) จนกระทั่งชาไปทั้งตัว
ต่อมาจึงใช้ความรู้สึก ไล่ทำความรู้สึก ตั้งแต่มือ แขน ไหล่ และบริเวณก้นที่สำผัสกระทบพื้น ก็ไม่พบว่ามีอยู่หามือ แขนไหล่ ไม่พบ และไล่ รู้สึกไปที่ ศรีษะ ก็ไม่พบว่ามีร่างกาย ร่างกายนี้ทั้งก้อน ได้หายไป ต่อมาจึงจับความรู้สึกนั้นไว้ที่ตัวรู้นั้นที่มีลักษณะชัดและโดดเด่นอยู่ ตรวหน้านั้น
แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวรู้นั้นขึ้นมาบริเวณเหนือหน้าผากเด่นชัดอยู่อย่างนั้น สักพัก ตัวรู้นั้น ฝังแนบแน่นลอยเด่นอยู่ สักพัก ต่อมา ก็ได้เห็นสภาวะที่มืดๆๆ กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
ถ้าหากอุปมาเหมือนการเดินทางไปที่ใดที่หนึ่ง ที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อนเมื่อเดินทางมาถึงสถานทีแห่งนี้เราจึง หันหลังเดินกลับ จึงค่อยๆๆถอยออกจากสมาธิ
พอหลังออกจากสมาธิก็มานั่งตรึกดูว่าเอ๊ะ เมื่อต๊ะกี้ เหมือนไปเที่ยวอีกจักรวาลหนึ่งมา แต่ว่า มันไมมีอะไรเลย มันมีแต่ความเวิ้งว้าง อากาศที่ไม่สิ้นสุด
แต่ ก็จำสภาวะ ตอนที่จิตตั้งมั่นแล้วเคลื่อนไปลอยเด่นแนบแน่นอยู่ตรงบริเวณ เหนือหน้าผาก
ผ่านมาเป็นจึงได้ทราบว่า นั่นคือ ณานสี และ ต่อด้วย อากาสานัญจายตน
และจำสภาวะที่เอาคสามรู้สึกมาอยู่ ที่บริเวณ เหนือหน้าผากได้
เวลาทรงฌานในชีวิตประจำวันกำหนดจิตไว้บริเวณหน้าผากแค่ขผณะจิตแล้วก๋ล่วงลงมาอยู่ที่ท้องพองยุบขณะที่เดินทางขึ้นรถลงเรือ
ถ้าหากมีเรืองให้คิดเรื่องงานเรื่องการก็ปล่อยให้ขันธ์ ห้า ทำงานไปตามปกติ เพราะต้องใช้ ขันธ์ห้าในการดำเนินชีวิตอยู่แล้ว
หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นกับขันธ์ไม่ว่าจะทางหูทางตาหรือสัญญามันจะเหมือนมีอะไรผ่านมาแว้ปๆในขันธ์ แล้วก็ดับไป จะคล้ายๆกับ อากาารสักแต่ว่า
มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ใจก็ปกติ
แต่เมื่อใดที่ การรับรู้นั้น เกิดขึ้นพร้อมกับสติที่รู้ชัด เมื่อนั้น ตัว อวิชชา หรือมโน หรือ สัตตานัง หรือ ตัวผู้สร้างเรือน มัน ผนึกอยู่ในการรับรู้นั้นเรียบร้อยแล้ว
ที่จับได้ เพราะเห็นมันมีอาการจุกที่กลางหน้าอก
คือ ตื่นนอนมาตอนเช้าเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยอารมณ์งัวเงียสัญญาขันธ์เกิดเป็นภาพแฟนเก่าที่ได้เลิกลากันไปขณะจิตแรกใจยังปกติอยู่พอขณะจิตต่อมามันเห็นภาพชั้นขึ้น
อารมณ์ประมาณว่า ตัวสติมันเป็นเหมือนคนข้างบ้านมาดูว่าเอ๊ะๆๆนั่นอะไรอ่ะ สนใจจังอยากรู้ อยากดูขณะจิตนั้น มันยึดทีนทีอารมณ์แน่นอกเกิดขึ้นทันที..อารมณ์นี้ใช่ไหมที่เรียกว่าเห็นผู้สร้างเรือน..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
ทรงฌาน
ต่อมาความปวดนั้นก็ค่อยๆเกิดอาการหนักๆ ตึงๆ เหมือนมีอะไรมายึด ค่อยๆชาชาตามมาทีละส่วน ทั้งขาท่อนล่างและท่อนบน ท่อนแขน (เหมือนโดนฉีดยาชาตอนไปถอนฟัน ) จนกระทั่งชาไปทั้งตัว
ต่อมาจึงใช้ความรู้สึก ไล่ทำความรู้สึก ตั้งแต่มือ แขน ไหล่ และบริเวณก้นที่สำผัสกระทบพื้น ก็ไม่พบว่ามีอยู่หามือ แขนไหล่ ไม่พบ และไล่ รู้สึกไปที่ ศรีษะ ก็ไม่พบว่ามีร่างกาย ร่างกายนี้ทั้งก้อน ได้หายไป ต่อมาจึงจับความรู้สึกนั้นไว้ที่ตัวรู้นั้นที่มีลักษณะชัดและโดดเด่นอยู่ ตรวหน้านั้น
แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวรู้นั้นขึ้นมาบริเวณเหนือหน้าผากเด่นชัดอยู่อย่างนั้น สักพัก ตัวรู้นั้น ฝังแนบแน่นลอยเด่นอยู่ สักพัก ต่อมา ก็ได้เห็นสภาวะที่มืดๆๆ กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
ถ้าหากอุปมาเหมือนการเดินทางไปที่ใดที่หนึ่ง ที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อนเมื่อเดินทางมาถึงสถานทีแห่งนี้เราจึง หันหลังเดินกลับ จึงค่อยๆๆถอยออกจากสมาธิ
พอหลังออกจากสมาธิก็มานั่งตรึกดูว่าเอ๊ะ เมื่อต๊ะกี้ เหมือนไปเที่ยวอีกจักรวาลหนึ่งมา แต่ว่า มันไมมีอะไรเลย มันมีแต่ความเวิ้งว้าง อากาศที่ไม่สิ้นสุด
แต่ ก็จำสภาวะ ตอนที่จิตตั้งมั่นแล้วเคลื่อนไปลอยเด่นแนบแน่นอยู่ตรงบริเวณ เหนือหน้าผาก
ผ่านมาเป็นจึงได้ทราบว่า นั่นคือ ณานสี และ ต่อด้วย อากาสานัญจายตน
และจำสภาวะที่เอาคสามรู้สึกมาอยู่ ที่บริเวณ เหนือหน้าผากได้
เวลาทรงฌานในชีวิตประจำวันกำหนดจิตไว้บริเวณหน้าผากแค่ขผณะจิตแล้วก๋ล่วงลงมาอยู่ที่ท้องพองยุบขณะที่เดินทางขึ้นรถลงเรือ
ถ้าหากมีเรืองให้คิดเรื่องงานเรื่องการก็ปล่อยให้ขันธ์ ห้า ทำงานไปตามปกติ เพราะต้องใช้ ขันธ์ห้าในการดำเนินชีวิตอยู่แล้ว
หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นกับขันธ์ไม่ว่าจะทางหูทางตาหรือสัญญามันจะเหมือนมีอะไรผ่านมาแว้ปๆในขันธ์ แล้วก็ดับไป จะคล้ายๆกับ อากาารสักแต่ว่า
มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ใจก็ปกติ
แต่เมื่อใดที่ การรับรู้นั้น เกิดขึ้นพร้อมกับสติที่รู้ชัด เมื่อนั้น ตัว อวิชชา หรือมโน หรือ สัตตานัง หรือ ตัวผู้สร้างเรือน มัน ผนึกอยู่ในการรับรู้นั้นเรียบร้อยแล้ว
ที่จับได้ เพราะเห็นมันมีอาการจุกที่กลางหน้าอก
คือ ตื่นนอนมาตอนเช้าเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยอารมณ์งัวเงียสัญญาขันธ์เกิดเป็นภาพแฟนเก่าที่ได้เลิกลากันไปขณะจิตแรกใจยังปกติอยู่พอขณะจิตต่อมามันเห็นภาพชั้นขึ้น
อารมณ์ประมาณว่า ตัวสติมันเป็นเหมือนคนข้างบ้านมาดูว่าเอ๊ะๆๆนั่นอะไรอ่ะ สนใจจังอยากรู้ อยากดูขณะจิตนั้น มันยึดทีนทีอารมณ์แน่นอกเกิดขึ้นทันที..อารมณ์นี้ใช่ไหมที่เรียกว่าเห็นผู้สร้างเรือน..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้