พอดีไปมีโอกาสอยู่ในคอมมูวิทยาศาสตร์ต่างประเทศ+หาความรู้ด้านช่าง แล้วพบว่ามีกลุ่มคนแปลกๆ ในวงการ 2 แบบ โผล่มาในวงการวิทยาศาสตร์ครับ
เลยจะมาชวนคุยว่า ทำไมฐานคิดทางวิทยาศาสตร์มันต่างกันขนาดนี้
ระหว่างนักเรียนวิทยาศาสตร์สองคน คนแรกคือเด็กที่พูดเสมอว่า"เครื่องจักรนิรันดร์เป็นไปไม่ได้ หลอกลวง" และ"แรงกิริยาเท่ากับแรงปฏิกิริยาเสมอ" แต่ข้อเสียของเด็กคนนี้คือคำนวนทางฟีสิกส์ไม่เก่ง ทำพาร์ตตัวเลขได้ไม่ดี และขาดทักษะการใช้เครื่องมือวัดค่าทางวิศวกรรม(ใครอยู่สายช่างหรือวิศวะคงเข้าใจ คนใช้เครื่องมือช่างไม่คล่อง ใช่เครื่องมือและอุปกรณ์วัดค่าทางวิศวกรรมไม่เก่ง ไม่ชำนาญมันมีอยู่จริงๆ)
เด็กคนที่สองคำนวนทางฟีสิกส์คล่องมาก แคลคูลัส ยกกำลัง สถิติ ถอดรูท คำนวนทางกลศาสตร์ต่างๆได้เหนือกว่าคนแรกชัดเจน ให้ใช่เครื่องมือและอุปกรณ์วัดค่าทางวิศวกรรมเข้าขั้นเก่งและชำนาญมาก จนวิศวกรกับช่างเก่งๆ ในวงการยังชมเรื่องทักษะต่างๆ แต่เด็กคนนี้ฐานคิดไม่เหมือนเด็กคนแรก ถ้ามีคนนำเสนอเรื่องเครื่องจักรนิรันดร์ เขาจะถามเลยว่า"คุณมีงานวิจัยใหนมาอ้างอิง/คุณเอาเครื่องจักรของคุณไปตรวจวัดในแล็บเป็นกลางได้มั้ย" หรือถ้าเขาอยู่ใกล้พอก็จะไปวัดค่าเองเลย หรือถ้ามีใครนำเสนอเรื่องแรงปฏิกิริยามากกว่าแรงกิริยา ก็จะขอดูงานวิจัยอ้างอิง และการวัดค่าต่างๆ
เอาง่าย เด็กคนที่สองทักษะด้านเครื่องมือกับคณิตศาสตร์สูงกว่าเด็กคนแรกเยอะ แต่เด็กคนแรกถ้าบอก"เครื่องจักรนิรันดร์เหลวไหล ไม่ต้องไปอ่านอ้างอิง" เขาจะเชื่อสนิทใจแต่เด็กคนทึ่สอง "ถ้าพูดว่าเครื่องจักรนิรันดร์เหลวไหล ไม่ต้องไปอ่านอ้างอิง" เขาจะย้อนว่า"จะทำอย่างนั้นได้ใง การไม่อ่านอ้างอิงหรือไม่วัดค่า ไม่ตรวจสอบในแล็บให้ดี แล้วพูดลอยๆ มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์!"
คิดว่าเด็กสองคนนี้ภูมิหลังทางวิทยาศาสตร์ต่างกันมั้ยครับ เด็กคนแรกถึงสามารถปฏิเสธิเครื่องจักรนิรันดร์ได้ทันที แต่ทักษะด้านตัวเลขและเครื่องมือสู้คนสองไม่ได้ แต่กลับกันคนสองมีแนวโน้มจะยอมรับเรื่องพลังงานฟรีมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ขออ้างอิงวิจัยและการสาธิตอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ปฏิเสธิทันที ทั้งๆ ที่ทักษะทางด้านการคำนวนทางฟีสิกส์และวิศวกรรม รวมถึงการใช้เครื่องมือเหนือกว่าคนแรกเยอะ แท็กวิศวกรและวิศวกรรมศาสตร์เพราะว่าคอมมูที่ผมไปเจอเป็นคอมมูเกี่ยวกับวิศวกร และสองคนนี้สนใจด้านนี้ครับ แท็คคณิตศาสตร
ชวนชาวหว้ากอคุยเรื่อง"ฐานคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ต่างกัน" ของผู้สนใจวิทยาศาสตร์สองกลุ่มครับ
เลยจะมาชวนคุยว่า ทำไมฐานคิดทางวิทยาศาสตร์มันต่างกันขนาดนี้
ระหว่างนักเรียนวิทยาศาสตร์สองคน คนแรกคือเด็กที่พูดเสมอว่า"เครื่องจักรนิรันดร์เป็นไปไม่ได้ หลอกลวง" และ"แรงกิริยาเท่ากับแรงปฏิกิริยาเสมอ" แต่ข้อเสียของเด็กคนนี้คือคำนวนทางฟีสิกส์ไม่เก่ง ทำพาร์ตตัวเลขได้ไม่ดี และขาดทักษะการใช้เครื่องมือวัดค่าทางวิศวกรรม(ใครอยู่สายช่างหรือวิศวะคงเข้าใจ คนใช้เครื่องมือช่างไม่คล่อง ใช่เครื่องมือและอุปกรณ์วัดค่าทางวิศวกรรมไม่เก่ง ไม่ชำนาญมันมีอยู่จริงๆ)
เด็กคนที่สองคำนวนทางฟีสิกส์คล่องมาก แคลคูลัส ยกกำลัง สถิติ ถอดรูท คำนวนทางกลศาสตร์ต่างๆได้เหนือกว่าคนแรกชัดเจน ให้ใช่เครื่องมือและอุปกรณ์วัดค่าทางวิศวกรรมเข้าขั้นเก่งและชำนาญมาก จนวิศวกรกับช่างเก่งๆ ในวงการยังชมเรื่องทักษะต่างๆ แต่เด็กคนนี้ฐานคิดไม่เหมือนเด็กคนแรก ถ้ามีคนนำเสนอเรื่องเครื่องจักรนิรันดร์ เขาจะถามเลยว่า"คุณมีงานวิจัยใหนมาอ้างอิง/คุณเอาเครื่องจักรของคุณไปตรวจวัดในแล็บเป็นกลางได้มั้ย" หรือถ้าเขาอยู่ใกล้พอก็จะไปวัดค่าเองเลย หรือถ้ามีใครนำเสนอเรื่องแรงปฏิกิริยามากกว่าแรงกิริยา ก็จะขอดูงานวิจัยอ้างอิง และการวัดค่าต่างๆ
เอาง่าย เด็กคนที่สองทักษะด้านเครื่องมือกับคณิตศาสตร์สูงกว่าเด็กคนแรกเยอะ แต่เด็กคนแรกถ้าบอก"เครื่องจักรนิรันดร์เหลวไหล ไม่ต้องไปอ่านอ้างอิง" เขาจะเชื่อสนิทใจแต่เด็กคนทึ่สอง "ถ้าพูดว่าเครื่องจักรนิรันดร์เหลวไหล ไม่ต้องไปอ่านอ้างอิง" เขาจะย้อนว่า"จะทำอย่างนั้นได้ใง การไม่อ่านอ้างอิงหรือไม่วัดค่า ไม่ตรวจสอบในแล็บให้ดี แล้วพูดลอยๆ มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์!"
คิดว่าเด็กสองคนนี้ภูมิหลังทางวิทยาศาสตร์ต่างกันมั้ยครับ เด็กคนแรกถึงสามารถปฏิเสธิเครื่องจักรนิรันดร์ได้ทันที แต่ทักษะด้านตัวเลขและเครื่องมือสู้คนสองไม่ได้ แต่กลับกันคนสองมีแนวโน้มจะยอมรับเรื่องพลังงานฟรีมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ขออ้างอิงวิจัยและการสาธิตอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ปฏิเสธิทันที ทั้งๆ ที่ทักษะทางด้านการคำนวนทางฟีสิกส์และวิศวกรรม รวมถึงการใช้เครื่องมือเหนือกว่าคนแรกเยอะ แท็กวิศวกรและวิศวกรรมศาสตร์เพราะว่าคอมมูที่ผมไปเจอเป็นคอมมูเกี่ยวกับวิศวกร และสองคนนี้สนใจด้านนี้ครับ แท็คคณิตศาสตร