แมงดาทะเลสีทอง

.

.
© Laurent Ballesta
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
The Golden Horseshoe |
Wildlife Photographer of the Year 2023
.
.

แมงดาทะเล Tachypleus tridentatus
เดินอย่างคล่องแคล่วไปตามพื้นทะเล
พร้อมกับปลาลายสามตัวที่อยู่เหนือศีรษะ
ได้รางวัลชนะเลิศการประกวด
ถ่ายภาพสัตว์ป่าแห่งปี ประจำปี 2023
โดยช่างภาพและนักชีววิทยาทางทะเล 
ชาวฝรั่งเศส Laurent Ballesta 
จากภาพแมงดาทะเลที่มีหนามสามแฉก
ในน่านน้ำคุ้มครองของเกาะ Pangatalan
ในประเทศฟิลิปปินส์
ซึ่งเป็นแหล่งหลบภัยของแมงดาทะเล
Tachypleus tridentatus
ที่มีหนามสามแฉกที่ใกล้สูญพันธุ์
.
.
.

.

.

.

.

.

.

.
.
.

ตัวแทนเจ้าของรางวัลกล่าว
ในแถลงการณ์กับ Live Science ว่า
แมงดาทะเลเหล่านี้
มีอยู่มานานกว่า 100 ล้านปีแล้ว
แต่ปัจจุบันพวกมันกำลังเผชิญกับ
การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย
และอาหารที่กำลังลดลง
เพราะการทำประมงมากเกินไป

ทั้งคนเรายังจับแมงดาทะเล
เพื่อเอาเลือดสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์
ของแมงดาทะเลไปพัฒนาวัคซีนอีกด้วย
.
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
Why Horseshoe Crab Blood 
Is So Expensive | So Expensive
.
.

“ การได้เห็นแมงดาทะเลที่มีชีวิตชีวา
อยู่อย่างมีชีวิตชีวาในถิ่นที่อยู่อาศัย
ตามธรรมชาติด้วยความงดงาม
ที่ชวนสะเทือนใจเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง
เราได้เห็นสายพันธุ์โบราณที่ใกล้สูญพันธุ์
ทั้งยังมีความสำคัญต่อสุขภาพของคนอีกด้วย
ภาพนี้แมงดาทะเลยังเรืองแสงได้ ”
Kathy Moran ประธานคณะกรรมการ
ตัดสินการประกวดภาพถ่าย ให้สัมภาษณ์


ปลาตะคองวัยอ่อน 3 ตัว 
Gnathanodon speciosus
ที่โฉบอยู่เหนือแมงดาทะเลสีทอง
ปลาตะคองน่าจะมากินของว่าง
ที่แมงดาทะเลกินเข้าไปอย่างช้า ๆ 
.
.

.
.

คณะกรรมการได้คัดเลือกภาพถ่าย
ของ Laurent Ballesta 
ที่มีชื่อว่า The golden horseshoe (crab)
จากภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวด 50,000 ภาพ
โดยช่างภาพจำนวน 95 ประเทศ
ผู้ชนะอีก 18 รายได้รับรางวัล
การนำเสนอความหลากหลายทางชีวภาพ
อันอุดมสมบูรณ์บนโลก

" แม้ว่าภาพถ่ายที่ชนะเลิศในปีนี้
จะสร้างความตื่นตาตื่นใจ
และน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
แต่หลักฐานที่ชัดเจนของผลกระทบ
ที่เรามีต่อธรรมชาติ ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ "
Doug Gurr ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
ซึ่งเป็นผู้จัดการประกวดดังกล่าว ให้สัมภาษณ์

ภาพถ่ายที่ชนะเลิศจะจัดแสดงในนิทรรศการ 
ช่างภาพสัตว์ป่าแห่งปี  ที่พิพิธภัณฑ์
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในลอนดอน 
ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 
จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2024

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่  Laurent Ballesta 
ได้รับรางวัลช่างภาพสัตว์ป่าแห่งปี 
ในปี 2021  ท่านได้รับรางวัลชนะเลิศ
จากการถ่ายภาพปลาเก๋า
Epinephelus polyphekadion
ที่กำลังว่ายน้ำในกลุ่มไข่และอสุจิสีขาวขุ่น
ใน Fakarava ที่ French Polynesia
ในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้
.
.

.

.
.


เรียบเรียง/ที่มา
 
 
Livescience

.
.

ข้อมูลเพิ่มเติม

© แมงดาทะเล (Horseshoe Crab)
คือ สัตว์ทะเลชนิดหนึ่งซึ่งในทางชีววิทยา
มักถูกเรียกรวมกับแมงมุม เห็บ กุ้ง ปู กิ้งกือ 
ตะขาบ และแมลงชนิดต่าง ๆ เรียกรวมว่า 
สัตว์ขาข้อ rthropod
ที่ไม่มีกระดูกสันหลังInvertebrate
ในไฟลัมอาร์โทรโพดา Arthropoda
โดยแมงดาทะเลถูกจัดจำแนกอยู่ในหมวด
ชั้น (Class) เมอโรสโตมาตา Merostomata
กลุ่มแมงดา

แมงดาทะเลนับเป็นหนึ่ง
ในสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์
ที่ยังคงดำรงอาศัยอยู่บนโลก ณ เวลานี้ 
จากการถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก
เมื่อกว่า 400 ล้านปีมาแล้ว

ในปัจจุบัน โลกของเรา
เหลือแมงดาทะเลอยู่เพียง 4 ชนิด
มี 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่
ชายฝั่งทะเลของประเทศไทย
และอีก 2 ชนิด อาศัยอยู่ใน
พื้นที่มหาสมุทรแอตแลนติก
และมหาสมุทรอินเดีย-แปซิฟิก

แมงดาทะเลเป็นสิ่งมีชีวิต
ที่มีวิวัฒนาการมายาวนาน
แต่โครงสร้าง รูปร่างทางสรีรวิทยา
และรูปลักษณ์ภายนอกของพวกมัน
ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก
บรรพบุรุษของแมงดาทะเลมากนัก

โครงสร้างหลักแมงดาทะเล

แมงดาทะเลมีส่วนหัว Prosoma
ส่วนอก Opisthosoma ที่เชื่อมติดกัน 
มีโครงร่างแข็งภายนอก 
ลักษณะคล้ายเกือกม้า

มีดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ดี
ในความมืดอยู่ด้านข้างของส่วนหัว

มีรยางค์ 6 คู่ : 1 คู่ บริเวณปาก
สำหรับการกินอาหาร 
และอีก 5 คู่ ทำหน้าที่เป็นขา 
สำหรับการเคลื่อนที่

ส่วนท้องมีลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยม 
มีแผ่นเหงือกปกคลุมสำหรับใช้ใน
การแลกเปลี่ยนก๊าซหรือการหายใจใต้น้ำ 
บริเวณด้านข้างของลำตัวมีหนามแหลม
มีหาง Telson เรียวยาว ปลายแหลมคม
และปกคลุมด้วยเปลือกแข็ง
ใช้สำหรับการเคลื่อนที่ 
การว่ายน้ำและการทรงตัว

แหล่งที่อยู่อาศัยและวงจรชีวิต

แมงดาทะเลเป็นสัตว์ที่พบได้ทั่วไป
บริเวณป่าชายเลน/ตามพื้นที่ชายฝั่งทะเล 
รวมถึงบริเวณหาดทราย/หาดโคลน
ซึ่งมีระดับน้ำทะเลไม่สูงนัก 
.
.

.

.
.

แต่แมงดาทะเลส่วนใหญ่
ใช้เวลาเกือบทั้งปีใต้ทะเลน้ำลึก 
กินอาหารพวกหอย Molluscs
ไส้เดือนทะเลชนิดต่าง ๆ
Polychaetes

เมื่ออากาศเข้าสู่ช่วงอบอุ่น
(ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน) ของทุกปี 
แมงดาทะเลจะอพยพมายังเขตน้ำตื้น 
เพื่อจับคู่ผสมพันธุ์ตามบริเวณชายหาด 
โดยที่ตัวเมียสามารถวางไข่
ได้มากถึง 90,000 ฟองต่อฤดูกาล

แต่ไข่เหล่านี้ จะมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ที่สามารถอยู่รอดจนกระทั่งเติบโตเต็มวัย 
เพราะตัวอ่อนและไข่ของแมงดาทะเล
เป็นแหล่งอาหารหลักของนกอพยพ
และสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด

ตัวอ่อนของแมงดาทะเล
มีการลอกคราบหลายครั้ง 
(ราว 15 ถึง 20 ครั้งต่อปี) 
ซึ่งจะลดลงตามลำดับ
เมื่อแมงดาทะเลเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย 
แมงดาทะเลที่โตเต็มที่
จะมีอายุราว 9-12 ปี 
จึงพร้อมที่จะผสมพันธุ์/วางไข่อีกครั้ง
.
.

.
.

แมงดาทะเล 2 ชนิด
ที่พบได้ในประเทศไทย ได้แก่
แมงดาถ้วย หรือ แมงดาไฟ
Mangrove Horseshoe Crab
Carcinoscorpius Rotundicauda
หรือ เห-รา ในภาษาท้องถิ่น
มีลำตัวโค้งมน
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 15 เซนติเมตร 
ผิวด้านบนเรียบมัน 
มีสีน้ำตาลอมแดง

ส่วนด้านหน้ามีรูปทรง
คล้ายพระจันทร์เสี้ยวหรือรูปเกือกม้า
ต่อจากส่วนท้องมีหาง
ค่อนข้างกลมมนคล้ายดินสอ 
ไม่มีสันหรือหนามแหลม

เป็นสัตว์ทะเลมีพิษที่เรียกว่า
สารเตโตรโดทอกซิน Tetrodotoxin
หรือ สารแซกซิทอกซิน Saxitoxin
โดยเฉพาะในไข่ของพวกมัน
ซึ่งไม่ควรนำมาบริโภค
เพราะพิษของแมงดาทะเล
ส่งผลต่อระบบประสาท
มีอันตรายถึงชีวิต/ตายได้
.
.

.
.

แมงดาจาน/แมงดาหางเหลี่ยม
Indo-Pacific horseshoe crab,
Indonesian horseshoe crab,
Indian horseshoe crab,
Southern horseshoe crab,
Tachypleus Gigas
มีขนาดใหญ่กว่าแมงดาถ้วย 
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำตัว
ประมาณ 20-30 เซนติเมตร 
ผิวด้านบนมีสีน้ำตาลอมเขียว
ลำตัวแบนและกว้างคล้ายจาน
มีลำตัวส่วนล่าง/หางคล้ายรูปสามเหลี่ยม 
ซึ่งมีหนามแหลมเรียงชิดติดกัน
เป็นแถวคล้ายฟันเลื่อย
เป็นสัตว์ทะเลที่มีพิษไม่มากนัก 
สามารถนำไข่แมงดาจานมาบริโภคได้
ปัจจุบัน แมงดาจานมีประชากร
ลดต่ำลงอย่างมากในประเทศไทย 
ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะการสูญพันธุ์ในอนาคต

การนำแมงดาทะเลมา
ประกอบอาหารด้วยการผ่านความร้อน 
ไม่ว่าจะเป็นการต้ม การปิ้ง หรือการทอด
กรรมวิธีเหล่านี้ ไม่สามารถทำลายพิษ
ของแมงดาทะเลลงได้

ในปัจจุบัน
ยังไม่มียารักษาพิษชนิดนี้โดยเฉพาะ
ซึ่งการรักษาส่วนใหญ่ มีเพียงการนำพิษ
ออกจากร่างกายผู้ป่วยโดยตรงเท่านั้น
จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่ผู้ป่วย
ซึ่งได้รับพิษจะจบลงด้วยการเสียชีวิต

ดังนั้น การนำแมงดาทะเล
มารับประทานควรผ่าน
การปรุงจากผู้เชี่ยวชาญ

ประชาชนทั่วไปไม่ควรนำไข่แมงดา
มาปรุงรับประทานกันเอง
โดยเฉพาะในช่วงฤดูวางไข่ของพวกมัน
ซึ่งไข่ของแมงดาทะเล
มีการสะสมสารพิษสูงสุด
.

.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่