3 กลไกสากล เคยเตือนแล้ว! นักกฎหมายถอดบทเรียน ‘ตากใบ’ ซ้อมทรมาน ‘ต้องไม่มีอายุความ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866862
3 กลไกสากล เตือนแล้วเตือนอีก! นักกฎหมายถอดบทเรียน ‘ตากใบ’ ซ้อมทรมาน-อุ้มหายต้องแก้ไข ‘ไม่มีอายุความ’
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น.
คาเทีย คริริซซี (Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
เวลา 18.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาในหัวข้อ ‘
ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘ โดย นาย
ฝาซี ล่าเต๊ะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, นาย
อัครชัย ชัยมณีการเกษ หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศและนโยบาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, น.ส.
สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจาก คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), นาย
อูเซ็ง ดอเลาะ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จ.นราธิวาส และ น.ส.
พรชิตา ฟ้าประทานไพร นักกิจกรรมเยาวชนชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
ด้าน น.ส.
สัณหวรรณ นักกฎหมายจาก ICJ ชี้ว่า ทุกกลไก ให้ข้อเสนอแนะด้านสิทธิมนุษยชนกับไทย หลายข้อเสนอแนะในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยจากคำมั่นสัญญาของไทย ในการเข้าเป็นคณะมนตรีฯ บอกว่า จะนำข้อเสนอแนะที่ได้ ทั้งจากกลไกภายใต้สนธิสัญญา, กลไกพิเศษ รวมถึง UPR (กระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ภายใต้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ) มาปฏิบัติ ซึ่ง UPR ก็เป็นหนึ่งในกลไกของยูเอ็น ด้วย
ตนจึงอยากมาช่วยย้ำเตือนว่าทั้ง 3 กลไก เคยให้ข้อเสนอแนะอะไรกับไทยไว้บ้าง อย่างแรก ‘
เรื่องตากใบ และ การลอยนวลพ้นผิด’ ซึ่งกลไกพิเศษ ถูกตั้งโดยคณะมนตรีฯ (OHCHR) โดยตรง พอถึงรอบ (ของการเป็นสมาชิก OHCHR) ไทยก็จะต้องออกมาเป็นคนตั้งกลไกเหล่านี้ เมื่อวานกลไกพิเศษ ก็เพิ่งออกประเด็น ‘คดีตากใบ’ แสดงความกังวลเรื่องอายุความ ว่าไม่สามารถนำมาปฏิเสธความยุติธรรมในกระบวนการได้ โดยเน้นย้ำด้วยว่าการสอบสวน กำหนดโทษ และเยียวยา ไม่อาจหยุดลงเพียงเพราะครบ 20 ปี
นอกจากนั้น ความล้มเหลวในการนำตัวคนผิดมาเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งนับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งยังเสนอให้แก้ไขอายุความ การซ้อมทรมานไม่ควรมีอายุความ รวมถึงกรณีสูญหาย ที่อายุความไม่ควรจำเพาะเจาะจง ซึ่งพูดไว้ชัด
กรณีลักษณะนี้ไม่ได้มีแค่กลไกพิเศษ ที่พูดมื่อวานนี้ ยังมีกลไกตามอนุสัญญา Treaty Bodies ที่เรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิก การควบคุมตัวภายใต้กฎหมายพิเศษ ในบริบทดังกล่าวก็มีการบอกว่า ได้รับรายงานว่า ‘ไทยมีการปฏิบัติที่โหดร้าย บังคับให้สูญหายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้’ โดยไม่มีผู้มารับโทษ รวมถึงสืบสวนคดีล่าช้า ซึ่งเคยเสนอไทยตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้ว
“
เสนอว่า ถ้าไทยสืบสวนสอบสวนทันที และตราข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะกระทำโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หรือกองทัพ ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามบทลงโทษที่เหมาะสม แต่ผ่านไป 6-8 ปี ยังต้องมานั่งนับถอยหลัง คดีตากใบ”
ตัวอย่างเช่น เมื่อ 10 ปีที่แล้วพูดถึงผลกระทบเชิงลบจากโครงการขนาดใหญ่ ชี้ว่ามีปัญหาเกือบทุกโครงการ เข้าถึงข้อมูลอย่างจำกัด และไม่รอบด้าน ทั่วถึง รวมถึงเสนอให้รัฐ ยึดหลักสิทธิมนุษยชนในการพัฒนา เพื่อไม่ให้เกิดการตัดสินใจที่กระทบ” น.ส.สั
ณหวรรณกล่าว
น.ส.
สัณหวรรณกล่าวอีกด้วยว่า กลไกพิเศษ (กลไกวิธีพิจารณาวิสามัญ Special Procedures) แสดงความกังวลเรื่อง การขับไล่ชนกลุ่มน้อยชาวอีสาน อุทยานแห่งชาติไทรทอง รวมถึงกรณีเขื่อนแก่งกระจาน ที่ขาดการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในการกำหนดกระบวนการ จัดการพื้นที่ป่า
น.ส.สัณหวรรณกล่าวทิ้งท้ายว่า สรุปข้อเสนอแนะ ในเรื่องวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด ในบริบท 3 จังหวัดชายแดนใต้คือ
1. แก้ไขกฎหมายที่เอื้อให้ไม่อาจรับผิด ซึ่งเราถูกคอมเมนต์โดยสหประชาชาติหลายรอบแล้ว ต้องแก้ไข แต่ยังไมได้แก้
2. แก้ไขอุปสรรคในการแสวงหาความยุติธรรม (แก้ไขเรื่องอายุความ)
3. พัฒนากระบวนการสอบสวน ให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
น.ส.
สัณหวรรณกล่าวต่อว่า ในเรื่องที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ มีข้อเสนอแนะให้
1. ประกันการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ในการตัดสินใจเรื่องการจัดการทรัพยากรและพื้นที่
2. ปรับปรุงกฎหมายที่ดิน ให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
3. ปรับปรุงแนวทางการพัฒนา โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนเป็นศูนย์กลาง
“ที่ผ่านมา ไทยมีความพยายาม แต่ลงไปในพื้นที่แล้วมีปัญหาในเชิงการปฏิบัติ ส่วนกลไกอื่นๆ ก็มีแตกต่างกันไป ในส่วนของกลไกสนธิสัญญา ไทยก็ยังไปได้เรื่อยๆ รีพอร์ตรอบแรกกับรอบสอง คือเหมือนกันเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนว่าไทยอาจจะไม่มีความคืบหน้าเท่าไหร่ การออก พ.ร.บ.ต่างๆ ที่เอื้อการเข้าถึงสิทธิ ก็อาจได้รับความชื่นชม ในขณะที่เคสลอยนวลพ้นผิด ยังไม่ได้รับการแก้ไข” น.ส.
สัณหวรรณกล่าว
‘ศูนย์ทนายฯ’ ย้ำคำมั่นในเวทีโลก เทียบชัดๆ ‘รัฐบาลใหม่ vs บิ๊กตู่’ ยุคไหนคดีการเมืองพุ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866449
จะทำได้ไหม? ‘ศูนย์ทนาย’ ย้ำคำมั่นในเวทีโลก – เทียบชัดๆ ‘รัฐบาลใหม่ vs บิ๊กตู่’ ยุคไหนคดีการเมืองพุ่ง – ขอ 3 ข้อก่อนไทยเป็นสมาชิก UNHRC
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น. คาเทีย คริริซซี (Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
เวลา 18.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาในหัวข้อ ‘
ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘ โดย นาย
ฝาซี ล่าเต๊ะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, นาย
อัครชัย ชัยมณีการเกษ หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศและนโยบาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, น.ส.
สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจาก คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), นาย
อูเซ็ง ดอเลาะ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จ.นราธิวาส และ น.ส.
พรชิตา ฟ้าประทานไพร นักกิจกรรมเยาวชนชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
ในตอนหนึ่ง นาย
อัครชัย จากศูนย์ทนายฯ กล่าวว่า คำมั่นสัญญาของไทย มี 2 ประเด็นหลัก คือ
1. การแก้ไขกฎหมายภายในประเทศที่ไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และเอาข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ (UN) มาบังคับใช้
2. การสนับสนุนกลไกของสหประชาชาติ โดยนำมาปฏิบัติใช้ในประเทศ ซึ่งตนอยากชวนติดตามต่อไปว่า ไทยจะนำไปปฏิบัติได้หรือไม่
“
ไทยยังวิกฤตด้าน ‘สิทธิเสรีภาพแสดงออก’ ตั้งแต่รัฐประหาร 2557-2563 มี 30-40 คดี/ปี มีปรากฏการณ์การเมือง ที่คนหนุ่มสาวออกมาแสดงออก เพียง 1 ปี ในปี 2560 เพิ่มขึ้นมา 20 กว่าเท่า หรือ 120 คดี ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน เกือบ 2,000 คนถูกดำเนินคดีการเมือง กระโดดขึ้นมาถึง 614% แม้ปีที่แล้วจะมีการเลือกตั้ง แต่จำนวนข้อหาที่นำมาจำกัดสิทธิเสรีภาพ ก็ยังไม่หมดไป ตั้งแต่มีรัฐบาลใหม่ ก.ย.2566 มี 44 คดี ซึ่งเป็นคดี ม.112 ถึง 29 คดี
ข้อหาการเมืองยังเกิดขึ้นทุกเดือน ที่น่าเสียดาย ในเกือบ 2,000 มี 286 คน เป็นเด็กและเยาวชน และปัจจุบันมีกว่า 734 คดีที่ยังไม่สิ้นสุด”
“
ไม่เพียงเท่านี้ ประชาชนก็กลายเป็นนักโทษทางการเมือง จนปัจจุบันมีอย่างน้อย 37 คนที่ต้องอาศัยในเรือนจำ จากการออกมาชุมนุม และส่วนมากเป็นคดีที่ยังไม่ถึงที่สุด โดย 22 ใน 37 คน เป็นผู้ต้องขังคดี ม.112 การดำเนินคดีทางการเมือง ยังไม่หมดไป” นาย
อัครชัยกล่าว
นาย
อัครชัยกล่าวต่อว่า นับตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ไทยได้รับหนังสือจากยูเอ็น 111 ฉบับ เกี่ยวกับประเด็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและชุมนุม ซึ่งหากเราดูจากจำนวนหนังสือ จะเห็นว่าไทยมีปัญหาด้านการแสดงความเห็นเป็นอย่างมาก
โดยในปี 2564 ยูเอ็น ส่งหนังสือเตือนว่า ไทยไม่ควรใช้คดีอาญา กับการแสดงออกทางการเมือง เขียนถึงรัฐบาลไทยเรื่องความผิดยุยงปลุกปั่น ม.116 และ ม.112 รวมถึงการจับกุมตัวและสลายการชุมนุม นอกจากนี้ ล่าสุด 25 มี.ค.67 ก็ยังเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองอีกด้วย
“
เราจึงมีข้อเสนอรัฐบาลไทยว่า 1.ต้องยุติดำเนินคดีการเมือง และตรากฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2.ปล่อยตัวผู้ต้องหา และ 3.ยุติดำเนินคดี เราไม่ได้ขออะไรมากไปกว่า ที่เขาบอกว่าพร้อมจะทำอยู่แล้ว”
นายอัครชัยกล่าวต่อว่า ประเด็นการใช้ ม.112 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ มีกว่า 300 คน ซึ่งกระโดดขึ้นมาถึง 398 % และมีจำนวนคดีที่กระโดดเป็น 631% โดยในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนใหญ่ 8.30 คดี/เดือน รัฐบาลปัจจุบัน มีประมาณ 1.12 คดี/เดือน แม้จำนวนคดีจะลดลง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ คำพิพากษา คดี ม.112 ที่มากขึ้น โดยภายใน 1 ปีกว่าของรัฐบาลเพื่อไทย มี 108 คำพิพากษา มากกว่ารัฐบาลประยุทธ์ และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น จากสถิติจะพบว่าเป็นข้อท้าทาย ก่อนที่ไทยจะเข้าไปเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
“
เวลารัฐไทย อ้างเรื่องความมั่นคง คุณก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ท้าทายต่อความอยู่รอดของประเทศไทยอย่างไร ซึ่งยูเอ็นไม่เห็นว่ารัฐบาลไทยพิสูจน์สิ่งนี้ได้สำเร็จ ในปีนี้ก็ยังส่งหนังสือมาถึงไทย กรณีบัสบาส (มงคล ถิระโคตร) โดนโทษจำคุก 50 ปี มากสุดในไทย” นายอัครชัยกล่าว
นาย
อัครชัยกล่าวอีกด้วยว่า นอกจากนี้ คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ (UN WGAD) ยังออกมาความเห็น กรณี น.ส.
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ที่ถูกนำตัวไปคุมขัง ว่าขัดต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชน
“
ดังนั้น ข้อเรียกร้องของเราคือ 1.แก้ไข ม.112 ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล 2.ประกันสิทธิประกันตัว 3.ปล่อยตัวผู้ต้องหา ม.112 ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับยูเอ็น เสนอแนะ เราไม่ได้ขออะไรไปมากกว่าสิ่งที่ไทยให้คำมั่นว่าจะพร้อม ในการชิงเก้าอี้ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เราไม่ขออะไรไปมากกว่านี้เลย” นาย
อัครชัยกล่าว
JJNY : 6in1 3 กลไกสากลเคยเตือนแล้ว!│‘ศูนย์ทนายฯ’เทียบชัดๆ│ปรับเข้ม│กมธ.ร่วมประชามติจ่อถก│พิษขายรถร่วงหนัก│เวียดนามรับมือ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866862
3 กลไกสากล เตือนแล้วเตือนอีก! นักกฎหมายถอดบทเรียน ‘ตากใบ’ ซ้อมทรมาน-อุ้มหายต้องแก้ไข ‘ไม่มีอายุความ’
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น. คาเทีย คริริซซี (Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
เวลา 18.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาในหัวข้อ ‘ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘ โดย นายฝาซี ล่าเต๊ะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, นายอัครชัย ชัยมณีการเกษ หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศและนโยบาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจาก คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), นายอูเซ็ง ดอเลาะ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จ.นราธิวาส และ น.ส.พรชิตา ฟ้าประทานไพร นักกิจกรรมเยาวชนชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
ด้าน น.ส.สัณหวรรณ นักกฎหมายจาก ICJ ชี้ว่า ทุกกลไก ให้ข้อเสนอแนะด้านสิทธิมนุษยชนกับไทย หลายข้อเสนอแนะในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยจากคำมั่นสัญญาของไทย ในการเข้าเป็นคณะมนตรีฯ บอกว่า จะนำข้อเสนอแนะที่ได้ ทั้งจากกลไกภายใต้สนธิสัญญา, กลไกพิเศษ รวมถึง UPR (กระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ภายใต้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ) มาปฏิบัติ ซึ่ง UPR ก็เป็นหนึ่งในกลไกของยูเอ็น ด้วย
ตนจึงอยากมาช่วยย้ำเตือนว่าทั้ง 3 กลไก เคยให้ข้อเสนอแนะอะไรกับไทยไว้บ้าง อย่างแรก ‘เรื่องตากใบ และ การลอยนวลพ้นผิด’ ซึ่งกลไกพิเศษ ถูกตั้งโดยคณะมนตรีฯ (OHCHR) โดยตรง พอถึงรอบ (ของการเป็นสมาชิก OHCHR) ไทยก็จะต้องออกมาเป็นคนตั้งกลไกเหล่านี้ เมื่อวานกลไกพิเศษ ก็เพิ่งออกประเด็น ‘คดีตากใบ’ แสดงความกังวลเรื่องอายุความ ว่าไม่สามารถนำมาปฏิเสธความยุติธรรมในกระบวนการได้ โดยเน้นย้ำด้วยว่าการสอบสวน กำหนดโทษ และเยียวยา ไม่อาจหยุดลงเพียงเพราะครบ 20 ปี
นอกจากนั้น ความล้มเหลวในการนำตัวคนผิดมาเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งนับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งยังเสนอให้แก้ไขอายุความ การซ้อมทรมานไม่ควรมีอายุความ รวมถึงกรณีสูญหาย ที่อายุความไม่ควรจำเพาะเจาะจง ซึ่งพูดไว้ชัด
กรณีลักษณะนี้ไม่ได้มีแค่กลไกพิเศษ ที่พูดมื่อวานนี้ ยังมีกลไกตามอนุสัญญา Treaty Bodies ที่เรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิก การควบคุมตัวภายใต้กฎหมายพิเศษ ในบริบทดังกล่าวก็มีการบอกว่า ได้รับรายงานว่า ‘ไทยมีการปฏิบัติที่โหดร้าย บังคับให้สูญหายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้’ โดยไม่มีผู้มารับโทษ รวมถึงสืบสวนคดีล่าช้า ซึ่งเคยเสนอไทยตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้ว
“เสนอว่า ถ้าไทยสืบสวนสอบสวนทันที และตราข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะกระทำโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หรือกองทัพ ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามบทลงโทษที่เหมาะสม แต่ผ่านไป 6-8 ปี ยังต้องมานั่งนับถอยหลัง คดีตากใบ”
ตัวอย่างเช่น เมื่อ 10 ปีที่แล้วพูดถึงผลกระทบเชิงลบจากโครงการขนาดใหญ่ ชี้ว่ามีปัญหาเกือบทุกโครงการ เข้าถึงข้อมูลอย่างจำกัด และไม่รอบด้าน ทั่วถึง รวมถึงเสนอให้รัฐ ยึดหลักสิทธิมนุษยชนในการพัฒนา เพื่อไม่ให้เกิดการตัดสินใจที่กระทบ” น.ส.สัณหวรรณกล่าว
น.ส.สัณหวรรณกล่าวอีกด้วยว่า กลไกพิเศษ (กลไกวิธีพิจารณาวิสามัญ Special Procedures) แสดงความกังวลเรื่อง การขับไล่ชนกลุ่มน้อยชาวอีสาน อุทยานแห่งชาติไทรทอง รวมถึงกรณีเขื่อนแก่งกระจาน ที่ขาดการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในการกำหนดกระบวนการ จัดการพื้นที่ป่า
น.ส.สัณหวรรณกล่าวทิ้งท้ายว่า สรุปข้อเสนอแนะ ในเรื่องวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด ในบริบท 3 จังหวัดชายแดนใต้คือ
1. แก้ไขกฎหมายที่เอื้อให้ไม่อาจรับผิด ซึ่งเราถูกคอมเมนต์โดยสหประชาชาติหลายรอบแล้ว ต้องแก้ไข แต่ยังไมได้แก้
2. แก้ไขอุปสรรคในการแสวงหาความยุติธรรม (แก้ไขเรื่องอายุความ)
3. พัฒนากระบวนการสอบสวน ให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
น.ส.สัณหวรรณกล่าวต่อว่า ในเรื่องที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ มีข้อเสนอแนะให้
1. ประกันการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ในการตัดสินใจเรื่องการจัดการทรัพยากรและพื้นที่
2. ปรับปรุงกฎหมายที่ดิน ให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
3. ปรับปรุงแนวทางการพัฒนา โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนเป็นศูนย์กลาง
“ที่ผ่านมา ไทยมีความพยายาม แต่ลงไปในพื้นที่แล้วมีปัญหาในเชิงการปฏิบัติ ส่วนกลไกอื่นๆ ก็มีแตกต่างกันไป ในส่วนของกลไกสนธิสัญญา ไทยก็ยังไปได้เรื่อยๆ รีพอร์ตรอบแรกกับรอบสอง คือเหมือนกันเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนว่าไทยอาจจะไม่มีความคืบหน้าเท่าไหร่ การออก พ.ร.บ.ต่างๆ ที่เอื้อการเข้าถึงสิทธิ ก็อาจได้รับความชื่นชม ในขณะที่เคสลอยนวลพ้นผิด ยังไม่ได้รับการแก้ไข” น.ส.สัณหวรรณกล่าว
‘ศูนย์ทนายฯ’ ย้ำคำมั่นในเวทีโลก เทียบชัดๆ ‘รัฐบาลใหม่ vs บิ๊กตู่’ ยุคไหนคดีการเมืองพุ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866449
จะทำได้ไหม? ‘ศูนย์ทนาย’ ย้ำคำมั่นในเวทีโลก – เทียบชัดๆ ‘รัฐบาลใหม่ vs บิ๊กตู่’ ยุคไหนคดีการเมืองพุ่ง – ขอ 3 ข้อก่อนไทยเป็นสมาชิก UNHRC
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น. คาเทีย คริริซซี (Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
เวลา 18.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาในหัวข้อ ‘ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘ โดย นายฝาซี ล่าเต๊ะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, นายอัครชัย ชัยมณีการเกษ หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศและนโยบาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจาก คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), นายอูเซ็ง ดอเลาะ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จ.นราธิวาส และ น.ส.พรชิตา ฟ้าประทานไพร นักกิจกรรมเยาวชนชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
ในตอนหนึ่ง นายอัครชัย จากศูนย์ทนายฯ กล่าวว่า คำมั่นสัญญาของไทย มี 2 ประเด็นหลัก คือ
1. การแก้ไขกฎหมายภายในประเทศที่ไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และเอาข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ (UN) มาบังคับใช้
2. การสนับสนุนกลไกของสหประชาชาติ โดยนำมาปฏิบัติใช้ในประเทศ ซึ่งตนอยากชวนติดตามต่อไปว่า ไทยจะนำไปปฏิบัติได้หรือไม่
“ไทยยังวิกฤตด้าน ‘สิทธิเสรีภาพแสดงออก’ ตั้งแต่รัฐประหาร 2557-2563 มี 30-40 คดี/ปี มีปรากฏการณ์การเมือง ที่คนหนุ่มสาวออกมาแสดงออก เพียง 1 ปี ในปี 2560 เพิ่มขึ้นมา 20 กว่าเท่า หรือ 120 คดี ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน เกือบ 2,000 คนถูกดำเนินคดีการเมือง กระโดดขึ้นมาถึง 614% แม้ปีที่แล้วจะมีการเลือกตั้ง แต่จำนวนข้อหาที่นำมาจำกัดสิทธิเสรีภาพ ก็ยังไม่หมดไป ตั้งแต่มีรัฐบาลใหม่ ก.ย.2566 มี 44 คดี ซึ่งเป็นคดี ม.112 ถึง 29 คดี
ข้อหาการเมืองยังเกิดขึ้นทุกเดือน ที่น่าเสียดาย ในเกือบ 2,000 มี 286 คน เป็นเด็กและเยาวชน และปัจจุบันมีกว่า 734 คดีที่ยังไม่สิ้นสุด”
“ไม่เพียงเท่านี้ ประชาชนก็กลายเป็นนักโทษทางการเมือง จนปัจจุบันมีอย่างน้อย 37 คนที่ต้องอาศัยในเรือนจำ จากการออกมาชุมนุม และส่วนมากเป็นคดีที่ยังไม่ถึงที่สุด โดย 22 ใน 37 คน เป็นผู้ต้องขังคดี ม.112 การดำเนินคดีทางการเมือง ยังไม่หมดไป” นายอัครชัยกล่าว
นายอัครชัยกล่าวต่อว่า นับตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ไทยได้รับหนังสือจากยูเอ็น 111 ฉบับ เกี่ยวกับประเด็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและชุมนุม ซึ่งหากเราดูจากจำนวนหนังสือ จะเห็นว่าไทยมีปัญหาด้านการแสดงความเห็นเป็นอย่างมาก
โดยในปี 2564 ยูเอ็น ส่งหนังสือเตือนว่า ไทยไม่ควรใช้คดีอาญา กับการแสดงออกทางการเมือง เขียนถึงรัฐบาลไทยเรื่องความผิดยุยงปลุกปั่น ม.116 และ ม.112 รวมถึงการจับกุมตัวและสลายการชุมนุม นอกจากนี้ ล่าสุด 25 มี.ค.67 ก็ยังเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองอีกด้วย
“เราจึงมีข้อเสนอรัฐบาลไทยว่า 1.ต้องยุติดำเนินคดีการเมือง และตรากฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2.ปล่อยตัวผู้ต้องหา และ 3.ยุติดำเนินคดี เราไม่ได้ขออะไรมากไปกว่า ที่เขาบอกว่าพร้อมจะทำอยู่แล้ว”
นายอัครชัยกล่าวต่อว่า ประเด็นการใช้ ม.112 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ มีกว่า 300 คน ซึ่งกระโดดขึ้นมาถึง 398 % และมีจำนวนคดีที่กระโดดเป็น 631% โดยในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนใหญ่ 8.30 คดี/เดือน รัฐบาลปัจจุบัน มีประมาณ 1.12 คดี/เดือน แม้จำนวนคดีจะลดลง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ คำพิพากษา คดี ม.112 ที่มากขึ้น โดยภายใน 1 ปีกว่าของรัฐบาลเพื่อไทย มี 108 คำพิพากษา มากกว่ารัฐบาลประยุทธ์ และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น จากสถิติจะพบว่าเป็นข้อท้าทาย ก่อนที่ไทยจะเข้าไปเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
“เวลารัฐไทย อ้างเรื่องความมั่นคง คุณก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ท้าทายต่อความอยู่รอดของประเทศไทยอย่างไร ซึ่งยูเอ็นไม่เห็นว่ารัฐบาลไทยพิสูจน์สิ่งนี้ได้สำเร็จ ในปีนี้ก็ยังส่งหนังสือมาถึงไทย กรณีบัสบาส (มงคล ถิระโคตร) โดนโทษจำคุก 50 ปี มากสุดในไทย” นายอัครชัยกล่าว
นายอัครชัยกล่าวอีกด้วยว่า นอกจากนี้ คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ (UN WGAD) ยังออกมาความเห็น กรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ที่ถูกนำตัวไปคุมขัง ว่าขัดต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชน
“ดังนั้น ข้อเรียกร้องของเราคือ 1.แก้ไข ม.112 ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล 2.ประกันสิทธิประกันตัว 3.ปล่อยตัวผู้ต้องหา ม.112 ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับยูเอ็น เสนอแนะ เราไม่ได้ขออะไรไปมากกว่าสิ่งที่ไทยให้คำมั่นว่าจะพร้อม ในการชิงเก้าอี้ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เราไม่ขออะไรไปมากกว่านี้เลย” นายอัครชัยกล่าว