จบ 2 ทศวรรษคดีตากใบ 'ไม่มีจำเลยมามอบตัวหรือถูกจับกุม'
https://prachatai.com/journal/2024/10/111178
สิ้นสุด 20 ปีคดีตากใบ ไม่มีใครมามอบตัว และตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้เลยทั้ง 14 ราย
26 ต.ค. 2567 สื่อ
ทูเดย์ The matter และ
The reporters รายงานวันนี้ (26 ต.ค.) เวลาประมาณ 00.01 น. ไม่มีจำเลยมามอบตัวและตำรวจไม่สามารถจับกุมจำเลยทั้ง 14 คนมาดำเนินคดี เหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และนำมาสู่การเสียชีวิตระหว่างควบคุมนำตัวไปสอบสวนที่ค่ายทหาร อิงคยุทธบริหาร รวมทั้งสิ้น 85 ราย เมื่อ 25 ต.ค. 2567 และตอนนี้คดีได้สิ้นอายุความแล้ว หลังผ่านมา 2 ทศวรรษ
สำหรับกระบวนการหลังจากนี้
รัษฎา มนูรัษฎา หนึ่งในทีมทนายความฝ่ายโจทก์ของคดีตากใบ เคยให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า หากไม่มีจำเลยมามอบตัวหรือถูกจับกุมนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาล ก่อนหมดอายุความ (เวลา 23.59 น. ของวันที่ 25 ต.ค. 2567) คดีก็จะสิ้นสุดไป
ก่อนหน้านี้ได้มีแคมเปญรณรงค์ออนไลน์ change.org เมื่อ 21 ต.ค.เป็นต้นมา โดยเรียกร้องให้ต่ออายุคดีตากใบ แต่เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.)
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ระบุว่า หลังจากปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ไม่สามารถต่ออายุความได้ และได้แสดงความรู้สึกเสียใจทั้งต่อเหตุการณ์และต่อผู้ได้รับผลกระทบ
“
ตัวดิฉันเองในฐานะนายกรัฐมนตรีวันนี้ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แล้วก็ต้องขอโทษในนามของรัฐบาลด้วย จะทำให้ดีที่สุด และไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”
แพทองธาร กล่าว
จุดเริ่มต้นคดีตากใบ ย้อนไปเมื่อ 25 ต.ค. 2547 ประชาชนนับพันคนได้มาชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. ที่ถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทำปืนของราชการสูญหาย ซึ่งต่อมา ได้มีการสลายการชุมนุม และปะทะกัน จนทำให้ประชาชนเสียชีวิตเบื้องต้น 7 ราย
เหตุการณ์หลังจากนั้น ผู้ชุมนุมที่เหลือได้ถูกจับกุมโดยเอามือไพล่หลัง และเท้า ก่อนถูกเรียงซ้อนกันแออัดบนรถบรรทุกทหาร จำนวน 25 คัน เพื่อนำตัวไปสอบสวนที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ซึ่งห่างออกไป 150 กม. ทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างการเดินทางอีก 78 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก บางรายกลายเป็นผู้พิการ ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 85 ราย
ทั้งนี้ ผลการชันสูตรพลิกศพในปี 2552 ระบุว่าผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ถูกกดทับ ขาดอาหาร-น้ำ และไตวายเฉียบพลันที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร
จำเลย 14 คนคดีตากใบ แบ่งเป็น 2 คดี คือคดีที่ญาติผู้เสียชีวิตฟ้องศาล และคดีที่อัยการเป็นผู้สั่งฟ้อง ประกอบด้วย
คดีที่ญาติผู้เสียชีวิตฟ้องศาล 9 คน แต่ศาลไม่รับฟ้อง 2 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่ 1 พล.อ.
พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4
จำเลยที่ 2 พล.ท.
สินชัย นุตสถิตย์ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 (ศาลไม่รับฟ้อง)
จำเลยที่ 3 พล.ต.
เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5
จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.
วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า
จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.
มาโนช ไกรวงศ์ ยศขณะนั้นในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.
ศักดิ์สมหมาย พุทธกุล อดีตผู้กำกับการ สภ.ตากใบ
จำเลยที่ 7 พ.ต.อ.
ภักดี ปรีชาชน อดีตรองผู้กำกับการ สภ.ตากใบ
จำเลยที่ 8 นาย
ศิวะ แสงมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
จำเลยที่ 9 นาย
วิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส (ศาลไม่รับฟ้อง)
ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1, 3 – 6, และ 8 – 9 มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น (มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83) ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น (มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 83) และข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย (มาตรา 310 วรรคสองประกอบมาตรา 290 และมาตรา 83)
คดีที่อัยการสั่งฟ้อง 8 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
ผู้ต้องหาที่ 1 พล.อ.
เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ในฐานะผู้สั่งการ
ผู้ต้องหาที่ 2 ร.ต.
ณัฐวุฒิ เลื่อมใส พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 3
วิษณุ เลิศสงคราม พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 4 ร.ท.
วิสนุการณ์ ชัยสาร ร.น. พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 5
ปิติ ญาณแก้ว พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 6 พ.จ.ต.
รัชเดช หรือ
พิทักษ์ ศรีสุวรรณ พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 7 พ.ท.
ประเสริฐ มัทมิฬ ผู้ควบคุมขบวนรถ
ผู้ต้องหาที่ 8 ร.ท.
ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์ พลขับ
แอมเนสตี้ฯ ลั่น ‘คดีตากใบ’ ต้องไม่จบแค่นี้ ฝาก 4 ข้อหยุดลอยนวล จี้ ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866086
แอมเนสตี้ฯ ลั่น ‘คดีตากใบ’ ต้องไม่จบแค่นี้ ฝาก 4 ข้อหยุดลอยนวล จี้ ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น. คาเทีย คริริซซี ( Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
เวลา 18.55 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาในหัวข้อ ‘
ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘ โดย นาย
ฝาซี ล่าเต๊ะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, นาย
อัครชัย ชัยมณีการเกษ หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศและนโยบาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, น.ส.
สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจาก คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), นาย
อูเซ็ง ดอเลาะ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จ.นราธิวาส และ น.ส.
พรชิตา ฟ้าประทานไพร นักกิจกรรมเยาวชนชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
ในตอนหนึ่ง นาย
ฝาซี จากแอมเนสตี้ฯ กล่าวว่า ในช่วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พบว่า มีการชุมนุมทางการเมืองลดลง แต่อาจสัมพันธ์กับการฟ้องคดีที่มากขึ้น ในขณะที่ไทยได้ให้คำมั่นสัญญา ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก UNHRC (เมื่อ 4 ก.ย.2567) เอาไว้ว่า
“
เราจะดำเนินการต่อไปและทำงานร่วมกับพันธมิตรของเรา ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและปกป้องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง”
นาย
ฝาซีกล่าวต่อว่า แต่ไทยยังอ้างเรื่องความมั่นคง และความสงบเหมือนเดิม ทั้งนี้ การใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังคงเป็นปัญหาในไทย โดยมีช่องว่างที่ทำให้ใครก็สามารถฟ้องได้ คนที่ถูกคุมขังด้วย คดี ม.112 มีกว่า 27 คดี หรือเกินครึ่งของผู้ต้องหาการเมืองที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในปัจจุบัน
นานาประเทศก็แสดงข้อกังวล และให้ 12 ข้อเสนอแนะ ที่ไทยได้ ‘เทคโน้ต’ (take note) ซึ่งเป็นเพียงการรับทราบ ไม่ได้หมายความว่ารับไปปฏิบัติ ‘
บัสบาส’ พ่อค้าเสื้อมือสอง ซึ่งแสดงความเห็นในโลกออนไลน์ ถูกฟ้องคดี 50 กว่าปี , ทนายอานนท์ นำภา ถูกฟ้อง 14 คดี คิดจากโทษสูงสุด 15 ปีหากนำมาคูณ คือเกือบ 200 ปี ถ้ามีการลงความเห็นในทุกคดี
นาย
ฝาซีกล่าวว่า ประเทศไทย ในมุมเสรีภาพในการแสดงออก ยังคงมีกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ รวมถึง ม.116 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือแม้แต่ พ.ร.บ.ชุมนุม ส่วนตัวมีข้อสังเกตที่ย่อยไปกว่านั้น นอกจากเนื้อหาของกฎหมายแล้ว ความซื่อตรงของเจ้าพนักงานในการใช้กฎหมาย ก็ยังเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตาม กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR ด้วย
นาย
ฝาซีกล่าวต่อไปว่า ก้าวแรกของรัฐบาลไทย เรามีข้อเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิก หรือแก้ไขชุดกฎหมายความมั่นคง ให้สอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน
2. เร่งผ่าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ยุติการดำเนินดีทางการเมือง และปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข
3. รัฐบาลต้องยุติการดำเนินคดีต่อเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยทันที และไม่มีเงื่อนไข
4. ตั้งคณะกรรมสืบสวนการใช้กำลัง ในการสลายชุมนุมในช่วงปี 2563-2565 และออกคำสั่งเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย รวมถึงแก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุม
นาย
ฝาซี ชี้ว่า กว่า 4,000 ครั้งที่มีการชุมนุมในช่วงปี 2563-2565 มีการสลายม็อบรุนแรงถึง 74 ครั้ง และข้อมูลจากม็อบดาต้า มีเด็ก 604 คนได้รับบาดเจ็บ มีคนเสียดวงตา อย่าง พายุ ดาวดิน (นายพายุ บุญโสภณ) และลูกนัท (นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย) และมีผู้เสียชีวิตจากสลายชุมนุมอย่างเช่น ด.ช.วาฤทธิ์ สมน้อย และ คุณมานะ หงษ์ทอง ที่ถูกยิงท้ายทอย ปัจจุบันเสียชีวิตและยังไม่มีการนำคนผิดมาลงโทษ
“
เป็นวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดในไทย ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก คดีตากใบ คงต้องมีมาตรการอื่นต่อไป ต้องไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้” นาย
ฝาซีกล่าว
ผู้แทน OHCHR ชี้จุดที่ไทยยังสอบไม่ผ่าน-โอกาสแสดงความเป็น ผู้นำอาเซียน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866022
ผู้แทน OHCHR ชี้จุดที่ไทยยังสอบไม่ผ่าน – โอกาสแสดงความเป็น ‘ผู้นำอาเซียน‘
ผู้แทน OHCHR ชี้ จุดบกพร่องไทย – โอกาสแสดงความเป็น ‘ผู้นำ’ อาเซียน – เตือนความท้าทายที่ต้องเจอ ในที่นั่ง ‘คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชนะ ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น. คาเทีย คริริซซี (Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
คาเทียกล่าวว่า ขอแสดงความยินดี ที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ไทยเองก็ได้ให้คำมั่นในการเคารพสิทธิมนุษยชน ทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติ จึงเป็นโอกาสที่ไทย จะแสดงภาวะความเป็นผู้นำ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่
JJNY : 'ไม่มีจำเลยมามอบตัวหรือถูกจับกุม'│‘คดีตากใบ’ต้องไม่จบแค่นี้│ผู้แทนOHCHR ชี้จุดที่ไทยยังสอบไม่ผ่าน│ชี้ 4วันอันตราย
https://prachatai.com/journal/2024/10/111178
สิ้นสุด 20 ปีคดีตากใบ ไม่มีใครมามอบตัว และตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้เลยทั้ง 14 ราย
26 ต.ค. 2567 สื่อ ทูเดย์ The matter และ The reporters รายงานวันนี้ (26 ต.ค.) เวลาประมาณ 00.01 น. ไม่มีจำเลยมามอบตัวและตำรวจไม่สามารถจับกุมจำเลยทั้ง 14 คนมาดำเนินคดี เหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และนำมาสู่การเสียชีวิตระหว่างควบคุมนำตัวไปสอบสวนที่ค่ายทหาร อิงคยุทธบริหาร รวมทั้งสิ้น 85 ราย เมื่อ 25 ต.ค. 2567 และตอนนี้คดีได้สิ้นอายุความแล้ว หลังผ่านมา 2 ทศวรรษ
สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ รัษฎา มนูรัษฎา หนึ่งในทีมทนายความฝ่ายโจทก์ของคดีตากใบ เคยให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า หากไม่มีจำเลยมามอบตัวหรือถูกจับกุมนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาล ก่อนหมดอายุความ (เวลา 23.59 น. ของวันที่ 25 ต.ค. 2567) คดีก็จะสิ้นสุดไป
ก่อนหน้านี้ได้มีแคมเปญรณรงค์ออนไลน์ change.org เมื่อ 21 ต.ค.เป็นต้นมา โดยเรียกร้องให้ต่ออายุคดีตากใบ แต่เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ระบุว่า หลังจากปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ไม่สามารถต่ออายุความได้ และได้แสดงความรู้สึกเสียใจทั้งต่อเหตุการณ์และต่อผู้ได้รับผลกระทบ
“ตัวดิฉันเองในฐานะนายกรัฐมนตรีวันนี้ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แล้วก็ต้องขอโทษในนามของรัฐบาลด้วย จะทำให้ดีที่สุด และไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” แพทองธาร กล่าว
จุดเริ่มต้นคดีตากใบ ย้อนไปเมื่อ 25 ต.ค. 2547 ประชาชนนับพันคนได้มาชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. ที่ถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทำปืนของราชการสูญหาย ซึ่งต่อมา ได้มีการสลายการชุมนุม และปะทะกัน จนทำให้ประชาชนเสียชีวิตเบื้องต้น 7 ราย
เหตุการณ์หลังจากนั้น ผู้ชุมนุมที่เหลือได้ถูกจับกุมโดยเอามือไพล่หลัง และเท้า ก่อนถูกเรียงซ้อนกันแออัดบนรถบรรทุกทหาร จำนวน 25 คัน เพื่อนำตัวไปสอบสวนที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ซึ่งห่างออกไป 150 กม. ทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างการเดินทางอีก 78 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก บางรายกลายเป็นผู้พิการ ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 85 ราย
ทั้งนี้ ผลการชันสูตรพลิกศพในปี 2552 ระบุว่าผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ถูกกดทับ ขาดอาหาร-น้ำ และไตวายเฉียบพลันที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร
จำเลย 14 คนคดีตากใบ แบ่งเป็น 2 คดี คือคดีที่ญาติผู้เสียชีวิตฟ้องศาล และคดีที่อัยการเป็นผู้สั่งฟ้อง ประกอบด้วย
คดีที่ญาติผู้เสียชีวิตฟ้องศาล 9 คน แต่ศาลไม่รับฟ้อง 2 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่ 1 พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4
จำเลยที่ 2 พล.ท.สินชัย นุตสถิตย์ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 (ศาลไม่รับฟ้อง)
จำเลยที่ 3 พล.ต.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5
จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า
จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ยศขณะนั้นในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกุล อดีตผู้กำกับการ สภ.ตากใบ
จำเลยที่ 7 พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน อดีตรองผู้กำกับการ สภ.ตากใบ
จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
จำเลยที่ 9 นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส (ศาลไม่รับฟ้อง)
ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1, 3 – 6, และ 8 – 9 มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น (มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83) ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น (มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 83) และข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย (มาตรา 310 วรรคสองประกอบมาตรา 290 และมาตรา 83)
คดีที่อัยการสั่งฟ้อง 8 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
ผู้ต้องหาที่ 1 พล.อ. เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ในฐานะผู้สั่งการ
ผู้ต้องหาที่ 2 ร.ต. ณัฐวุฒิ เลื่อมใส พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 3 วิษณุ เลิศสงคราม พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 4 ร.ท. วิสนุการณ์ ชัยสาร ร.น. พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 5 ปิติ ญาณแก้ว พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 6 พ.จ.ต. รัชเดช หรือพิทักษ์ ศรีสุวรรณ พลขับ
ผู้ต้องหาที่ 7 พ.ท. ประเสริฐ มัทมิฬ ผู้ควบคุมขบวนรถ
ผู้ต้องหาที่ 8 ร.ท. ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์ พลขับ
แอมเนสตี้ฯ ลั่น ‘คดีตากใบ’ ต้องไม่จบแค่นี้ ฝาก 4 ข้อหยุดลอยนวล จี้ ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866086
แอมเนสตี้ฯ ลั่น ‘คดีตากใบ’ ต้องไม่จบแค่นี้ ฝาก 4 ข้อหยุดลอยนวล จี้ ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น. คาเทีย คริริซซี ( Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
เวลา 18.55 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาในหัวข้อ ‘ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชน ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘ โดย นายฝาซี ล่าเต๊ะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, นายอัครชัย ชัยมณีการเกษ หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศและนโยบาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจาก คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), นายอูเซ็ง ดอเลาะ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จ.นราธิวาส และ น.ส.พรชิตา ฟ้าประทานไพร นักกิจกรรมเยาวชนชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
ในตอนหนึ่ง นายฝาซี จากแอมเนสตี้ฯ กล่าวว่า ในช่วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พบว่า มีการชุมนุมทางการเมืองลดลง แต่อาจสัมพันธ์กับการฟ้องคดีที่มากขึ้น ในขณะที่ไทยได้ให้คำมั่นสัญญา ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก UNHRC (เมื่อ 4 ก.ย.2567) เอาไว้ว่า
“เราจะดำเนินการต่อไปและทำงานร่วมกับพันธมิตรของเรา ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและปกป้องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง”
นายฝาซีกล่าวต่อว่า แต่ไทยยังอ้างเรื่องความมั่นคง และความสงบเหมือนเดิม ทั้งนี้ การใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังคงเป็นปัญหาในไทย โดยมีช่องว่างที่ทำให้ใครก็สามารถฟ้องได้ คนที่ถูกคุมขังด้วย คดี ม.112 มีกว่า 27 คดี หรือเกินครึ่งของผู้ต้องหาการเมืองที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในปัจจุบัน
นานาประเทศก็แสดงข้อกังวล และให้ 12 ข้อเสนอแนะ ที่ไทยได้ ‘เทคโน้ต’ (take note) ซึ่งเป็นเพียงการรับทราบ ไม่ได้หมายความว่ารับไปปฏิบัติ ‘บัสบาส’ พ่อค้าเสื้อมือสอง ซึ่งแสดงความเห็นในโลกออนไลน์ ถูกฟ้องคดี 50 กว่าปี , ทนายอานนท์ นำภา ถูกฟ้อง 14 คดี คิดจากโทษสูงสุด 15 ปีหากนำมาคูณ คือเกือบ 200 ปี ถ้ามีการลงความเห็นในทุกคดี
นายฝาซีกล่าวว่า ประเทศไทย ในมุมเสรีภาพในการแสดงออก ยังคงมีกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ รวมถึง ม.116 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือแม้แต่ พ.ร.บ.ชุมนุม ส่วนตัวมีข้อสังเกตที่ย่อยไปกว่านั้น นอกจากเนื้อหาของกฎหมายแล้ว ความซื่อตรงของเจ้าพนักงานในการใช้กฎหมาย ก็ยังเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตาม กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR ด้วย
นายฝาซีกล่าวต่อไปว่า ก้าวแรกของรัฐบาลไทย เรามีข้อเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิก หรือแก้ไขชุดกฎหมายความมั่นคง ให้สอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน
2. เร่งผ่าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ยุติการดำเนินดีทางการเมือง และปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข
3. รัฐบาลต้องยุติการดำเนินคดีต่อเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยทันที และไม่มีเงื่อนไข
4. ตั้งคณะกรรมสืบสวนการใช้กำลัง ในการสลายชุมนุมในช่วงปี 2563-2565 และออกคำสั่งเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย รวมถึงแก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุม
นายฝาซี ชี้ว่า กว่า 4,000 ครั้งที่มีการชุมนุมในช่วงปี 2563-2565 มีการสลายม็อบรุนแรงถึง 74 ครั้ง และข้อมูลจากม็อบดาต้า มีเด็ก 604 คนได้รับบาดเจ็บ มีคนเสียดวงตา อย่าง พายุ ดาวดิน (นายพายุ บุญโสภณ) และลูกนัท (นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย) และมีผู้เสียชีวิตจากสลายชุมนุมอย่างเช่น ด.ช.วาฤทธิ์ สมน้อย และ คุณมานะ หงษ์ทอง ที่ถูกยิงท้ายทอย ปัจจุบันเสียชีวิตและยังไม่มีการนำคนผิดมาลงโทษ
“เป็นวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดในไทย ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก คดีตากใบ คงต้องมีมาตรการอื่นต่อไป ต้องไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้” นายฝาซีกล่าว
ผู้แทน OHCHR ชี้จุดที่ไทยยังสอบไม่ผ่าน-โอกาสแสดงความเป็น ผู้นำอาเซียน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4866022
ผู้แทน OHCHR ชี้จุดที่ไทยยังสอบไม่ผ่าน – โอกาสแสดงความเป็น ‘ผู้นำอาเซียน‘
ผู้แทน OHCHR ชี้ จุดบกพร่องไทย – โอกาสแสดงความเป็น ‘ผู้นำ’ อาเซียน – เตือนความท้าทายที่ต้องเจอ ในที่นั่ง ‘คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ‘
เนื่องด้วย ประเทศไทยได้ลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ปี 2568-2570 ซึ่งไทยจะต้องเผชิญกับบทบาทใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เราพร้อมรับมือกับความท้าทายนั้นหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ชั้น 22 The Society, Gaysorn Tower คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ประเทศไทย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จัดเวทีเสวนา ‘THAILAND: HUMAN RIGHTS COUNCIL ความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชนะ ความท้าทายที่ยังคงอยู่ของไทยในที่นั่ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC)
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้จุดท้าทาย ในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ไทยยังต้องเปลี่ยนแปลง หรือเดินหน้าต่อ
บรรยากาศเวลา 18.30 น. คาเทีย คริริซซี (Katia Chirizzi) รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กล่าวเปิดงาน
คาเทียกล่าวว่า ขอแสดงความยินดี ที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ไทยเองก็ได้ให้คำมั่นในการเคารพสิทธิมนุษยชน ทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติ จึงเป็นโอกาสที่ไทย จะแสดงภาวะความเป็นผู้นำ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่