พ่อหมอกฤตไท ลั่น อากาศสะอาดคือสิทธิ์ของทุกคน ขอประณามคนบิดเบือน-นำไปเล่นเกมการเมือง
.
.
พ่อหมอกฤตไท ลั่น อากาศสะอาดคือสิทธิ์ของทุกคน ขอประณามคนบิดเบือน-ไปเล่นเกมการเมือง
.
จากกรณีที่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ซึ่งมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธานกมธ.พิจารณาแล้วเสร็จ องค์ประชุมไม่ครบในการลงคะแนน ทำให้องค์ประชุมสภาล่มในทันที นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขณะนั้น ต้องสั่งปิดประชุมในเวลา 16.00 น. วันที่ 25 กันยายนที่ผ่าน ทำให้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากนั้น
.
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
ไทภัทร ธนสมบัติกุล บิดาของ นพ.
กฤตไท ธนสมบัติกุล เจ้าของแฟนเพจ
สู้ดิวะ โพสต์ข้อความระบุว่า
.
#สู้ดิวะ
.
อากาศสะอาด ไม่ใช่ของเล่นทางการเมือง !
.
อากาศสะอาด คือสิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่ !
.
ฟังลูกชาย เล่าถึงภัยร้ายจากฝุ่นพิษ PM2.5 แล้ว ใจหาย
.
นี่ไม่ใช่แค่ฝุ่นธรรมดา แต่มันคือ ฆาตกรเงียบ ที่แทรกซึมเข้าสู่ปอด สมอง กระดูก และทุกอวัยวะ มันกัดกินสุขภาพทีละน้อย จนต้องเผชิญความเจ็บปวดทรมาน และตายในที่สุด
.
ทุกลมหายใจที่สูดฝุ่น คือการกลืนยาพิษเข้าไปในร่างกาย
.
มันไม่เว้นว่าใครจะเป็น เด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ…ไม่มีใครหนีพ้น
.
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องรักตัวเอง และรักคนใกล้ชิดให้มากพอ
.
ที่จะไม่เพิกเฉยต่อภัยเงียบนี้อีกต่อไป
.
เราต้องลุกขึ้น ตะโกนเรียกร้องให้ได้สิทธิขั้นพื้นฐานในการมี “อากาศสะอาด” ไว้หายใจ
.
นี่ไม่ใช่เรื่องของพรรค ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ของใคร แต่มันคือสิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่ของเราทุกคน !
.
ประเทศไทยต้องมี พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่บังคับใช้ได้จริง ไม่ใช่เป็นแค่ตัวหนังสือที่ไร้พลัง
.
ขอย้ำว่า..อากาศสะอาด คือสิทธิ์ของทุกคน
.
ไม่ใช่เกมการเมืองของผู้ใด จงจำไว้ !
.
สุดท้าย…ขอประณามสาปแช่ง ผู้ใดที่บิดเบือน ปิดกั้น หน่วงเหนี่ยว หรือเล่นเกมการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ขอให้ผู้นั้นและคนใกล้ชิดต้องได้เผชิญชะตากรรม เฉกเช่นเดียวกับผู้ป่วยทางเดินหายใจ ทีเจ็บปวด ทรมาน และสิ้นใจไปท่ามกลางอากาศพิษที่ตนเองมีส่วนร่วมก่อไว้
.
.
.
ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นห่วง 'วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ' ถูกฟ้องกรณีปลาหมอคางดำ
.
ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นว่าด้วยสถานการณ์นักปกป้องสิทธิฯ แถลงห่วงคดี “วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ” นักปกป้องสิทธิฯ ด้านสิ่งแวดล้อมถูกฟ้องกรณีต่อสู้เรื่องปลาหมอคางดำ ขณะที่เจ้าตัวขอบคุณองค์กรไทย-ต่างประเทศผลักดันประเด็นการฟ้องปิดปากเป็นกรณีสาธารณะพร้อมชวนติดตามการพิจารณาคดีใกล้ชิด ด้าน PI ชี้คดีนี้คือบททดสอบรัฐบาลไทยและบริษัทเอกชนจะปฏิบัติตามพันธกรณีด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนหรือไม่
.
องค์กร Protection International รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 25668 ที่ผ่านมาผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชน แมรี่ ลอว์เลอร์ (Mary Lawlor) ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อกรณีที่วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร ถูกอัยการสั่งฟ้องในคดีหมิ่นประมาท โดยได้เผยแพร่ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (Twitter), Facebook และ Bluesky
.
แมรี่ ลอว์เลอร์ ระบุว่า “ดิฉันได้ยินข่าวที่น่ากังวลจากประเทศไทย ที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชน วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ถูกฟ้องเมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันกังวลว่าข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลอาจเป็นการตอบโต้ต่อการทำงานของเขาในด้านสิทธิชุมชนและความมั่นคงทางอาหาร และดิฉันจะติดตามอย่างใกล้ชิดในการพิจารณาคดีครั้งแรกของเขาในวันที่ 22 ตุลาคมนี้”
.
โดยโพสต์บนแพลตฟอร์ม X (Twitter) ได้แท็กไปยังสำนักงานผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เพื่อให้รัฐบาลไทยรับทราบและดำเนินการตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน
.
สำหรับที่มาของคดีดังกล่าวนี้มีต้นตอมาจากเวทีวิชาการสาธารณะเรื่อง “หายนะสิ่งแวดล้อม กรณีปลาหมอคางดำ” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 โดยมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ และเชื่อมโยงกับฟาร์มยี่สารของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ในจังหวัดสมุทรสงคราม
.
ต่อมา บริษัท CPF ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ BIOTHAI จำนวน 2 คดี โดยกล่าวหาว่าข้อมูลที่เผยแพร่เป็นเท็จและทำให้บริษัทเสียหาย กระทั่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 อัยการมีคำสั่งฟ้องนายวิฑูรย์ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และได้ส่งฟ้องทั้งสองคดีต่อศาลเรียบร้อยแล้ว
.
นักปกป้องสิทธิฯ ขอบคุณหลายองค์กรผลักดันประเด็น SLAPP จนยูเอ็นหยิบยกขึ้นพิจารณา จับตากลไกยุติธรรมไทยปกป้องสิทธิประชาชนได้หรือไม่
.
ขณะที่วิฑูรย์กล่าวแสดงความขอบคุณต่อหลายองค์กร ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่ร่วมกันผลักดันให้กรณีการฟ้องปิดปาก (SLAPP) กลายเป็นประเด็นที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้ความสนใจ พร้อมทั้งแสดงความคาดหวังว่าการที่ยูเอ็นยกเรื่องนี้ขึ้นมา จะทำให้ประเทศไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า กลไกยุติธรรมจะสามารถคุ้มครองและปกป้องสิทธิของประชาชนได้จริงหรือไม่
.
ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร ระบุเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวน่าจะทำให้หลายประเทศและประชาคมโลกหันมาสนใจและติดตามการพิจารณาคดีในประเทศไทยมากขึ้น และยังแสดงความหวังว่าประเทศไทยจะพัฒนากลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้คดีความเป็นเครื่องมือปิดปากหรือขัดขวางการทำงานของประชาชนที่ลุกขึ้นมาปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศ
.
เสียงจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน
.
ปรานม สมวงศ์ จากองค์กรโพรเทคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (PI Thailand) อธิบายว่า คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้จัดตั้งกลไกผู้รายงานพิเศษว่าด้วยสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ปี 2000 และเพิ่งได้รับการต่ออายุล่าสุดในปี 2020 ตามมติ 43/115 และมติ 43/16 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้รัฐบาล บริษัทเอกชน และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเข้าใจบทบาทและความสำคัญของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงรูปแบบการคุ้มครองที่จำเป็น
.
ตัวแทนจากจากองค์กรโพรเทคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (PI Thailand ) กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีต่อวิฑูรย์เป็นการทดสอบว่า รัฐบาลไทยและบริษัทเอกชนจะปฏิบัติตามพันธกรณีเหล่านี้หรือไม่ ไม่ใช่เพียงเพื่อคุ้มครองสิทธิของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน แต่เพื่อยืนยันสิทธิในการปกป้องสิทธิมนุษยชนของทุกคน”
.
กรอบสิทธิมนุษยชนและข้อกังวล
.
องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศมองว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างของการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทเชิงยุทธศาสตร์ (SLAPP) ที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออก โดยการดำเนินคดีมีเป้าหมายเพื่อข่มขู่และปิดปากนักปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่ตรวจสอบผลกระทบของบรรษัทขนาดใหญ่ต่อระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหาร
.
นอกจากนี้ คดีดังกล่าวยังสะท้อนถึงปัญหาการไม่ปฏิบัติตาม หลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) ซึ่งกำหนดให้บริษัทเอกชนต้องเคารพสิทธิมนุษยชน และให้รัฐมีหน้าที่คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากการถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมาย โดยกรณีนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการคุกคามปัจเจกบุคคล แต่ยังบั่นทอนกลไกการตรวจสอบสาธารณะ และเป็นภัยต่อความรับผิดชอบของรัฐและภาคธุรกิจในสังคมประชาธิปไตย
ข่าว
.
.
ฝนถล่มโคราชทั้งคืน น้ำท่วมปราสาทหินพิมาย ตลาดสด ประชาชนต้องเดินลุยน้ำซื้อสินค้า
https://www.matichon.co.th/region/news_5385979
.
ฝนถล่มโคราชทั้งคืน น้ำท่วมขังปราสาทหินพิมาย ตลาดสด ประชาชนต้องเดินลุยน้ำซื้อสินค้า
.
เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา วันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีน้ำท่วมหลายพื้นที่ใน อ.พิมาย อย่างเช่น บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย (ปราสาทหินพิมาย) พบว่า หลังฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืน ทำให้มีน้ำท่วมขังจำนวนมากภายในบริเวณอุทยานฯ โดยระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร ครอบคลุมทั้งพื้นที่ไม่สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมความสวยงามของปราสาทหินพิมายได้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ต้องนำเครื่องสูบน้ำมาสูบระบายน้ำออกจากบริเวณอุทยานฯ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำแช่ขังนานจนทำให้ฐานรากปราสาทและสิ่งปลูกสร้างโบราณทรุดตัว
.
ในขณะเดียวกัน เช้าวันที่ 27 กันยายน ที่ ตลาดพิมายเมืองใหม่ ม.14 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา มีน้ำท่วมขังรอระบายเช่นกัน หลังจากช่วงกลางดึกเจอฝนถล่มตลอดทั้งคืน ทำให้น้ำระบายลงท่อระบายน้ำไม่ทัน จึงท่วมขังสูงกว่า 30-40 เซนติเมตร และเช้าวันนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น น้ำท่วมขังเริ่มลดลง ระดับน้ำเหลืออยู่ที่ 10-20 เซนติเมตร พ่อค้าแม่ค้าพากันเดือดร้อนหนัก เพราะต้องยกสินค้าขึ้นที่สูงตั้งแต่ช่วงกลางดึก เพื่อไม่ให้สินค้าเสียหาย
จนถึงตอนเช้าระดับน้ำยังลดลงค่อนข้างช้า ทำให้ต้องยืนแช่น้ำขายของกันแทบทุกร้าน อย่างเช่น ร้าน หจก.จงกล 1999 ซึ่งเป็นร้านขายของส่งและปลีกรายหนึ่งในตลาดพิมายเมืองใหม่ มวลน้ำได้เอ่อเข้าไปท่วมภายในร้าน ทำให้สินค้าหลายอย่างได้รับความเสียหาย ส่วนสินค้าที่เป็นพลาสติกและยกขึ้นที่สูงไม่ทัน ต้องปล่อยให้แช่น้ำ แต่ยังสามารถนำมาล้างทำความสะอาดภายหลังได้ จึงไม่เสียหายมากนัก
JJNY : ขอประณามคนบิดเบือน-นำไปเล่นเกมการเมือง│ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นห่วง'วิฑูรย์'│ฝนถล่มโคราชทั้งคืน│“บัวลอย”คร่า 10 ชีวิต
.
ฝนถล่มโคราชทั้งคืน น้ำท่วมปราสาทหินพิมาย ตลาดสด ประชาชนต้องเดินลุยน้ำซื้อสินค้า
https://www.matichon.co.th/region/news_5385979
.