JJNY : 5in1 รำลึกถึงผู้เสียชีวิต│ครป.ร่อนแถลง│พรรคประชาชาติชงตั้ง กก.อิสระ│หุ้นยังผันผวน│ยันรัสเซียส่งทหารเกาหลีเหนือรบ

ญาติๆรวมตัวที่กุโบร์ คดีตากใบวันสุดท้าย ร่วมรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ก่อนหมดอายุความ 
https://www.matichon.co.th/region/news_4865232
 
 
นราธิวาส – ขีดเส้นตายวันสุดท้ายก่อนหมดอายุความคดีตากใบ ญาติร่วมเดินทางรำลึกผู้เสียชีวิตที่กุโบร์ ส่วนผู้กำกับตากใบยังลงพื้นที่ทำความเข้าใจ เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม หวั่นมือที่ 3 นำประเด็นไปบิดเบือน

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีการสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นวันสุดท้ายที่ศาล จ.นราธิวาส ได้ออกหมายจับจำเลย 6 คน และหมายเรียกอีก 1 คน รวมเป็น 7 คน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ซึ่งวันนี้ถือว่า เป็นวันหมดอายุความครบ 20 ปี ที่จำเลยทั้ง 7 หลบหนีหมายจับ และชาวบ้านที่ยื่นฟ้องทั้งหมดได้มีการเรียกร้องให้เข้ามอบตัวสู้คดี และในวันที่ 28 ตุลาคม 2567  ศาล จ.นราธิวาส จะมีการจำหน่ายคดีนั้น

ความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.นราธิวาส ตลอดทั้งวันในวันนี้ ก่อนที่คดีนี้จะหมดอายุความในเวลาเที่ยงคืนนี้ จากการตระเวนตรวจสอบความเคลื่อนไหว พบว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีชาวบ้านและเครือญาติที่เป็นโจทก์ฟ้อง จำเลยทั้ง 7 คน ประกอบด้วย จำเลยที่ 1.พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำเลยที่ 3 พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำเลยที่ 9 นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส

เริ่มต้นด้วยตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 10.00 น. ได้มีกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ อ.ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547
จำนวนกว่า 150 คน ได้เดินทางไปรวมตัวกันที่อนุสรณ์สถานกุโบร์บ้านตาโละมาเนาะ ม.1 ต.ตาโละมาเนาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นสุสานของผู้เสียชีวิต ที่พิสูจน์ตัวตนไม่ได้ ซึ่งยังมีอีกประมาณ 22 คน และญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 85 คน ได้มาร่วมละหมาดฮายัต และอ่านอัลกุรอ่าน เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในโอกาสที่ครบรอบ 20 ปี ในวันนี้ ญาติยังมีความหวังที่จะได้รับความยุติธรรมอยู่

ด้าน นายมูฮัมหมัดซาวาวี อุเซ็ง 1 ในผู้ร่วมเดินทางไปรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ที่อนุสรณ์สถานกุโบร์บ้านตาโละมาเนาะ เปิดเผยว่า ส่วนในเรื่องของคดี ก็ถ้าจะพูดถึงความรู้สึก ก็หาผู้กระทำผิดไม่ได้ ชาวบ้านก็รู้สึกผิดหวังในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีคนกระทำความผิดแล้วศาลออกหมายจับไปแล้ว แต่ด้วยเพราะอายุความที่เหลือจะหมดอายุความในวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับจำเลยได้ ทำให้รู้สึกว่าภาครัฐไม่ได้อำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นจริงในการปฏิบัติหน้าที่ การสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ญาติผู้เสียชีวิตรอคอยความยุติธรรมในกระบวนการเป็นโจทก์ฟ้องในคดีดังกล่าว แต่ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่เองหลังจากที่ศาลออกหมายเรียกและออกหมายจับแต่ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าผิดถูกหรือไม่

ในส่วนของ พ.ต.อ.ศุภชัช ณ พัทลุง ผกก.สภ.ตากใบ ก็ยังคงลงพื้นที่ต่อเนื่อง ในการสร้างความเข้าใจกับผู้นำศาสนาและชาวบ้าน ซึ่งในวันนี้ได้เดินทางมาร่วมละหมาด ที่มัสยิดอุลลียะห์ บ้านปูลานิบง ม.2 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ เพื่อถือโอกาสสร้างความเข้าใจกับมวลชน ในเรื่องราวข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มมวลชนส่วนใหญ่ได้ทราบข่าวสารจากการบอกเล่าหรือพูดต่อๆ กันไปจากปากต่อปาก ที่มีข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน มีความสุ่มเสี่ยงที่กลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงนำไปประเด็นในการเคลื่อนไหวบิดเบี่ยงและใส่ร้ายเจ้าหน้าที่รัฐได้ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม พ.ต.อ.ศุภชัช ผกก.สภ.ตากใบ จึงได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับมวลชนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ามีผลบรรลุตามเป้าหมายที่กลุ่มสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่สามารถนำไปเป็นประเด็นเคลื่อนไหวบิดเบือนได้ในระดับหนึ่ง
 


ครป.ร่อนแถลง จี้เร่งล่าผู้ต้องหา ‘คดีตากใบ’ ยันอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ‘ไม่มีอายุความ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4864902
 
ครป. ร่อนแถลงจี้ล่าผู้ต้องหา ‘คดีตากใบ’ ยันอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ‘ไม่มีอายุความ’ หวังเห็นรัฐสมานบาดแผลคนพื้นที่

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลกระตือรือร้นในการนำตัวผู้ต้องหากรณีตากใบมาดำเนินคดี และหยุดใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาชายแดนใต้

นายเมธา มาสขาว รักษาการเลขาธิการ ครป. กล่าวว่า น่าเสียดายที่คดีนี้รัฐไทยปล่อยเลยมาถึง 20 ปีโดยไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่ประชาชน องค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์กรประชาชนเสนอมาโดยตลอด รวมถึงเคยมีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รัฐบาลก็ไม่เคยดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม แต่กลับสร้างความขัดแย้งและความรุนแรงสม่ำเสมอ ราวกับไม่ต้องการให้จังหวัดชายแดนภาคใต้สงบ ไม่แน่ใจว่าผลประโยชน์ทับซ้อนตกกับกลุ่มใดกันแน่

จากความขัดแย้งและความรุนแรงกรณีตากใบ ที่รัฐบาลและกองทัพสร้างขึ้น ผมอยากเห็นคำขอโทษจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เพื่อสมานบาดแผลที่ร้าวลึกในใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะจากนายกรัฐมนตรี และผู้นำเหล่าทัพ เพื่อเยียวยาคดีที่กำลังจะหมดอายุความ แต่จริงๆ แล้วในทางสากล คดีความผิดอาญาร้ายแรง อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การซ้อมทรมาน การอุ้มหาย ไม่มีอายุความ ผู้ต้องหาเดินทางไปประเทศไหนก็ลำบาก ถ้ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไม่ทำงาน กลไกของสหประชาชาติก็ต้องทำงานอยู่ดี

ผมเห็นว่ารัฐบาลควรที่จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในฐานะที่เพิ่งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ บิดาของคุณแพทองธาร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน น่าจะดำเนินการแทนกันได้อย่างสวยงาม เพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แก้ไขกฎหมาย และดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนได้ โดยเฉพาะเปลี่ยนนโยบายให้การเมืองนำการทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้และยกเลิกกฎอัยการศึกที่ล้าหลังมากๆ” นายเมธากล่าว

โดยแถลงการณ์คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ดังนี้

ขอให้รัฐบาลกระตือรือร้นในการนำตัวผู้ต้องหากรณีตากใบมาดำเนินคดีและหยุดใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาชายแดนใต้

เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 นั้น นำมาซึ่งผู้เสียชีวิต 78 คน มีผู้ถูกยิงที่ศีรษะจำนวน 5 คน ขณะที่ประชาชนที่เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากวิธีการควบคุมตัวผู้ชุมนุม โดยการมัดมือไพล่หลังและให้นอนซ้อนกันเป็นชั้นๆ บนรถบรรทุก ตลอดจนยังมีผู้ถูกควบคุมตัวบางรายที่พิการจากกรณีดังกล่าวด้วย

จนบัดนี้เป็นเวลา 20 ปีเต็มแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้สูญเสียและครอบครัวยังคงรอคอยความยุติธรรมที่แท้จริง การที่คดีจะหมดอายุความโดยยังไม่มีการนำผู้ต้องหามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นอาชญากรรมโดยรัฐที่รุนแรง ไม่สามารถสร้างกระบวนการยุติธรรมให้น่าเชื่อถือและเกิดความเป็นธรรมได้ และยังขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชนสากลอย่างร้ายแรงอีกด้วย การปล่อยให้คดีหมดอายุความโดยกระบวนการยุติธรรมไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเนื่องจากการเพิกเฉยของรัฐ ยิ่งซ้ำเติมบาดแผลของความขัดแย้งที่เป็นความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ร้าวลึกลงไปยิ่งขึ้นจนยากแก่การเยียวยาแก้ไข

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดังต่อไปนี้

1) ขอให้รัฐบาลเร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาโดยเร็วที่สุด รัฐบาลจะต้องแสดงความกระตือรือร้นให้เป็นที่ประจักษ์ในการนำตัวผู้ต้องหาทุกคนมาดำเนินคดีให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเรื่องให้เกิดการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หากพบว่าหลบหนีคดีไปต่างประเทศ ทั้งนี้ คดีความเกี่ยวกับความผิดอาญาร้ายแรง เช่น อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ไม่มีกำหนดอายุความตามมาตรฐานสากล รวมถึงคดีภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ และการซ้อมทรมานด้วยเช่นกัน

2) ประเด็นสำคัญที่รัฐบาลจะต้องตระหนัก คือ การคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนหลังจากรอมา 20 ปี ไม่ใช่ประเด็นทางกฎหมายหรือโยนความผิดไปให้ผู้ชุมนุม การคืนความจริงให้กับเหยื่อผู้เสียชีวิต ญาติและครอบครัว และให้กระบวนการยุติธรรมโดยรัฐไทยซึ่งมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิประชาชนได้ทำงาน ภายใต้นโยบายของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยที่ต้องคืนความยุติธรรมให้ประชาชน ในฐานะที่หนึ่งในผู้ต้องหาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย

3) ขอให้รัฐบาลเร่งการเยียวยาผู้เสียหาย โดยอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายโดยรวดเร็ว ทั้งนี้ รวมถึงการเยียวยาทางจิตใจแก่เหยื่อและครอบครัว รวมถึงการเยียวยาทางสังคม และการแสดงความขอโทษแก่ผู้เสียหายในนามรัฐบาลและกองทัพด้วย

4) ขอให้รัฐบาลเร่งการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยแก้ไขกฎหมายให้คดีความเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงไม่มีอายุความ เยียวยาทางด้านจิตใจแก่เหยื่อและครอบครับด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงทบทวนการใช้นโยบายการทหารและกำลังทหารในการแก้ปัญหาภาคใต้ เพื่อนำไปสู่การยกเลิกกฎอัยการศึกและภาวะฉุกเฉิน โดยใช้นโยบายการเมืองภายใต้รัฐบาลพลเรือนแทน เพื่อพัฒนาพื้นที่ร่วมกันกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

5) ขอให้รัฐบาลดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ โดยรัฐบาลควรวางมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต เช่น การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การสร้างกลไกการตรวจสอบ และการส่งเสริมวัฒนธรรมสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนการนำข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระต่างๆ ซึ่งเคยดำเนินการและมีข้อเสนออย่างเป็นรูปธรรมแล้วขึ้นมาดำเนินการ

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา การอำนวยความยุติธรรม และการสร้างสันติภาพในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่การแสดงออกซึ่งความล่าช้าและไม่กระตือรือร้นอย่างเพียงพอในการนำตัวผู้ต้องหากรณีตากใบมาดำเนินคดีอาจกลายเป็นการยอมรับว่า รัฐใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาชายแดนใต้

24 ตุลาคม 2567

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่