รอมฎอน จับตาครม.วันนี้ มีวาระคดีตากใบหรือไม่ คาใจไม่ไวเหมือนจับนักกิจกรรม-ดิไอคอน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4858552
‘รอมฎอน’ ชวนจับตาประชุม ครม.วันนี้ มีวาระคดีตากใบหรือไม่ แนะรัฐบาลตอนนี้ไม่ใช่เวลาขอโทษ แต่ควรเร่งนำตัวจำเลย-ผู้ต้องหาทุกคนมาเข้ากระบวนการ เทียบคดีดังอื่นๆ ทำไมเร่งรัดดำเนินการได้รวดเร็ว
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นาย
รอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการติดตามจำเลยคดีตากใบของรัฐบาลว่า ต้องจับตาดูว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้จะมีวาระพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับคดีตากใบและสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ เพราะตอนนี้ประชาชนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิดว่าภายในระยะเวลาอีก 4 วันที่คดีจะหมดอายุความ เจ้าหน้าที่จะสามารถนำตัวจำเลย 7 คน ในคดีราษฎรเป็นผู้ฟ้องมาที่ศาลนราธิวาส และจับกุมตัวผู้ต้องหาอีก 8 คน ในคดีที่อัยการสั่งฟ้อง พร้อมทั้งนำมาส่งอัยการให้ทันฟ้องศาลหรือไม่
นาย
รอมฎอนกล่าวว่า จากการไปสังเกตการณ์คดีมาก่อนหน้านี้ ศาลนราธิวาสได้ยืนยันว่าเตรียมพร้อมสำหรับการมอบตัวของจำเลยตลอดเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันที่ 25 ต.ค. และมีมาตรการในการนำส่งตัวจำเลยจากทั่วประเทศในกรณีที่จับกุมตัวได้ ขณะที่อัยการก็ยืนยันในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่าพร้อมทำสำนวนส่งศาลให้ทันตามกำหนด เพียงแต่นำตัวผู้ต้องหามาให้ทันตามกำหนด
“
จะเห็นได้ว่าทุกฝ่ายต่างทุ่มเทและเตรียมพร้อมรับมือกับทุกฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารและเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงาน ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเหล่านี้ได้ ในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการได้ทำหน้าที่อย่างถึงที่สุดแล้ว” นาย
รอมฎอนกล่าว
นาย
รอมฎอนกล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลควรต้องตั้งหลักให้ดีและทุ่มเทกำลังและความสำคัญไปที่การนำตัวจำเลยและผู้ต้องหามาให้ได้ การเตรียมการสำหรับการขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นกรณีโศกนาฏกรรมเมื่อ 20 ปีก่อน หรือเป็นการขอโทษที่ล้มเหลวในการนำตัวจำเลยและผู้ต้องหามาปรากฏตัวที่ศาลตามข้อเสนอของหลายฝ่ายนั้น ยังไม่ใช่ความสำคัญเร่งด่วนในเวลานี้ ในทางกลับกันหากรัฐบาลเตรียมพร้อมที่จะมีถ้อยแถลงดังกล่าวจะกลายเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลได้ยินยอมและจงใจให้มีการหนีคดีขึ้น
“
ในวันที่เหลืออยู่นี้ ประชาชนจะยิ่งมีคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ รวมไปถึงจะยิ่งมีการเปรียบเทียบกับขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในคดีอื่นๆ ที่มีการเร่งรัดดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งคดีดิไอคอนที่ใช้เวลาจับกุมตัวผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว หรือคดีแป้ง นาโหนด ที่อาศัยความสัมพันธ์ทางการทูตและทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อจับกุมตัว หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับนักกิจกรรมทางการเมืองก็มีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ แตกต่างไปจากกรณีที่ข้าราชการผู้ใหญ่ตกเป็นจำเลยอย่างในกรณีนี้” นาย
รอมฎอนกล่าว
นาย
รอมฎอนกล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลใช้ศักยภาพและขีดความสามารถของเจ้าพนักงานอย่างเต็มที่ เราอาจได้ตัวจำเลยและผู้ต้องหาทั้ง 14 คนมาส่งศาลได้ทันตามกำหนดอายุความและกระบวนการยุติธรรมจะได้ทำงานต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษใดๆ ในการขยายอายุความ อีกทั้งยังเป็นการแก้ข้อกล่าวหาที่คนในรัฐบาลกังวลอยู่ว่าคดีนี้จะถูกขยายผลในทางการเมืองและนำพาไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆ
“
การจะทำหรือไม่ทำสิ่งใดในห้วงเวลานี้เป็นเรื่องสำคัญ และถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองของรัฐบาล นี่คือโอกาสของ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่จะพิสูจน์ว่าให้ความสำคัญกับการสร้างนิติธรรมที่เข้มแข็งให้กับประเทศตามที่เคยแถลงเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นการรักษาชีวิตของประชาชน หรือพลเรือนที่จะได้รับผลกระทบจากความรุนแรง อันเป็นผลจากความล้มเหลวของระบบยุติธรรมของเรา” นาย
รอมฎอนกล่าว
สมัชชาคนจน บี้ รบ.โชว์ความจริงใจ ล่าตัวจำเลยคดีตากใบขึ้นศาล คืนความยุติธรรมเหยื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4858655
สมัชชาคนจน บี้ รบ.นำตัวจำเลยคดีตากใบขึ้นศาลให้ทัน 25 ต.ค. คืนความยุติธรรมชาวมลายูมุสลิม สร้างความไว้วางใจให้ชายแดนใต้ ย้ำสิทธิการชุมนุมเป็นเรื่องปกติ
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมัชชาคนจน ออกแถลงการณ์เรื่อง “รัฐต้องคืนความยุติธรรมให้พี่น้องชาวมลายูมุสลิม กรณีสลายการชุมนุมตากใบ” ลงวันที่ 22 ตุลาคม พร้อมยืนยันใน 4 จุดยืน รายละเอียดดังนี้
จากการที่มีพี่น้องชาวมลายูมุสลิม จำนวน 85 คน ถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำให้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 โดยเกือบตลอด 20 ปีที่ผ่านมายังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตการณ์รายใดถูกดำเนินคดีจากการกระทำความผิดอาญา แม้เมื่อเร็วๆ นี้ญาติผู้เสียชีวิตได้ลุกขึ้นมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง จำนวน 9 ราย โดยศาลจังหวัดนราธิวาสได้ประทับรับฟ้องไปแล้วในข้อหาร่วมกันฆ่า ร่วมกันพยายามฆ่า และหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย
อีกทั้งต่อมาทางอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐอีก 8 ราย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวจำเลยมาขึ้นศาลได้แม้แต่คนเดียว ทั้งนี้ หากไม่สามารถนำตัวจำเลยมาขึ้นศาลได้ทันเวลา คดีสลายการชุมนุมตากใบก็จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
จากกรณีดังกล่าวนี้ #สมัชชาคนจนขอแสดงจุดยืนว่า
1) การชุมนุมของพี่น้องชาวมลายูมุสลิมที่ตากใบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยผู้ชุมนุมต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่เป็นชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) 6 คน ที่ถูกทางการจับกุมตัว ด้วยข้อกล่าวหาว่า มอบอาวุธให้กับกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว การชุมนุมนี้ไม่ได้มีความประสงค์จะก่อความรุนแรง อนึ่ง #การชุมนุมกันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย แต่ในเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่รัฐกลับสลายการชุมนุมด้วยมาตรการที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และการควบคุมตัวผู้ชุมนุมใส่รถบรรทุกไปยังค่ายทหารก็กระทำอย่างเหี้ยมโหดไร้มนุษยธรรมราวกับผู้ชุมนุมไม่ได้เป็นมนุษย์
มาตรการเช่นนี้เกิดขึ้นได้เพราะฝ่ายรัฐมีความระแวง ไม่ไว้วางใจ และมีอคติทางชาติพันธุ์ต่อชาวมลายูมุสลิมมาอย่างยาวนาน ในฐานะภัยความมั่นคงของชาติ ที่สำคัญมาตรการเช่นนี้ เกิดจากการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกสร้างสภาวะยกเว้นจากการใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งเวลานั้นคือกฎอัยการศึก ที่ยกเว้นการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยเกราะกำบังจากกฎหมายพิเศษนี้เอง จึงง่ายต่อการที่เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้วิธีการที่รุนแรงเกินกว่าเหตุต่อผู้ชุมนุม และไม่จำเป็นต้องมีความระมัดระวังใดๆ ต่อชีวิตของผู้ชุมนุมในระหว่างการเคลื่อนย้าย
2) การที่ญาติผู้เสียชีวิตลุกขึ้นมาฟ้องร้องคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เป็นการใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมตามปกติ เนื่องจากที่ผ่านมาพวกเขายังไม่ได้รับความยุติธรรม โดยการพยายามเอาผิดทางอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐ ในอดีตต้องจบลงจากคำสั่งคดีไต่สวนการตายของศาลจังหวัดสงขลาที่ระบุว่า ผู้ตายทั้ง 78 คนขาดอากาศหายใจในระหว่างถูกควบคุมตัวของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยทางพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหนองจิก ได้มีความเห็นต่อมาว่า #การตายของผู้ถูกควบคุมทั้ง78คน ไม่ได้เป็นผลแห่งการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 156 อันทำให้พนักงานสอบสวนไม่ต้องหาตัวผู้กระทำความผิดอีกต่อไป หรือก็คือยุติการสอบสวนคดีนั่นเอง
ท่ามกลางการสูญเสียและความหวาดกลัวต่ออำนาจรัฐที่กดทับญาติผู้เสียชีวิตมาเกือบตลอด 20 ปี ในที่สุดญาติได้รวบรวมความกล้าหาญอย่างน่ายกย่องลุกขึ้นมาร่วมมือกับทนายความและองค์กรภาคประชาสังคมในการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ก่อนที่คดีจะหมดอายุความ
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียใจว่า ตอนนี้มีบางฝ่ายพยายามด้อยค่าการฟ้องคดีของญาติว่าเป็นการเล่มเกมทางการเมืองเพื่อโจมตีพรรคแกนนำรัฐบาล หรือเหยียดหยามว่าญาติได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว ทำไมจึงยังไม่ยอมจบเรื่อง ทั้งที่จริงการเยียวยากับการค้นหาความจริงตามกระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นคนละส่วนกัน ตลอดจนการกล่าวอย่างผิดฝาผิดตัวว่าต่อให้เอาเจ้าหน้าที่รัฐมาลงโทษได้ เหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ก็ยังคงอยู่ต่อไป
3) #รัฐบาลต้องหาทางทำให้มีความยุติธรรมเกิดขึ้นกับกรณีตากใบให้ได้ หากทำได้ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนใต้ก็จะมีความไว้วางใจและมีความหวังต่อกระบวนการยุติธรรมและรัฐเพิ่มมากขึ้น แทนที่จะมองว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นเพียงเครื่องมือของรัฐในการกดขี่ปราบปรามพวกเขาเท่านั้น แต่ถ้าหากรัฐบาลทำไม่ได้ ก็จะสร้างความคับแค้นให้ฝังลึกเข้าไปในใจ เป็นการสุมไฟให้เหตุการณ์ความไม่สงบลุกลามหนักขึ้นจนกระทบกับการสร้างสันติภาพอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะเอื้อให้ฝ่ายผู้เห็นต่างที่ใช้แนวทางความรุนแรงมีความชอบธรรมมากขึ้นอีก
นอกจากนั้น การสร้างความยุติธรรมกรณีตากใบ รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณายกเลิก หรือลดการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ชายแดนใต้ เพราะกฎหมายพิเศษเป็นเกราะกำบังที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐกล้าใช้ความรุนแรงและอำนาจอย่างเกินกว่าเหตุต่อชาวบ้านโดยไม่ต้องเกรงกลัวความผิด
4) #ความรุนแรง ที่รัฐกระทำต่อชาวบ้านในกรณีตากใบ สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ถูกรัฐมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ที่ผ่านมามีชาวบ้านถูกกระทำเช่นเดียวกันกับพี่น้องชาวมลายูมุสลิมในกรณีตากใบ ไม่ว่าจะเป็น การสังหารนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วยกระสุนจริงจนมีผู้เสียชีวิต 99 ราย ตลอดการสลายขบวนการเยาวชนนับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา โดยการจับกุมดำเนินคดีอย่างหนักหน่วง รวมถึงการจัดการกับคนจนชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา
ดังนั้น สมัชชาคนจนจึงขอให้คนในสังคมไทยเรียนรู้จากกรณีตากใบ และเข้ามามีส่วนในการผลักดันให้ญาติผู้เสียชีวิตได้รับความเป็นธรรมให้ได้ และ #เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเร่งรัดติดตามตัวจำเลยทั้งหมดในคดีตากใบมาขึ้นศาลจังหวัดนราธิวาสให้ทันภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นี้
สมัชชาคนจนมีความหวังอย่างมากว่า ญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมจากใบจะได้รับความเป็นธรรม และหวังว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้จริงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน
สมัชชาคนจน
ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นอีก 2% เหตุความตึงเครียดตะวันออกกลาง จับตาน้ำมันไทยเย็นนี้
https://ch3plus.com/news/economy/morning/421629
ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้น 2% สาเหตุมาจากความวิตกกังวลปัญหาอิหร่านอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
- ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 70.56 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.14 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 87.56 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
JJNY : รอมฎอน คาใจไม่ไวเหมือนจับนักกิจกรรม-ดิไอคอน│สมัชชาคนจนบี้รบ.│ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นอีก 2%│พายุ“ออสการ์” ถล่มคิวบา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4858552
‘รอมฎอน’ ชวนจับตาประชุม ครม.วันนี้ มีวาระคดีตากใบหรือไม่ แนะรัฐบาลตอนนี้ไม่ใช่เวลาขอโทษ แต่ควรเร่งนำตัวจำเลย-ผู้ต้องหาทุกคนมาเข้ากระบวนการ เทียบคดีดังอื่นๆ ทำไมเร่งรัดดำเนินการได้รวดเร็ว
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการติดตามจำเลยคดีตากใบของรัฐบาลว่า ต้องจับตาดูว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้จะมีวาระพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับคดีตากใบและสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ เพราะตอนนี้ประชาชนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิดว่าภายในระยะเวลาอีก 4 วันที่คดีจะหมดอายุความ เจ้าหน้าที่จะสามารถนำตัวจำเลย 7 คน ในคดีราษฎรเป็นผู้ฟ้องมาที่ศาลนราธิวาส และจับกุมตัวผู้ต้องหาอีก 8 คน ในคดีที่อัยการสั่งฟ้อง พร้อมทั้งนำมาส่งอัยการให้ทันฟ้องศาลหรือไม่
นายรอมฎอนกล่าวว่า จากการไปสังเกตการณ์คดีมาก่อนหน้านี้ ศาลนราธิวาสได้ยืนยันว่าเตรียมพร้อมสำหรับการมอบตัวของจำเลยตลอดเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันที่ 25 ต.ค. และมีมาตรการในการนำส่งตัวจำเลยจากทั่วประเทศในกรณีที่จับกุมตัวได้ ขณะที่อัยการก็ยืนยันในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่าพร้อมทำสำนวนส่งศาลให้ทันตามกำหนด เพียงแต่นำตัวผู้ต้องหามาให้ทันตามกำหนด
“จะเห็นได้ว่าทุกฝ่ายต่างทุ่มเทและเตรียมพร้อมรับมือกับทุกฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารและเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงาน ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเหล่านี้ได้ ในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการได้ทำหน้าที่อย่างถึงที่สุดแล้ว” นายรอมฎอนกล่าว
นายรอมฎอนกล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลควรต้องตั้งหลักให้ดีและทุ่มเทกำลังและความสำคัญไปที่การนำตัวจำเลยและผู้ต้องหามาให้ได้ การเตรียมการสำหรับการขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นกรณีโศกนาฏกรรมเมื่อ 20 ปีก่อน หรือเป็นการขอโทษที่ล้มเหลวในการนำตัวจำเลยและผู้ต้องหามาปรากฏตัวที่ศาลตามข้อเสนอของหลายฝ่ายนั้น ยังไม่ใช่ความสำคัญเร่งด่วนในเวลานี้ ในทางกลับกันหากรัฐบาลเตรียมพร้อมที่จะมีถ้อยแถลงดังกล่าวจะกลายเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลได้ยินยอมและจงใจให้มีการหนีคดีขึ้น
“ในวันที่เหลืออยู่นี้ ประชาชนจะยิ่งมีคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ รวมไปถึงจะยิ่งมีการเปรียบเทียบกับขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในคดีอื่นๆ ที่มีการเร่งรัดดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งคดีดิไอคอนที่ใช้เวลาจับกุมตัวผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว หรือคดีแป้ง นาโหนด ที่อาศัยความสัมพันธ์ทางการทูตและทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อจับกุมตัว หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับนักกิจกรรมทางการเมืองก็มีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ แตกต่างไปจากกรณีที่ข้าราชการผู้ใหญ่ตกเป็นจำเลยอย่างในกรณีนี้” นายรอมฎอนกล่าว
นายรอมฎอนกล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลใช้ศักยภาพและขีดความสามารถของเจ้าพนักงานอย่างเต็มที่ เราอาจได้ตัวจำเลยและผู้ต้องหาทั้ง 14 คนมาส่งศาลได้ทันตามกำหนดอายุความและกระบวนการยุติธรรมจะได้ทำงานต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษใดๆ ในการขยายอายุความ อีกทั้งยังเป็นการแก้ข้อกล่าวหาที่คนในรัฐบาลกังวลอยู่ว่าคดีนี้จะถูกขยายผลในทางการเมืองและนำพาไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆ
“การจะทำหรือไม่ทำสิ่งใดในห้วงเวลานี้เป็นเรื่องสำคัญ และถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองของรัฐบาล นี่คือโอกาสของ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่จะพิสูจน์ว่าให้ความสำคัญกับการสร้างนิติธรรมที่เข้มแข็งให้กับประเทศตามที่เคยแถลงเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นการรักษาชีวิตของประชาชน หรือพลเรือนที่จะได้รับผลกระทบจากความรุนแรง อันเป็นผลจากความล้มเหลวของระบบยุติธรรมของเรา” นายรอมฎอนกล่าว
สมัชชาคนจน บี้ รบ.โชว์ความจริงใจ ล่าตัวจำเลยคดีตากใบขึ้นศาล คืนความยุติธรรมเหยื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4858655
สมัชชาคนจน บี้ รบ.นำตัวจำเลยคดีตากใบขึ้นศาลให้ทัน 25 ต.ค. คืนความยุติธรรมชาวมลายูมุสลิม สร้างความไว้วางใจให้ชายแดนใต้ ย้ำสิทธิการชุมนุมเป็นเรื่องปกติ
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมัชชาคนจน ออกแถลงการณ์เรื่อง “รัฐต้องคืนความยุติธรรมให้พี่น้องชาวมลายูมุสลิม กรณีสลายการชุมนุมตากใบ” ลงวันที่ 22 ตุลาคม พร้อมยืนยันใน 4 จุดยืน รายละเอียดดังนี้
จากการที่มีพี่น้องชาวมลายูมุสลิม จำนวน 85 คน ถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำให้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 โดยเกือบตลอด 20 ปีที่ผ่านมายังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตการณ์รายใดถูกดำเนินคดีจากการกระทำความผิดอาญา แม้เมื่อเร็วๆ นี้ญาติผู้เสียชีวิตได้ลุกขึ้นมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง จำนวน 9 ราย โดยศาลจังหวัดนราธิวาสได้ประทับรับฟ้องไปแล้วในข้อหาร่วมกันฆ่า ร่วมกันพยายามฆ่า และหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย
อีกทั้งต่อมาทางอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐอีก 8 ราย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวจำเลยมาขึ้นศาลได้แม้แต่คนเดียว ทั้งนี้ หากไม่สามารถนำตัวจำเลยมาขึ้นศาลได้ทันเวลา คดีสลายการชุมนุมตากใบก็จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
จากกรณีดังกล่าวนี้ #สมัชชาคนจนขอแสดงจุดยืนว่า
1) การชุมนุมของพี่น้องชาวมลายูมุสลิมที่ตากใบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยผู้ชุมนุมต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่เป็นชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) 6 คน ที่ถูกทางการจับกุมตัว ด้วยข้อกล่าวหาว่า มอบอาวุธให้กับกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว การชุมนุมนี้ไม่ได้มีความประสงค์จะก่อความรุนแรง อนึ่ง #การชุมนุมกันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย แต่ในเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่รัฐกลับสลายการชุมนุมด้วยมาตรการที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และการควบคุมตัวผู้ชุมนุมใส่รถบรรทุกไปยังค่ายทหารก็กระทำอย่างเหี้ยมโหดไร้มนุษยธรรมราวกับผู้ชุมนุมไม่ได้เป็นมนุษย์
มาตรการเช่นนี้เกิดขึ้นได้เพราะฝ่ายรัฐมีความระแวง ไม่ไว้วางใจ และมีอคติทางชาติพันธุ์ต่อชาวมลายูมุสลิมมาอย่างยาวนาน ในฐานะภัยความมั่นคงของชาติ ที่สำคัญมาตรการเช่นนี้ เกิดจากการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกสร้างสภาวะยกเว้นจากการใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งเวลานั้นคือกฎอัยการศึก ที่ยกเว้นการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยเกราะกำบังจากกฎหมายพิเศษนี้เอง จึงง่ายต่อการที่เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้วิธีการที่รุนแรงเกินกว่าเหตุต่อผู้ชุมนุม และไม่จำเป็นต้องมีความระมัดระวังใดๆ ต่อชีวิตของผู้ชุมนุมในระหว่างการเคลื่อนย้าย
2) การที่ญาติผู้เสียชีวิตลุกขึ้นมาฟ้องร้องคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เป็นการใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมตามปกติ เนื่องจากที่ผ่านมาพวกเขายังไม่ได้รับความยุติธรรม โดยการพยายามเอาผิดทางอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐ ในอดีตต้องจบลงจากคำสั่งคดีไต่สวนการตายของศาลจังหวัดสงขลาที่ระบุว่า ผู้ตายทั้ง 78 คนขาดอากาศหายใจในระหว่างถูกควบคุมตัวของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยทางพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหนองจิก ได้มีความเห็นต่อมาว่า #การตายของผู้ถูกควบคุมทั้ง78คน ไม่ได้เป็นผลแห่งการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 156 อันทำให้พนักงานสอบสวนไม่ต้องหาตัวผู้กระทำความผิดอีกต่อไป หรือก็คือยุติการสอบสวนคดีนั่นเอง
ท่ามกลางการสูญเสียและความหวาดกลัวต่ออำนาจรัฐที่กดทับญาติผู้เสียชีวิตมาเกือบตลอด 20 ปี ในที่สุดญาติได้รวบรวมความกล้าหาญอย่างน่ายกย่องลุกขึ้นมาร่วมมือกับทนายความและองค์กรภาคประชาสังคมในการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ก่อนที่คดีจะหมดอายุความ
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียใจว่า ตอนนี้มีบางฝ่ายพยายามด้อยค่าการฟ้องคดีของญาติว่าเป็นการเล่มเกมทางการเมืองเพื่อโจมตีพรรคแกนนำรัฐบาล หรือเหยียดหยามว่าญาติได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว ทำไมจึงยังไม่ยอมจบเรื่อง ทั้งที่จริงการเยียวยากับการค้นหาความจริงตามกระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นคนละส่วนกัน ตลอดจนการกล่าวอย่างผิดฝาผิดตัวว่าต่อให้เอาเจ้าหน้าที่รัฐมาลงโทษได้ เหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ก็ยังคงอยู่ต่อไป
3) #รัฐบาลต้องหาทางทำให้มีความยุติธรรมเกิดขึ้นกับกรณีตากใบให้ได้ หากทำได้ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนใต้ก็จะมีความไว้วางใจและมีความหวังต่อกระบวนการยุติธรรมและรัฐเพิ่มมากขึ้น แทนที่จะมองว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นเพียงเครื่องมือของรัฐในการกดขี่ปราบปรามพวกเขาเท่านั้น แต่ถ้าหากรัฐบาลทำไม่ได้ ก็จะสร้างความคับแค้นให้ฝังลึกเข้าไปในใจ เป็นการสุมไฟให้เหตุการณ์ความไม่สงบลุกลามหนักขึ้นจนกระทบกับการสร้างสันติภาพอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะเอื้อให้ฝ่ายผู้เห็นต่างที่ใช้แนวทางความรุนแรงมีความชอบธรรมมากขึ้นอีก
นอกจากนั้น การสร้างความยุติธรรมกรณีตากใบ รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณายกเลิก หรือลดการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ชายแดนใต้ เพราะกฎหมายพิเศษเป็นเกราะกำบังที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐกล้าใช้ความรุนแรงและอำนาจอย่างเกินกว่าเหตุต่อชาวบ้านโดยไม่ต้องเกรงกลัวความผิด
4) #ความรุนแรง ที่รัฐกระทำต่อชาวบ้านในกรณีตากใบ สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ถูกรัฐมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ที่ผ่านมามีชาวบ้านถูกกระทำเช่นเดียวกันกับพี่น้องชาวมลายูมุสลิมในกรณีตากใบ ไม่ว่าจะเป็น การสังหารนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วยกระสุนจริงจนมีผู้เสียชีวิต 99 ราย ตลอดการสลายขบวนการเยาวชนนับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา โดยการจับกุมดำเนินคดีอย่างหนักหน่วง รวมถึงการจัดการกับคนจนชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา
ดังนั้น สมัชชาคนจนจึงขอให้คนในสังคมไทยเรียนรู้จากกรณีตากใบ และเข้ามามีส่วนในการผลักดันให้ญาติผู้เสียชีวิตได้รับความเป็นธรรมให้ได้ และ #เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเร่งรัดติดตามตัวจำเลยทั้งหมดในคดีตากใบมาขึ้นศาลจังหวัดนราธิวาสให้ทันภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นี้
สมัชชาคนจนมีความหวังอย่างมากว่า ญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมจากใบจะได้รับความเป็นธรรม และหวังว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้จริงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน
สมัชชาคนจน
ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นอีก 2% เหตุความตึงเครียดตะวันออกกลาง จับตาน้ำมันไทยเย็นนี้
https://ch3plus.com/news/economy/morning/421629
ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้น 2% สาเหตุมาจากความวิตกกังวลปัญหาอิหร่านอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
- ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 70.56 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.14 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 87.56 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล