JJNY : 5in1 กมธ.กม.-มั่นคงซักเดือด│ปธ.กมธ.กม.กระตุกจิตสำนึก│เตรียมพบกมธ.│รายย่อยระส่ำหนัก│มิลตันอาจเกิดทอร์นาโดหลายลูก

กมธ.กฎหมาย-มั่นคง ซักเดือด 2 จำเลย คดีตากใบ อยู่ตปท. รุมบี้ตร. ประสานอินเตอร์โพล ส่งตัวกลับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4836616

“กมธ.กฎหมาย-มั่นคง” เชิญหน่วยงานแจงความคืบหน้าคดีตากใบ รุมจี้เดือด ปม 2 จำเลย ออกนอกประเทศจริงหรือไม่ ด้าน “พรรณิกา” ชี้ ใช้การทูตประสานอินเตอร์โพลจับกุมได้ แม้ไม่มีกฎหมายรองรับ 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ที่มี นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ  ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ เป็นประธาน โดยมีวาระพิจารณาศึกษาการติดตาม จับกุมจำเลยและผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาล กรณีคดีการสลายการชุมนุมที่อำเภอตากใบ และแนวทางการเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคดีหมดอายุความ ร่วมกับ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ส่งตัวแทน 3 คนเข้าร่วม พร้อมทั้งเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อ กมธ.

ช่วงหนึ่งในการประชุม พ.ต.ท.เสกสันต์ คงคืน รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ชี้แจงไทม์ไลน์ในการดำเนินการของคดีตากใบว่า ที่ศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับจำเลย 6 รายในวันที่ 12 กันยายน และในวันที่ 20 กันยายน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้มีคำสั่งในการติดตามจับกุมจำเลยทั้ง 6 ราย ซึ่งในวันที่ 30 กันยายน ศาลจังหวัดปัตตานีได้มีการออกหมายจับอีก 5 ราย

อย่างไรก็ตาม ศาลของทั้ง 2 จังหวัด มีการสอบสวนมาโดยตลอด รวมถึงกำหนดเป้าในการขอหมายศาลเพื่อค้นบ้านผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยในวันที่ 4 ตุลาคม ได้มีการค้นบ้านผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล, พ.จ.ต.รัชเดช ศรีสุวรรณ, ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส ซึ่งในวันเดียวกันนี้ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ไปประชุม ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และได้มีการสั่งการกำชับ การปฏิบัติ และมีหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งรัดการจับกุมส่งไปยังทุกหน่วยงานทั่วประเทศ​เพื่อดำเนินการตามหมายจับ

จากนั้น นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ถามถึงบุคคลที่อยู่ในหมายจับได้ส่งรายชื่อไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) แล้วหรือไม่ ด้าน พ.ต.อ.รังษี มั่นจิตร ผู้กำกับการซักถาม 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า มีหนังสือแจ้งไปแล้ว หากบุคคลที่มีหมายจับจากศาลนราธิวาส และศาลปัตตานีมีการออกนอกประเทศ ตม.ก็จะมีการแจ้งเตือนเข้ามา ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประสานไปยังอินเตอร์โพล ทั้งนี้ ขออนุญาตไม่เปิดเผยรายละเอียด

จากนั้น นายกมลศักดิ์จึงถามว่า สามารถแจ้งต่อที่ประชุมได้หรือไม่ว่า ขณะนี้มีผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศไปกี่ราย เพราะตนมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ลับ โดย พ.ต.อ.รังษีกล่าวว่า สามารถตอบได้ว่า มี 2 ราย แต่ไม่สามารถระบุชื่อบุคคลได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของการประชุม นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.ความมั่นคงฯ ได้ตั้งคำถามว่า คำถามที่ประชาชนสงสัยคือ ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน อยู่ที่ไหน อีกทั้งจากการที่ตนทราบข้อมูล มีบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ จำนวน 2 ประเทศ ได้แก่ คนแรกอยู่ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกคนอยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จึงอยากให้ช่วยยืนยันว่า เป็นไปตามข้อเท็จจริงนี้ใช่หรือไม่

โดยนายรอมฎอนกล่าวต่อว่า ถ้าใช่ตามข้อเท็จจริง ท่านได้มีความพยายามสื่อสารไปถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบการจับกุมในต่างประเทศหรือไม่อย่างไร พร้อมตั้งคำถามอีกว่า ในกรณีคดีอาญาที่ร้ายแรงแบบนี้ ถ้าไม่สามารถทำได้จริงๆ ช่วยชี้แจงว่า ประชาชนจะสามารถช่วยจับกุมผู้ต้องหาอย่างไรได้บ้าง

จากนั้น พ.ต.อ.รังษีได้ตอบคำถามนายรอมฎอนว่า ผู้ต้องหาทั้ง 14 รายอยู่ที่ไหนนั้น ถ้าวันนี้ทราบ เราคงจับได้ไปแล้ว ซึ่งเรากำลังตามอยู่ และไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ส่วนคำถามที่ให้ยืนยันว่า มีบุคคลหลบหนีไปประเทศอังกฤษ และญี่ปุ่นนั้น ถือว่าเป็นการให้เบาะแส

ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.มั่นคงฯ กล่าวว่า ในบรรดาผู้ที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด โดยเฉพาะบุคคลที่หนีออกนอกประเทศ หากเป็นไปตามข้อมูลที่ปรากฏว่า อยู่ที่สหราชอาณาจักร 1 คน และประเทศญี่ปุ่น 1 คน ซึ่งเราสามารถขอความร่วมมือผ่านกลไกอินเตอร์โพล กับ 2 ประเทศดังกล่าวได้ ด้วยการออกหมายแดง ซึ่งทางตำรวจจะต้องเป็นผู้ประสานกับอินเตอร์โพล เพื่อนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ข้อมูลทั้ง 2 ประเทศสามารถช่วยติดตามจับกุมได้ นอกจากนี้กรณีนี้ยังเข้าข่ายสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะเป็นฐานความผิดถึงชีวิต ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศสามารถทำสำเนาหมายจับและดำเนินการได้ หรือหากไม่มีกฎหมายรองรับเราก็สามารถใช้กลไกการทูตเจรจาส่งตัวกลับได้

ด้าน พ.ต.อ.รังษีกล่าวว่า เราได้ส่งหมายจับไปยังกองการต่างประเทศ​ เพื่อประสานไปยังอินเตอร์โพลเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม

ต่อมา น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.กฎหมายฯ ได้ซักถามว่า หากจำเลยทั้ง 2 คนเดินทางออกนอกประเทศแล้วจริง ได้มีการประสานไปทางกระทรวงการต่างประเทศจนมีหนังสือออกมาเป็นทางการแล้วหรือไม่ ด้าน พ.ต.อ.รังษีกล่าวยืนยันว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการทุกกระบวนการแล้ว

น.ส.ชลธิชาได้ถามต่อว่า ยื่นบัญชีดำให้กับกระทรวงการต่างประเทศวันที่เท่าไหร่ ด้าน พ.ต.อ.รังษีกล่าวว่า เราเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 13 ธันวาคม 2566 ทั้งการตรวจสอบหาสำเนา ตั้งคณะทำงาน และได้แจ้งไปทุกหน่วยงาน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเราแจ้งไปแล้ว ก็มีระเบียบปฏิบัติ หากหน่วยงานมีระเบียบแต่บุคคลผิดพลาดก็ต้องว่าไปตามระบบ ดังนั้น ตนตอบได้แค่ว่า หากระบบมีการแจ้งก็ต้องมีการทำระเบียบ

จากนั้น นายคุณากร มั่นนทีรัย ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ. ได้ถามย้ำถึงขั้นตอนการดำเนินการจับกุมว่า ขณะนี้ไปถึงไหนแล้ว ด้าน พ.ต.ท.เสกสันต์กล่าวว่า คดีความมั่นคงที่เกิดขึ้น ในจังหวัดชายแดนใต้ ณ วันนี้มีทั้งหมด 10,593 คดี และมีหมายจับผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงอีกพันกว่าหมาย ซึ่งเราสืบสวนและจับกุมมาตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งแม้จะผ่านมา 20 ปี เราก็ยังจับไม่ได้ เพราะผู้ต้องหามีการเคลื่อนไหวแต่ละวันคนละที่ ดังนั้น เราไม่สามารถประเมินเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ว่า ใครจะหลบหนีไปที่ใด แต่ยืนยันว่าแนวทางการสอบสวนต้องเป็นเรื่องลับ จากนั้นนายคุณากรจึงตอบกลับว่า จากที่ตนได้ฟังหากเปรียบเทียบการดำเนินการเป็น 5 ระดับ ตนประเมินว่า อยู่ในระดับแค่ 0-1 เท่านั้น



ปธ.กมธ.กฎหมาย เผยมีจำเลยคดีตากใบ หนีไปตปท.แล้ว 2 กระตุกจิตสำนึก ปล่อยหมดอายุความ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4836905

“กมธ.กฎหมาย”  เผย จำเลยคดีตากใบ 14 คน ยังอยู่ในไทย 12 ยังรับราชการ 2 หนีต่างประเทศ 2 ด้าน “รอง ผบ.ภาค 9” แจง ประสานผู้บังคับบัญชา- กองการต่างประเทศติดตามตัว ขณะที่”กมลศักดิ์”ยันอัยการฯ บอกประทับรับฟ้องเรียบร้อยแล้ว โผล่มาแม้วันสุดท้ายจับได้เลย ซัดอยู่ที่จิตสำนึกคนผิดจะรับผิดชอบ หากจนท.จับตัวไม่ได้ ก่อนหมดอายุความ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภา แถลงผลการประชุม กมธ.ว่า ที่ประชุมพิจารณาติดตามผู้ต้องหาคดีตากใบ หลังจากที่ศาลจังหวัดนราธิวาส มีการประทับฟ้อง และออกหมายจับจำเลย 7 คน และอัยการสูงสุดเห็นแย้งกับพนักงานสอบสวน ที่มีคำสั่งสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน รวมทั้งหมด 14 คน ซ้ำกับจำเลยเดิม 1 คนนั้น คดีดังกล่าวมีผู้ต้องหาจำนวน 14 คน โดยมีผู้ต้องหาที่อยู่ในประเทศไทย 12 คน เป็นข้าราชการ และยังรับราชการอยู่ 2 คน ซึ่งทางตำรวจได้ประสานกับผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว และคาดว่า มีผู้ต้องหาอีก 2 คน อยู่ต่างประเทศ โดยได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศเพื่อออกหมายติดตามตัวแล้ว

ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ก่อนวันที่ 25 ตุลาคม หรือภายในวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันหมดอายุความในคดีดังกล่าว ทางอัยการยืนยันว่า พร้อมเตรียมประทับรับฟ้อง และยื่นฟ้องเรียบร้อย หากจับคนไหนมาได้แม้ในวันสุดท้ายก็ตาม” นายกมลศักดิ์กล่าว

นายกมลศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กมธ.ยังกังวลว่า หากปล่อยให้ขาดอายุความโดยไม่จับกุมใครเลยเกรงว่า จะเกิดสถานการณ์ที่ไม่ดีในพื้นที่ความขัดแย้ง เพราะเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา มีเหตุวางระเบิดที่บ้านพักนายอำเภอตากใบ หากปล่อยให้คดีตากใบขาดอายุความ ความรุนแรงจะมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งรองผู้บัญชาการภาค 9 ชี้แจงว่า เท่าที่มีการสอบสวนเหตุการณ์วางระเบิด ที่บ้านพักนายอำเภอนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีตากใบ

ส่วน กอ.รมน. และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ย้ำว่า มีการประเมินสถานการณ์ ในพื้นที่มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม กมธ.เห็นว่า ควรให้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านนโยบาย และการปฏิบัติในพื้นที่ ในการเตรียมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคดีหมดอายุความ เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อน และเกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อถามว่าหากคดีหมดอายุความ และไม่สามารถจับกุมจำเลยได้เลย จะมีความรับผิดชอบจากใครหรือไม่ เช่นกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ลาประชุมสภาฯไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ควรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ นายกมลศักดิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของจำเลยแต่ละคน เพราะไม่มีข้อกฎหมายใดที่จะตอบแทนเรื่องนี้ได้ ต้องอยู่ที่สำนึกของบุคคลคนนั้นว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร หากทราบอยู่แล้วว่ามีหมายจับแทนที่จะมามอบตัวสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่กลับหันหลังให้กระบวนการยุติธรรมปล่อยให้ขาดอายุความ ก็ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของบุคคลคนนั้น



พี่สาว 'วันเฉลิม' เตรียมพบ กมธ. ความมั่นคงฯ หลังถูก จนท. รัฐคุกคาม ปิดกั้นเสรีภาพ
https://prachatai.com/journal/2024/10/110997 
 
พี่สาว “วันเฉลิม” เตรียมเข้าให้ข้อเท็จจริงกับ กมธ. ความมั่นคงฯ หลังถูกเจ้าหน้าที่รัฐตามคุกคาม ปิดกั้นเสรีภาพ ในการออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้น้องชาย โดยเฉพาะกรณีที่ถูกตำรวจเกือบ 40 นาย กักขังหน่วงเหนี่ยวที่บริเวณแถวทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซนเดินทางมาเยี่ยมทักษิณ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 
 
9 ต.ค. 2567 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมระบุ พรุ่งนี้ (10 ตุลาคม 2567)  เวลา 9.30 น. สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์”นักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกบังคับให้สูญหายในประเทศกัมพูชา ขณะลี้ภัยเมื่อปี 2563 จะเดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อเข้าให้ข้อเท็จจริงประธานและคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในวันดังกล่าวจะมีประกายดาว พฤกษาเกษมสุข ร่วมชี้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกรณีการถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตาม คุกคาม และปิดกั้นเสรีภาพ ในการออกมาต่อสู้เรียกร้องตัววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ อีกด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่