เจ้าแม่น้ำผึ้ง ได้แค่ 25,000 แต่เสียหาย 50 ล้าน
รวบ “เจ้าแม่ปอยเปต” ตัวการสำคัญเครือข่ายเปิดบัญชีม้าสนับสนุนแก๊งคอลฯ
...
ปอศ.รวบ "เจ้าแม่ปอยเปต" ตัวการสำคัญ เครือข่ายเปิดบัญชีม้า และนิติบุคคล สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อสร้างความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
...
วันที่ 11 พ.ย. 68 พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม น.ส.น้ำผึ้ง อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 568/2568 ลง 22 ส.ค.68
ข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยประการที่รู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด” หมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ 607/2568 ลง 14 มิ.ย.68 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และตามหมายจับคดีลักษณะดังกล่าวรวม 4 หมายจับ ได้ที่ร้านอาหารไม่มีชื่อ บริเวณริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ทุกหน่วยเร่งรัดปราบปรามและกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์ในทุกรูปแบบ ต่อมาสืบทราบว่า น.ส.น้ำผึ้ง ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมรับจ้างเปิดบัญชีม้า และรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปใช้ในการก่อเหตุหลอกลวงประชาชนลงทุนเทรดหุ้นทางเพจเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ปลอม
...
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงชักชวนเข้ากลุ่มไลน์ชื่อ AROWWIN ซึ่งคนร้ายสร้างขึ้น มีสมาชิกมากกว่า 100 คน ในการสร้างความน่าเชื่อถือ อ้างว่าเพื่อเรียนรู้การเทรดหุ้น ชักชวนลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีของผู้ต้องหานี้ ได้ถูกนำไปใช้ในการหลอกผู้เสียหายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, จ.นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร ได้เงินจากผู้เสียหายไปจำนวนกว่า 50 ล้านบาท
ต่อมาผู้เสียหายกระจายเข้าแจ้งความไว้ในหลายพื้นที่จนศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีและมาทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบริเวณริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจาก “นายเปี๊ยก” ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล ซึ่งเป็นนายหน้าในการพาคนไปเปิดบัญชีม้าและนิติบุคคลได้เงิน 25,000 บาท จากนั้นได้เดินทางไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ และอยู่กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีบอสเป็นชายชาวจีนคอยควบคุมสั่งการ โดยตนมีหน้าที่สแกนหน้ากับบัญชีธนาคาร เมื่อมีผู้โอนเงินเข้าบัญชีของตน โดยไม่ทราบว่ามีการโอนต่อไปยังที่ใด ซึ่งมีคนไทยและคนต่างชาติ อยู่ในสถานที่นั้นจำนวนกว่า 30 คน เจ้าหน้าที่จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
รวบตัวเจ้าแม่ปอยเปต ฝังตัวกลาง กทม ได้แล้วครับ
รวบ “เจ้าแม่ปอยเปต” ตัวการสำคัญเครือข่ายเปิดบัญชีม้าสนับสนุนแก๊งคอลฯ
...
ปอศ.รวบ "เจ้าแม่ปอยเปต" ตัวการสำคัญ เครือข่ายเปิดบัญชีม้า และนิติบุคคล สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อสร้างความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
...
วันที่ 11 พ.ย. 68 พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม น.ส.น้ำผึ้ง อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 568/2568 ลง 22 ส.ค.68
ข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยประการที่รู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด” หมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ 607/2568 ลง 14 มิ.ย.68 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และตามหมายจับคดีลักษณะดังกล่าวรวม 4 หมายจับ ได้ที่ร้านอาหารไม่มีชื่อ บริเวณริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ทุกหน่วยเร่งรัดปราบปรามและกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์ในทุกรูปแบบ ต่อมาสืบทราบว่า น.ส.น้ำผึ้ง ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมรับจ้างเปิดบัญชีม้า และรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปใช้ในการก่อเหตุหลอกลวงประชาชนลงทุนเทรดหุ้นทางเพจเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ปลอม
...
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงชักชวนเข้ากลุ่มไลน์ชื่อ AROWWIN ซึ่งคนร้ายสร้างขึ้น มีสมาชิกมากกว่า 100 คน ในการสร้างความน่าเชื่อถือ อ้างว่าเพื่อเรียนรู้การเทรดหุ้น ชักชวนลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีของผู้ต้องหานี้ ได้ถูกนำไปใช้ในการหลอกผู้เสียหายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, จ.นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร ได้เงินจากผู้เสียหายไปจำนวนกว่า 50 ล้านบาท
ต่อมาผู้เสียหายกระจายเข้าแจ้งความไว้ในหลายพื้นที่จนศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีและมาทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบริเวณริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจาก “นายเปี๊ยก” ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล ซึ่งเป็นนายหน้าในการพาคนไปเปิดบัญชีม้าและนิติบุคคลได้เงิน 25,000 บาท จากนั้นได้เดินทางไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ และอยู่กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีบอสเป็นชายชาวจีนคอยควบคุมสั่งการ โดยตนมีหน้าที่สแกนหน้ากับบัญชีธนาคาร เมื่อมีผู้โอนเงินเข้าบัญชีของตน โดยไม่ทราบว่ามีการโอนต่อไปยังที่ใด ซึ่งมีคนไทยและคนต่างชาติ อยู่ในสถานที่นั้นจำนวนกว่า 30 คน เจ้าหน้าที่จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.