อยากให้พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อรองรับกลุ่มคนใช้รถส่วนตัวเดิมด้วย ที่ไม่ได้แปลว่าแค่ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท เพราะบางทีคนใช้รถส่วนตัวเขาใช้เพราะรถไฟฟ้ามันเข้าไม่ถึง ทั้งที่ที่จะเดินทางไป(ที่ทำงานในเมือง) กับที่ที่เดินทางมา(คนพักอยู่ชานเมือง) รถเมล์เลยเป็นขนส่งสาธารณะที่จะมารองรับเส้นทางรองตรงนี้ แต่คนที่เขาไม่เคยใช้รถเมล์เขาอาจมีภาพจำว่ามันยุ่งยาก ต้องรอนาน ร้อน ซึ่งถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้จะทำให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงการเดินทางด้วยรถเมล์ได้
จากใจคนใช้ทั้งรถส่วนตัว(ตอนมีของ) รถไฟฟ้า(ตอนรถติด) รถเมล์(ตอนรถไม่ติด) บอกเลยว่าถ้าช่วงที่ถนนโล่งหรือรถไม่ติด รถเมล์สะดวกกว่ารถส่วนตัวและรถไฟฟ้ามาก และแน่นอนว่าลอจิกคือ ถนนโล่งกับ(หลายคน)ได้ใช้รถส่วนตัวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ยาก ผมถึงเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ถ้ามันจะปฏิบัติและสามารถทำถนนโล่งได้จริง ปัญหาคลาสสิคของรถเมล์คือรอนานกับติดแหงกบนถนนก็จะหายไป กรุงเทพจะได้ฟีลเมืองมลพิษน้อยแบบสิงคโปร์ไม่เฉพาะช่วงเช้าตู่ กลางคืนดึกๆ หรือเทศกาลที่คนกลับบ้าน
ทีนี้รถเมล์เองจะใช้งานง่ายขึ้นไม่เฉพาะปัจจัยจากถนนโล่ง แต่เป็นเรื่องคิวปล่อยและความสม่ำเสมอด้วย คือแต่ละคันไม่ควรห่างกันเกิน 10-20 นาที ผมว่าปัญหานี้รถเมล์แก้ไม่ยากนะ บางสายรถก็เยอะเลยแหละ แต่แทนที่จะปล่อยห่างเท่า ๆ กันกลายเป็นอยากออกตอนไหนก็ออก บางรอบเลยรอเป็นชั่วโมง แต่มาทีก็มาติดกันสองสามคัน รอบใหม่ก็รอเป็นชั่วโมงแบบนี้วนไป กับปัญหายิบย่อยอื่น คือคนจนชอบรถพัดลมเพราะถูก ชนชั้นกลางชอบรถแอร์เพราะสบาย ตรงนี้ก็ควรเอาค่าธรรมเนียมรถติดที่เก็บมาเพิ่มรถแอร์ในราคาที่ไม่กระทบคนจน เรื่องการให้บริการก็พยายามแก้ไป ถ้าคนใช้เยอะหรือให้ข้าราชการกทมที่มีปากมีเสียงมาใช้ด้วยก็จะแก้ได้เอง ที่อยากให้สนับสนุนรถเมล์เพราะเป็นขนส่งที่ครอบคลุมเส้นทางกว่ารถไฟฟ้า, คนเข้าถึงได้เยอะกว่า, ช่วยลดความแออัดจากรถไฟฟ้าที่เดิมก็เยอะอยู่แล้ว ส่วนการใช้รถไฟฟ้านอกจากจะปรับเรื่องราคาก็ควรทำอย่างอื่นให้สะดวกด้วย พวกตั๋วร่วม ป้ายรถเมล์เชื่อมต่อ วิน ที่จอดรถที่ควรรองรับคนที่เดินทางมาจากชานเมืองได้มากขึ้น
ปัญหาที่หลายคนกังวลว่าถ้าเก็บค่าธรรมเนียมต้องมาตั้งด่านทำรถติดกว่าเดิมก็เคลียร์กับประชาชนให้ชัด ควรศึกษาแนวทางการใช้ระบบ Electronic Road Pricing (ERP) แบบสิงคโปร์หรือวิธีการที่จะทำให้มันง่าย ผมว่านโยบายนี้มีประโยชน์กับประชาชนกลุ่มใหญ่จริงนะ อย่างน้อยก็คนใช้ขนส่งสาธารณะเป็นทุนเดิมหลายล้านคนไม่เดือดร้อนกับนโยบายนี้อยู่แล้ว(แน่นอนว่ายังได้ประโยชน์) เหลือแค่รัฐจะอำนวยความสะดวกให้กลุ่มที่ใช้รถส่วนตัวเดิมได้มากแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อแน่นอนคือไม่มีผู้ว่ากทมหรือนายกคนไหนจะแก้ปัญหารถติดซ้ำซากนี้ได้แน่นอน ถ้าคนกรุงเทพไม่เอาด้วยซักวิธี ทุกอย่างจะเป็นปัญหาอยู่เหมือนเดิม แต่ก็อย่างที่ย้ำว่ารัฐต้องทำให้ประชาชนเห็นและเชื่อมั่นให้ได้
เห็นด้วยกับนโยบาย 'เก็บค่าธรรมเนียมรถติด' แต่
จากใจคนใช้ทั้งรถส่วนตัว(ตอนมีของ) รถไฟฟ้า(ตอนรถติด) รถเมล์(ตอนรถไม่ติด) บอกเลยว่าถ้าช่วงที่ถนนโล่งหรือรถไม่ติด รถเมล์สะดวกกว่ารถส่วนตัวและรถไฟฟ้ามาก และแน่นอนว่าลอจิกคือ ถนนโล่งกับ(หลายคน)ได้ใช้รถส่วนตัวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ยาก ผมถึงเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ถ้ามันจะปฏิบัติและสามารถทำถนนโล่งได้จริง ปัญหาคลาสสิคของรถเมล์คือรอนานกับติดแหงกบนถนนก็จะหายไป กรุงเทพจะได้ฟีลเมืองมลพิษน้อยแบบสิงคโปร์ไม่เฉพาะช่วงเช้าตู่ กลางคืนดึกๆ หรือเทศกาลที่คนกลับบ้าน
ทีนี้รถเมล์เองจะใช้งานง่ายขึ้นไม่เฉพาะปัจจัยจากถนนโล่ง แต่เป็นเรื่องคิวปล่อยและความสม่ำเสมอด้วย คือแต่ละคันไม่ควรห่างกันเกิน 10-20 นาที ผมว่าปัญหานี้รถเมล์แก้ไม่ยากนะ บางสายรถก็เยอะเลยแหละ แต่แทนที่จะปล่อยห่างเท่า ๆ กันกลายเป็นอยากออกตอนไหนก็ออก บางรอบเลยรอเป็นชั่วโมง แต่มาทีก็มาติดกันสองสามคัน รอบใหม่ก็รอเป็นชั่วโมงแบบนี้วนไป กับปัญหายิบย่อยอื่น คือคนจนชอบรถพัดลมเพราะถูก ชนชั้นกลางชอบรถแอร์เพราะสบาย ตรงนี้ก็ควรเอาค่าธรรมเนียมรถติดที่เก็บมาเพิ่มรถแอร์ในราคาที่ไม่กระทบคนจน เรื่องการให้บริการก็พยายามแก้ไป ถ้าคนใช้เยอะหรือให้ข้าราชการกทมที่มีปากมีเสียงมาใช้ด้วยก็จะแก้ได้เอง ที่อยากให้สนับสนุนรถเมล์เพราะเป็นขนส่งที่ครอบคลุมเส้นทางกว่ารถไฟฟ้า, คนเข้าถึงได้เยอะกว่า, ช่วยลดความแออัดจากรถไฟฟ้าที่เดิมก็เยอะอยู่แล้ว ส่วนการใช้รถไฟฟ้านอกจากจะปรับเรื่องราคาก็ควรทำอย่างอื่นให้สะดวกด้วย พวกตั๋วร่วม ป้ายรถเมล์เชื่อมต่อ วิน ที่จอดรถที่ควรรองรับคนที่เดินทางมาจากชานเมืองได้มากขึ้น
ปัญหาที่หลายคนกังวลว่าถ้าเก็บค่าธรรมเนียมต้องมาตั้งด่านทำรถติดกว่าเดิมก็เคลียร์กับประชาชนให้ชัด ควรศึกษาแนวทางการใช้ระบบ Electronic Road Pricing (ERP) แบบสิงคโปร์หรือวิธีการที่จะทำให้มันง่าย ผมว่านโยบายนี้มีประโยชน์กับประชาชนกลุ่มใหญ่จริงนะ อย่างน้อยก็คนใช้ขนส่งสาธารณะเป็นทุนเดิมหลายล้านคนไม่เดือดร้อนกับนโยบายนี้อยู่แล้ว(แน่นอนว่ายังได้ประโยชน์) เหลือแค่รัฐจะอำนวยความสะดวกให้กลุ่มที่ใช้รถส่วนตัวเดิมได้มากแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อแน่นอนคือไม่มีผู้ว่ากทมหรือนายกคนไหนจะแก้ปัญหารถติดซ้ำซากนี้ได้แน่นอน ถ้าคนกรุงเทพไม่เอาด้วยซักวิธี ทุกอย่างจะเป็นปัญหาอยู่เหมือนเดิม แต่ก็อย่างที่ย้ำว่ารัฐต้องทำให้ประชาชนเห็นและเชื่อมั่นให้ได้