JJNY : 5in1 ‘ภคมน’ซัด พท.│‘ศุภณัฐ’ปรี๊ดแตก ขยะเกลื่อน│พรึบอนุสาวรีย์ปชต.│Temu รุกทั้งอาเซียน│ฮิซบอลเลาะห์โจมตีฐานทัพเรือ

‘ภคมน’ ซัด พท.อย่าปัดความรับผิดชอบคดีตากใบ ขับออกจากพรรคยังไม่พอ ต้องตามตัวมาลงโทษด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4845496
 
 
ภคมน’ ซัด พท.อย่าปัดความรับผิดชอบคดีตากใบ ชี้เหตุเกิดตั้งแต่ไทยรักไทยเป็นรบ. ระบุการขับ พล.อ.พิศาลออกจากพรรคไม่เกี่ยวกับชีวิตปชช.

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า พรุ่งนี้ (15 ต.ค.) จะมีการประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อหารือว่าจะมีมติ ขับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกจากพรรค ในฐานะผู้ต้องคดีตากใบ หรือไม่

น.ส.ภคมนกล่าวว่า ตนเชื่อว่าสังคมไม่ได้ต้องการหรืออยากทราบว่า พรรคเพื่อไทยจะขับ พล.อ.พิศาลพ้นพรรคหรือไม่ แต่สิ่งที่สังคมกำลังจับตาคือพรรคเพื่อไทยจะมีความรับผิดชอบต่อคดีนี้อย่างไร พรรคเพื่อไทยมีความพยายามตามตัวจำเลยมารายงานตัวต่อศาลก่อนคดีหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ได้หรือไม่ต่างหาก

วันนี้ท่านจะขับหรือไม่ขับ พล.อ.พิศาล เป็นเรื่องของท่าน แต่ท่านจะจับตัวจำเลยมาได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ หรือสุดท้ายจะปล่อยให้ประวัติศาสตร์บันทึกว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไร้ความรับผิดรับชอบต่อคดีตากใบ ปล่อยจำเลยหลบหนีไปจนคดีหมดอายุความโดยไม่ทำอะไรเลย” น.ส.ภคมนกล่าว

น.ส.ภคมนกล่าวว่า จากการที่นายสมคิดระบุว่าขณะนี้เลขาธิการพรรคได้ประสาน พล.อ.พิศาล เพื่อหารือว่าจะลาออกจากพรรคเองหรือไม่ นั้นหมายความว่ามีการติดต่อพูดคุยกันได้ แล้วเหตุใดจึงไม่ดำเนินการในสิ่งที่ถูกที่ควร หากเป็นเช่นนี้ ดิฉันพูดได้หรือไม่ว่าท่านไม่มีความพยายามในการตามตัวจำเลยมาเข้ากระบวนการ

น.ส.ภคมนกล่าวว่า อีกหนึ่งประเด็นที่พรรคเพื่อไทยพยายามสื่อสารคือคดีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว ตนคิดว่าต้องมีความละอายและหยุดสื่อสารเช่นนี้ เพราะคดีนี้เป็นที่ทราบดีว่าเกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ดังนั้น อย่าปัดความรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชนเพียงเพราะจะฟอกขาวทางการเมืองเลย โดยสรุปอีก 10 วันข้างหน้า คดีตากใบกำลังจะหมดอายุความ ตนและประชาชนต้องการเห็นการแสดงความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทยต่อคดีดังกล่าวอย่างถึงที่สุด



‘ศุภณัฐ’ ปรี๊ดแตก ขยะเกลื่อนหมอชิต รฟท.เจ้าของพื้นที่ ไม่เหลียวแล เผย โทรหาผู้บริหาร 5 คน เปลี่ยนเบอร์-ไม่รับสาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4845860

‘ศุภณัฐ’ ปรี๊ดแตก ขยะเกลื่อนหมอชิต รฟท.เจ้าของพื้นที่ ไม่เหลียวแล เผยโทรหาผู้บริหาร 5 คน เปลี่ยนเบอร์-ไม่รับสายเลย แฉ 2 เดือนก่อนยังโทรมาของบ แต่ตอนนี้หายตัว

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน แชร์ภาพกองขยะรอบสถานีขนส่งหมอชิต พร้อมเขียนข้อความระบุลงใน X ว่า

ความไร้ศักยภาพ และ การเพิกเฉยต่อปัญหา ของ รมต.คมนาคม, ผู้บริหาร กระทรวงคมนาคม, การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ กรมการขนส่งทางบก ต่อปัญหากำแพงเพชร 6

ถนนกำแพงเพชร 6 เป็นถนนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่ที่ดินในความดูแลของ กทม. ทำให้ทางสำนักงานเขตจตุจักร เข้าไปดำเนินการให้เก็บขยะให้ไม่ได้ ต้องให้ รฟท.จัดการเก็บขยะในที่ของตน และเขตจตุจักร เมื่อได้รับเรื่องก็แจ้งกับทาง รฟท.หลายครั้งมากๆ (มีหลักฐานการออกหนังสือแจ้ง)

วันนี้ผมโทรหา ผู้บริหารระดับสูงของ รฟท. 5 คน แต่ทั้ง 5 คน ถ้าไม่เปลี่ยนเบอร์ ก็ไม่รับสาย ไม่ก็ปิดเบอร์ไปแล้ว

ซึ่งเป็นเรื่องตลกมาก เพราะเบอร์เหล่านี้ รฟท.เป็นคนให้มาเอง เมื่อ 2 เดือนก่อน ตอน รฟท.มาร้องของบประมาณ กับทางสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ไม่รู้ทำไม ตอนได้งบแล้ว เบอร์เหล่านี้กลับเลิกใช้, ปิดเบอร์, เปลี่ยนเบอร์ หรือโทรติดแต่ไม่รับสาย

(อย่างไรก็ดี ผมได้ควานหาเบอร์ จนท.ระดับกลางบางท่าน และโทรประสานเพื่อให้เร่งแก้ไขให้แล้ว แต่เนื่องจาก เขาไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูง การแก้ปัญหาอาจจะล่าช้า และไม่ยั่งยืน คงต้องอาศัย social ของพี่น้องประชาชนเข้ากดดัน แบบ #วัวหายล้อมคอก อย่างที่พวกเราทำมาตลอดแล้วหละครับ เพราะรัฐบาลนี้ เน้นแก้ปัญหาตามกระแส social ครับ)

ส่วนต้นเรื่องของปัญหา (คนทิ้งขยะ) คือพวกรถบัสที่เข้ามารับผู้โดยสารที่หมอชิต 2 ที่อยู่ในความดูแลของ บขส. ซึ่ง รฟท.ได้ร้องไปยังกรมการขนส่งทางบก และ บขส.แล้วหลายครั้ง แต่กรมการขนส่งทางบกก็ไม่จัดการผู้กระทำผิด ส่วน บขส.ก็ไม่ได้ช่วยอะไร

เดี๋ยวผมจะเอาหลักฐาน CCTV ของ รฟท.ไปแจ้งกับกรมการขนส่งทางบก ให้ปรับเงิน และยึดใบอนุญาต ผู้ประกอบการเหล่านี้ทั้งหมด เพราะกระทำการแบบนี้มาหลายครั้ง และกลายเป็นภาระของ รฟท. แต่กรมการขนส่งทางบกเกียร์ว่าง

วิธีแก้อีกส่วน คือ รฟท.ควรเร่งโอนถนนกำแพงเพชร 6 ให้ กทม.เนื่องจาก รฟท.ไม่มีศักยภาพในการดูแลถนน หรือทรัพย์สินหลายๆ ที่ในความดูแลของตนเอง ทั้งปล่อยให้ถนนพัง สายไฟโดนขโมยอยู่หลายครั้ง จนทำให้ กทม.ปฏิเสธไม่รับโอนถนน

ก่อนหน้านี้ทาง ส.ส.มีการแจ้งไปยัง รฟท.หลายครั้งว่าจะให้รีบแก้ไขและส่งมอบคืนได้ แต่ก็ผลัดวันมาเรื่อยๆ ไร้ความคืบหน้า แจ้งตรงกับ รมว.คมนาคม (สุริยะ) และ รมช.คมนาคม (สุรพงษ์) รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5 รอบ รับปาก สัญญาอย่างดี แต่สุดท้ายก็โดน จนท.หลอกไปเรื่อยๆ

ในฐานะผู้แทนราษฎร ผมอาจจะต้อง “#อภิปรายไม่ไว้วางใจ” รมต. คมนาคม ที่ไร้ศักยภาพในการทำงาน และไร้ความเด็ดขาด ปล่อยปละละเลย ไม่กำกับหน่วยงานที่อยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคม ให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานไม่ตรงกับแผนงานหลายครั้ง จนเป็นภาระกับประชาชน
 
https://x.com/BankSuphanatMin/status/1845437061165350942/history


 
พรึบอนุสาวรีย์ ปชต. เดินขบวนชู 3 นิ้ว รำลึกวีรชน แถลง 6 ข้อ ‘อย่าเตะถ่วง’ แก้รธน.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4846181

พรึบอนุสาวรีย์ ปชต. เดินขบวนชู 3 นิ้ว รำลึกวีรชน แถลง 6 ข้อ ‘อย่าเตะถ่วง’ แก้รธน.
 
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และเครือข่าย ได้แก่ โมกหลวงริมน้ำ, กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย, Milk Tea Alliance Thailand, Singhadang Feminists’ Club, Thai for Palestine, เฟมินิสต์คลับ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, Fenimism-Serii-Palestine และ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ร่วมกันจัดงานรำลึก 51 ปี 14 ตุลา
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการผลัดกันปราศรัยในประเด็นต่างๆ อย่างดุเดือด
 
กระทั่งเวลาประมาณ 16.50 น. นายเสกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ 14 ตุลา ตามหาเสรีภาพ ผนึกกำลังประชาชน จับมือปกป้องประชาธิปไตย
  
ความตอนหนึ่งดังนี้
 
การลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ของประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ประชาชนตื่นตัวในเรื่องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยอย่างกว้างขวางมีการจัดทำรัฐธรรมนูญ 2517 ที่ขยายสิทธิเสรีภาพประชาชนมากขึ้น นักศึกษา กรรมกร ชาวนา ได้รวมตัวกันต่อสู้เรียกร้องเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่น ค่าจ้างขั้นค่า สิทธิที่ดินทำกิน ความเสมอภาคเท่าเทียมทางเพศ สวัสดิการสังคม และ การสร้างสมานฉันท์ประชาชนระหว่างประเทศให้ได้มายิ่งเอกราช สันติภาพ แต่แล้วเครือข่ายอนุรักษ์นิยมก่อการรัฐประหารนองเลือด 6 ตุลาคม2519 ทำลายประชาธิปไตย สังคมไทยมืดมิดมีการปิดกั้นเสรีภาพและปราบปรามประชาชน
ในระยะเวลา 51 ปี ที่ผ่านมา สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำ คนรวยยิ่งรวยมากขึ้นและประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส กรรมกร ชาวนายากจนข้นแค้น เกิดความไม่เสมอภาคทางเพศ
 
ในด้านการเมือง แม้ว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ไร้เสถียรภาพ มีการรัฐประหารที่ประสบผลสำเร็จ 4 ครั้ง และ รัฐบาลเผด็จการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนหลายครั้ง แต่ลอยนวลพ้นผิด ขณะที่ประชาชน ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหารกลับถูกจับกุมคุมขัง ไม่ได้รับสิทธิประกันตัวและไม่มีการนิรโทษกรรมประชาชนซึ่งถูกดำเนินคดีไม่เป็นธรรม
 
ในโอกาสการรำลึก 51 ปี ของการลุกขึ้นสู้ประชาชนในเหตุการณ์ 14 ดุลาคม 2567 กลุ่มองค์กรตามรายชื่อท้ายนี้ ขอพรรดการเมืองที่เตะถ่วงหน่วงเหนี่ยวให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้าและขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
   
โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้
 
1. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับจากสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง 100%
 
2. นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทุกคดีรวมถึงคดีมาดรา 112 ไม่มีข้อยกเว้น และ นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ เป็นวาระเร่งด่วนในสภาผู้แทนราษฎร
 
3. รัฐบาลต้องน่าตัวจำเลย 7 คนในคดีความรุนแรงตากใบเข้าสู่พิจารณาของศาลก่อนหมดอายุความ 25 ตุลาคม 2567 นี้
 
4. รัฐบาลไทยต้องมีบทบาทต่อการสร้างสันติภาพและประชาธิปไตยนานาชาติ ด้วยการยุติการซื้ออาวุธและเทคโนโลยีจากอิสราเอลที่กำลังดำเนินการฆ่าลำลำงเผ่าพันธุ์ในปาเลสไตน์ รัฐบาลไทยให้การคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือมนุษยธธธรรมของประชาชนชาวเมียนมาที่ลี้ภัยจากรัฐเผด็จการและที่ต้องลี้ภัยสงคราม ให้ทุกหน่วยงานยุติการสร้างความเกลียดชังและแสวงหาผลประโยชน์จากความเปราะบางของคนเมียนมาในสภาวะสงคราม
 
5. รัฐบาลต้องเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ บังคับใช้กฎหมายแรงงาน จ่ายเงินค่าชดเชย นายจ้างปิดกิจการ รัฐบาลต้องลงนามอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ 87และ98 ประกันสิทธิการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานและการเจรจาต่อรอง ยกระดับสิทธิการลาคลอดได้ค่าจ้างเต็ม 180 วัน และเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถ้วนหน้าเดือนละ 1,000 บาท
 
6. รัฐบาลต้องใช้ที่ดินของรัฐเพื่อทำโครงการที่อยู่อยู่อาศัยก่อนการใช้ที่ดินเพื่อวัดฤประสงค์อื่น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยอย่างถ้วนหน้า ผลักดันการกระจายถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและคุ้มครองพื้นที่เกษดรกรรมเพื่อสังคม รวมไปถึงสิทธิชุมชนดามหลักพหุวัฒนธรรมและสิทธิสถานะบุคคลของคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ และกลุ่มชาติพันธุ์ 

ในวาระโอกาส 51 ปี 14 ตุลาคม จึงขอเรียกร้องต่อประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพในการผนึกกำลังกันต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ สร้างความเป็นธรรมในสังคม
 
จากนั้น เมื่อเวลา 17.00 น. โดยประมาณ มีการตั้งขบวนหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา บนถนนราชดำเนินกลาง โดยมีรถกระบะนำขบวนเดินเท้าของนักกิจกรรม อาทิ นายณัฐชนน ไพโรจน์ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, และ ‘เจ๊ป๊อกกี้’ เป็นต้น รวมถึงนางสาว ธิษะณา ชุณหะวัณ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนดังกล่าว ถือป้ายไวนิล และชูป้ายข้อความเรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญ , การนิรโทษกรรมประชาชน และประเด็นสิทธิเสรีภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม นำโดย พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับสน.ชนะสงคราม
 
ต่อมา เคลื่อนขบวนโดยยูเทิร์นไปยังหัวมุมถนนตะนาว แล้วมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเดินขบวนวนรอบอนุสาวรีย์ฯ
 
เวลา 17.20 น. มีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ร่วมกิจกรรมขึ้นไปยังตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของการปกป้องประชาธิปไตย โดยมีการคล้องแขนกัน สื่อถึงการปกป้องประชาธิปไตยดังเช่นเจตนารมณ์วีรชน 14 ตุลา พร้อมชูป้ายข้อความต่างๆ
 
ต่อมา เมื่อเวลา 17.30 น. ผู้ร่วมกิจกรรม ชู 3 นิ้วเคารพวีรชน 14 ตุลา แล้วร่วมกันร้องเพลง ‘แสงดาวแห่งศรัทธา’ ก่อนเปล่งเสียง ‘ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ปล่อยเพื่อนเรา’ แล้วประกาศจบกิจกรรมในเวลาราว 17.35 น.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่