49 เครือข่าย นักเรียนนักศึกษา ออกแถลงการณ์ ‘ตากใบต้องไม่เงียบ’ เรียกร้องรบ. ตามตัวจำเลยมาดำเนินคดี
https://www.matichon.co.th/education/news_4848244
49 เครือข่าย นักเรียนนักศึกษา ออกแถลงการณ์ ‘ตากใบต้องไม่เงียบ’ เรียกร้องรบ. ตามตัวจำเลยมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 15 ตุลาคม ที่วงเวียนนกสันติภาพ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส นักเรียน-นักศึกษา มีการนัดจัดกิจกรรม แถลงการณ์ ตากใบ ต้องไม่ลืม ฉบับที่ 1 โดย 49 ภาคีเครือข่ายร่วมลงนาม ประกอบด้วย
1.The Patani 2.ActLab 3.TUNE&CO. 4.ทะลุฟ้า 5.FreeArts 6.CAN ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ 7.กอผือรื้อเผด็จการ 8.Thumb Rights 9.กลุ่มด้วยใจ 10.มูลนิธิศักยภาพชุมชน 11.สหภาพคนทำงาน 12.We Fair 13.พรรครวมใจจันทน์กะพ้อ 14.พรรคกิจประชา 15.สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) 16.ภูพานปฏิวัติ 17.นิติซ้าย 18.เครือข่ายเยาวชนอิสระปาตานี-IRIS 19.คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) 20.เครือข่ายติดตามเฝ้าระวังโครงการพัฒนาปาตานี 21.กลุ่มไฟลามทุ่ง น.ศ.รามคำแหง 22.ภาคีSaveบางกลอย 23.บางกลอยคืนถิ่น 24.Free Pattani River 25.กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชนภาคใต้ (Law Long Beach) 26.กลุ่มนครเสรีเพื่อประชาธิปไตย 27.Secure Ranger 28.เครือข่ายคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม 29.มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
30.กำปั้นซ้าย 31.KNACK กลุ่มสนับสนุนสังคมประชาธิปไตยเพื่อความเป็นธรรมและเท่าเทียม 32.กลุ่มยุวธิปัตย์เพื่อสังคม 33.คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) 34.องค์กรสังคมนิยมแรงงาน 35.เรื่องหลังเขา 36.สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) 37.นักศึกษาและเยาวชนพิทักษ์สิทธิ์ Students and Young People Rights Defenders (SPRD) 38.ฝ่ายส่งเสริมมนุษยธรรมสากลและประชาธิปไตย อบจ. 39.เครือข่ายชาติพันธุ์ปลดแอก FIP 40.มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) 41.เฟมินิสต์ปลาแดก 42.คณะก่อการล้านนาใหม่ 43.นักกฎหมายคืนถิ่น 44.องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี Hap 45.NUSANTARA 46.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) 47.WARTANI 48.เครือข่ายประชาชนผดุงยุติธรรม (JAPIL) 49.Patani Art Space
สำหรับแถลงการ์ณ์ “ตากใบต้องไม่เงียบ ”ฉบับที่ 1 วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ในครั้งนี้ เนื่องจากเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2547 ถือเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงโดยรัฐที่ร้ายแรงครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปาตานี หรือจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การสลายการชุมนุมทางการเมืองของประเทศไทยที่มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งกรณีตากใบมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 85 คน อันส่งผลกระทบอย่างมากต่อความรู้สึก ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมและความเชื่อใจในระบบ การเมืองไทยของผู้คนในพื้นที่ปาตานี/จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งโศกนาฏกรรมตากใบเหลือเวลาอีกเพียง 10 วัน จะครบรอบ 20 ปี นั่นหมายถึงคดีความตากใบกำลังจะสิ้นสุดอายุความ โดยที่ไม่มีผู้ใดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผู้เสียหายในเหตุการณ์สลายการชุมนุมตากใบ จำนวน 48 คน ได้พยายามรวบรวมความกล้าหาญท่ามกลางความยากและซับซ้อนในการทวงคืนความยุติธรรมต่อเหตุการณ์ที่มีอำนาจรัฐเป็นผู้เกี่ยวข้องในบริบทปัญหาความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่ เพื่อเข้าไปร่วมแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุน ณ เวลานั้น
โดยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาสได้ประทับรับฟ้องจำเลยจำนวน 7 คน แต่จำเลยทั้ง 7 คนไม่ได้มาตามนัด ศาลจึงพิจารณาออกหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดนราธิวาสมีนัดสอบคำให้การในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้เสียหายจะเข้าถึงความยุติธรรม ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดไม่ได้มาตามนัด ศาลจังหวัดนราธิวาสจึงไม่สามารถดำเนินการพิจารณาคดีต่อได้ ศาลจังหวัดนราธิวาสจึงนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 28 ตุลาคม 2567 เพื่อสรุปคดีหรือลงคำสั่งศาลในครั้งสุดท้าย
โดยผู้เสียหายและพี่น้องประชาชนรู้สึกผิดหวังต่อรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตั้งคำถามถึงความพยายามในการจับกุมจำเลยทั้งหมดมายังศาลจังหวัดนราธิวาส หากคดีต้องสิ้นสุดอายุความลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นี้ โดยไม่สามารถจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำต่อประชาชน จะส่งผลด้านลบในระยะยาวต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ปาตานี หรือจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเป็นบรรทัดฐานสร้างวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดในสังคมไทยภาพรวม
อย่างไรก็ตาม เครือข่าย “ตากใบต้องไม่เงียบ” ขอร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการประสานงานทางการทูตต่อประเทศญี่ปุ่น ประเทศอังกฤษและประเทศอื่นๆ ที่คาดว่าจำเลยหลบหนีการจับกุม เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ทันก่อนคดีจะสิ้นสุดอายุความ รวมถึงขอให้รัฐบาลเพิ่มความพยายามในการดำเนินการเพื่อคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียหายจากโศกนาฏกรรมตากใบต่อไป
อดีตกกต. ข้องใจ 5 จุด หนังสือลาออกพิศาล เตือนจนท.สภาตรวจให้ดี ระวังเจอร้องหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4847684
อดีต กกต. เหน็บ เพื่อไทย ค้าขายไม่ยอมขาดทุน ปม “พิศาล” ลาออก ส.ส. ไม่ต้องแบกคำถามสังคมถึงความรับผิดชอบ แถมได้ที่นั่ง ส.ส.คืนมา ชี้เป็นการตัดไฟลามทุ่งก่อนไฟเผาบ้าน ชี้ 5 ข้อสังเกต หนังสือลาออก เตือนจนท.สภาตรวจให้ดี ระวังเจอร้องหนัก
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี พล.อ.
พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ผู้ต้องหาในคดีตากใบ ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า “ค้าขายไม่ยอมขาดทุน” พร้อมเห็นว่า การลาออกของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เป็นผู้ต้องหาคดีตากใบ และยังอยู่ระหว่างการหลบหนีไม่มารายงานตัวต่อศาล เพื่อรอการหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
เป็นการขายที่ไม่ยอมขาดทุนของพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้สังคมพยายามกดดันให้ผู้บริหารพรรคพยายามติดต่อกับบุคคลผู้นั้น แต่ก็ได้คำชี้แจงว่า ติดต่อไม่ได้ การกดดันให้พรรครับผิดชอบโดยให้มีมติขับออกจากพรรคจึงเกิดขึ้น และจบลงด้วยการมีจดหมายลาออกในวันนี้
การลาออก เป็นผลให้มีการเลื่อนลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคขึ้นมาทดแทน จึงเสียหนึ่งได้หนึ่งกลับคืนมา อีกทั้งพรรคไม่ต้องแบกคำถามของสังคมว่า จะดำเนินการอย่างไรกับ พล.อ.พิศาล ในฐานะเป็นสมาชิกพรรค “
การลาออกจึงมิใช่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่เป็นการดับไฟลามทุ่งที่ใกล้จะมาถึงบ้าน เราจึงเห็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มของแกนนำพรรคที่มาแถลงข่าวพร้อมจดหมายลาออกที่ดีใจว่าบ้านไม่ถูกเผา และยังมีสมาชิกอยู่ครบ บ้านนี้ เขามีวัฒนธรรมแบบนี้”
จากนั้น นาย
สมชัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก วิเคราะห์หนังสือลาออกของ พล.อ.พิศาล โดยมีเนื้อหาดังนี้
โคนันสมชัย วิเคราะห์หนังสือลาออกของ พล.อ.พิศาล
1.วันที่ลงในหัวจดหมาย คือ วันที่ 14 ตุลาคม 2567 วันที่รับเรื่องในตราประทับพรรคเพื่อไทย คือ วันที่ 14 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ แผนกสารบรรณของพรรคไม่น่าจะขยันเปิดในวันหยุด
2.ไม่มีลายเซ็น เจ้าหน้าที่รับ ในบรรทัดที่สามของตราประทับ โดยบรรทัดแรก Ref. No ระบุเลข 0942 บรรทัดสอง Date ระบุวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ส่วนบรรทัดที่ 3 Name ไม่มีลายเซ็นเจ้าหน้าที่รับ
3.คำลงท้าย ที่เขียนว่า ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง เป็นการเขียนที่ผิดระเบียบสารบรรณ เพราะคำดังกล่าว สงวนไว้สำหรับตำแหน่งสูงสุด 15 ตำแหน่งในประเทศไทยเท่านั้น การเขียนจดหมายถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องใช้คำลงท้าย คือ ขอแสดงความนับถือ ซึ่ง พล.อ.พิศาล รับราชการมาตลอดชีวิตต้องทราบ และไม่ควรใช้คำผิด
4.การระบุว่า มีตัวแทนมายื่น ไม่สามารถเชื่อได้ว่า เป็นหนังสือลาออกของ พล.อ.พิศาลจริง ยกเว้นมีหนังสือมอบอำนาจ สำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบและผู้รับมอบ พร้อมทั้งระบุที่อยู่ในการสอบถามกลับ
5.สำนักงานสภาผู้แทนฯ จึงควรแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนที่จะดำเนินการเลื่อน ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาแทน มิเช่นนั้น อาจถูกร้องว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้เกิดผลเสียหายได้ครับ.
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02c4VsTUJhDqzFMzz5zhhZwMsHpfafyPZFx2RVdHeoU83586twoDxjoswgaK2wWi4Gl
ส.ส.ประชาชน บี้รบ.อย่าทำเฉย ม็อบพีมูฟมาทวงสัญญา ทำปัญหาสั่งสม แนะส่งทีมชี้แจง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4848126
“เชตวัน” จี้รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน ชี้แจง-เจรจา “พีมูฟ” ไม่เงียบปล่อยปัญหาสั่งสม
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 นาย
เชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน กล่าวถึงการชุมนุมของ “
พีมูฟ” หรือ “
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม” ที่มีการประทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ในกิจกรรม “
ประกาศตามหาคนหาย ตามหาสัญญาที่ให้ไว้” เมื่อ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า “
พีมูฟ” ย่อมาจากภาษาอังกฤษ People Movement โดยชื่อไทยคือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ จากการละเมิดสิทธิ์ของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาล คสช.และรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. มีการดำเนินนโยบายที่ไปกระทบ ละเมิดสิทธิประชาชนเยอะมาก อาทิ นโยบายทวงคืนผืนป่าที่ไล่คนอยู่มาก่อนออกจากป่าโดยไม่มีการพิสูจน์ นับเป็นช่วงที่พีมูฟเข้าๆ ออกๆ ทำเนียบบ่อยมากๆ
“จ
ากรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. มาจนวันนี้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน สิ่งที่พีมูฟเคยทวงถามจากรัฐบาลก่อนๆ ก็นำกลับมาทวงถามในรัฐบาลนี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างการแต่งตั้ง “คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม” ซึ่งได้ยื่นกับนายกรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อ 24 กันยายน 2567 โดยมีสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัญมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนรับข้อเสนอ หนังสือดังกล่าว ไปกับพร้อมข้อเรียกร้องแก้ปัญหาประชาชนต่างๆ อาทิ กรณีปัญหาการฟ้องชาวบางกลอย จ.เพชรบุรี, กรณีไล่ทีชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล จนมีการชุมนุมครั้งแรกในรัฐบาลชุดนี้ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา”
เชตวันกล่าว
นาย
เชตวัน ระบุว่า จาก 7 ตุลาคม 2567 ถึง 14 ตุลาคม 2567 เป็นเวลาครบ 1 สัปดาห์พอดี ก็ยังไม่มีการพูดคุยเจรจาแต่อย่างใด ดังนั้น 14 ตุลาคม 2567 จึงมีการจัดกิจกรรม “
ประกาศตามหาคนหาย ตามหาสัญญาที่ให้ไว้” โดยเคลื่อนขบวนมวลชนจากบริเวณทำเนียบรัฐบาล ไปยังอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ก่อนที่จะกลับมาทำเนียบแล้วถูกเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำรถเสบียงอาหารเข้า นี่จึงเป็นเหตุกระทบกระทั่งเมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ โดยล่าสุดตำรวจอนุญาตให้ขนของเข้าไปได้ แต่รถเข้าไม่ได้
JJNY : 49 เครือข่าย นร.-นศ. แถลง‘ตากใบต้องไม่เงียบ’│อดีตกกต.ข้องใจ 5จุด│ส.ส.ประชาชน บี้รบ.│กะทิพุ่งโลร้อย ร้านขนมจีนโอด
https://www.matichon.co.th/education/news_4848244
49 เครือข่าย นักเรียนนักศึกษา ออกแถลงการณ์ ‘ตากใบต้องไม่เงียบ’ เรียกร้องรบ. ตามตัวจำเลยมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 15 ตุลาคม ที่วงเวียนนกสันติภาพ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส นักเรียน-นักศึกษา มีการนัดจัดกิจกรรม แถลงการณ์ ตากใบ ต้องไม่ลืม ฉบับที่ 1 โดย 49 ภาคีเครือข่ายร่วมลงนาม ประกอบด้วย
1.The Patani 2.ActLab 3.TUNE&CO. 4.ทะลุฟ้า 5.FreeArts 6.CAN ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ 7.กอผือรื้อเผด็จการ 8.Thumb Rights 9.กลุ่มด้วยใจ 10.มูลนิธิศักยภาพชุมชน 11.สหภาพคนทำงาน 12.We Fair 13.พรรครวมใจจันทน์กะพ้อ 14.พรรคกิจประชา 15.สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) 16.ภูพานปฏิวัติ 17.นิติซ้าย 18.เครือข่ายเยาวชนอิสระปาตานี-IRIS 19.คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) 20.เครือข่ายติดตามเฝ้าระวังโครงการพัฒนาปาตานี 21.กลุ่มไฟลามทุ่ง น.ศ.รามคำแหง 22.ภาคีSaveบางกลอย 23.บางกลอยคืนถิ่น 24.Free Pattani River 25.กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชนภาคใต้ (Law Long Beach) 26.กลุ่มนครเสรีเพื่อประชาธิปไตย 27.Secure Ranger 28.เครือข่ายคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม 29.มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
30.กำปั้นซ้าย 31.KNACK กลุ่มสนับสนุนสังคมประชาธิปไตยเพื่อความเป็นธรรมและเท่าเทียม 32.กลุ่มยุวธิปัตย์เพื่อสังคม 33.คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) 34.องค์กรสังคมนิยมแรงงาน 35.เรื่องหลังเขา 36.สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) 37.นักศึกษาและเยาวชนพิทักษ์สิทธิ์ Students and Young People Rights Defenders (SPRD) 38.ฝ่ายส่งเสริมมนุษยธรรมสากลและประชาธิปไตย อบจ. 39.เครือข่ายชาติพันธุ์ปลดแอก FIP 40.มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) 41.เฟมินิสต์ปลาแดก 42.คณะก่อการล้านนาใหม่ 43.นักกฎหมายคืนถิ่น 44.องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี Hap 45.NUSANTARA 46.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) 47.WARTANI 48.เครือข่ายประชาชนผดุงยุติธรรม (JAPIL) 49.Patani Art Space
สำหรับแถลงการ์ณ์ “ตากใบต้องไม่เงียบ ”ฉบับที่ 1 วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ในครั้งนี้ เนื่องจากเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2547 ถือเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงโดยรัฐที่ร้ายแรงครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปาตานี หรือจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การสลายการชุมนุมทางการเมืองของประเทศไทยที่มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งกรณีตากใบมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 85 คน อันส่งผลกระทบอย่างมากต่อความรู้สึก ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมและความเชื่อใจในระบบ การเมืองไทยของผู้คนในพื้นที่ปาตานี/จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งโศกนาฏกรรมตากใบเหลือเวลาอีกเพียง 10 วัน จะครบรอบ 20 ปี นั่นหมายถึงคดีความตากใบกำลังจะสิ้นสุดอายุความ โดยที่ไม่มีผู้ใดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผู้เสียหายในเหตุการณ์สลายการชุมนุมตากใบ จำนวน 48 คน ได้พยายามรวบรวมความกล้าหาญท่ามกลางความยากและซับซ้อนในการทวงคืนความยุติธรรมต่อเหตุการณ์ที่มีอำนาจรัฐเป็นผู้เกี่ยวข้องในบริบทปัญหาความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่ เพื่อเข้าไปร่วมแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุน ณ เวลานั้น
โดยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาสได้ประทับรับฟ้องจำเลยจำนวน 7 คน แต่จำเลยทั้ง 7 คนไม่ได้มาตามนัด ศาลจึงพิจารณาออกหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดนราธิวาสมีนัดสอบคำให้การในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้เสียหายจะเข้าถึงความยุติธรรม ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดไม่ได้มาตามนัด ศาลจังหวัดนราธิวาสจึงไม่สามารถดำเนินการพิจารณาคดีต่อได้ ศาลจังหวัดนราธิวาสจึงนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 28 ตุลาคม 2567 เพื่อสรุปคดีหรือลงคำสั่งศาลในครั้งสุดท้าย
โดยผู้เสียหายและพี่น้องประชาชนรู้สึกผิดหวังต่อรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตั้งคำถามถึงความพยายามในการจับกุมจำเลยทั้งหมดมายังศาลจังหวัดนราธิวาส หากคดีต้องสิ้นสุดอายุความลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นี้ โดยไม่สามารถจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำต่อประชาชน จะส่งผลด้านลบในระยะยาวต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ปาตานี หรือจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเป็นบรรทัดฐานสร้างวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดในสังคมไทยภาพรวม
อย่างไรก็ตาม เครือข่าย “ตากใบต้องไม่เงียบ” ขอร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการประสานงานทางการทูตต่อประเทศญี่ปุ่น ประเทศอังกฤษและประเทศอื่นๆ ที่คาดว่าจำเลยหลบหนีการจับกุม เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ทันก่อนคดีจะสิ้นสุดอายุความ รวมถึงขอให้รัฐบาลเพิ่มความพยายามในการดำเนินการเพื่อคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียหายจากโศกนาฏกรรมตากใบต่อไป
อดีตกกต. ข้องใจ 5 จุด หนังสือลาออกพิศาล เตือนจนท.สภาตรวจให้ดี ระวังเจอร้องหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4847684
อดีต กกต. เหน็บ เพื่อไทย ค้าขายไม่ยอมขาดทุน ปม “พิศาล” ลาออก ส.ส. ไม่ต้องแบกคำถามสังคมถึงความรับผิดชอบ แถมได้ที่นั่ง ส.ส.คืนมา ชี้เป็นการตัดไฟลามทุ่งก่อนไฟเผาบ้าน ชี้ 5 ข้อสังเกต หนังสือลาออก เตือนจนท.สภาตรวจให้ดี ระวังเจอร้องหนัก
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ผู้ต้องหาในคดีตากใบ ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า “ค้าขายไม่ยอมขาดทุน” พร้อมเห็นว่า การลาออกของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เป็นผู้ต้องหาคดีตากใบ และยังอยู่ระหว่างการหลบหนีไม่มารายงานตัวต่อศาล เพื่อรอการหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
เป็นการขายที่ไม่ยอมขาดทุนของพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้สังคมพยายามกดดันให้ผู้บริหารพรรคพยายามติดต่อกับบุคคลผู้นั้น แต่ก็ได้คำชี้แจงว่า ติดต่อไม่ได้ การกดดันให้พรรครับผิดชอบโดยให้มีมติขับออกจากพรรคจึงเกิดขึ้น และจบลงด้วยการมีจดหมายลาออกในวันนี้
การลาออก เป็นผลให้มีการเลื่อนลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคขึ้นมาทดแทน จึงเสียหนึ่งได้หนึ่งกลับคืนมา อีกทั้งพรรคไม่ต้องแบกคำถามของสังคมว่า จะดำเนินการอย่างไรกับ พล.อ.พิศาล ในฐานะเป็นสมาชิกพรรค “การลาออกจึงมิใช่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่เป็นการดับไฟลามทุ่งที่ใกล้จะมาถึงบ้าน เราจึงเห็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มของแกนนำพรรคที่มาแถลงข่าวพร้อมจดหมายลาออกที่ดีใจว่าบ้านไม่ถูกเผา และยังมีสมาชิกอยู่ครบ บ้านนี้ เขามีวัฒนธรรมแบบนี้”
จากนั้น นายสมชัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก วิเคราะห์หนังสือลาออกของ พล.อ.พิศาล โดยมีเนื้อหาดังนี้
โคนันสมชัย วิเคราะห์หนังสือลาออกของ พล.อ.พิศาล
1.วันที่ลงในหัวจดหมาย คือ วันที่ 14 ตุลาคม 2567 วันที่รับเรื่องในตราประทับพรรคเพื่อไทย คือ วันที่ 14 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ แผนกสารบรรณของพรรคไม่น่าจะขยันเปิดในวันหยุด
2.ไม่มีลายเซ็น เจ้าหน้าที่รับ ในบรรทัดที่สามของตราประทับ โดยบรรทัดแรก Ref. No ระบุเลข 0942 บรรทัดสอง Date ระบุวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ส่วนบรรทัดที่ 3 Name ไม่มีลายเซ็นเจ้าหน้าที่รับ
3.คำลงท้าย ที่เขียนว่า ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง เป็นการเขียนที่ผิดระเบียบสารบรรณ เพราะคำดังกล่าว สงวนไว้สำหรับตำแหน่งสูงสุด 15 ตำแหน่งในประเทศไทยเท่านั้น การเขียนจดหมายถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องใช้คำลงท้าย คือ ขอแสดงความนับถือ ซึ่ง พล.อ.พิศาล รับราชการมาตลอดชีวิตต้องทราบ และไม่ควรใช้คำผิด
4.การระบุว่า มีตัวแทนมายื่น ไม่สามารถเชื่อได้ว่า เป็นหนังสือลาออกของ พล.อ.พิศาลจริง ยกเว้นมีหนังสือมอบอำนาจ สำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบและผู้รับมอบ พร้อมทั้งระบุที่อยู่ในการสอบถามกลับ
5.สำนักงานสภาผู้แทนฯ จึงควรแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนที่จะดำเนินการเลื่อน ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาแทน มิเช่นนั้น อาจถูกร้องว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้เกิดผลเสียหายได้ครับ.
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02c4VsTUJhDqzFMzz5zhhZwMsHpfafyPZFx2RVdHeoU83586twoDxjoswgaK2wWi4Gl
ส.ส.ประชาชน บี้รบ.อย่าทำเฉย ม็อบพีมูฟมาทวงสัญญา ทำปัญหาสั่งสม แนะส่งทีมชี้แจง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4848126
“เชตวัน” จี้รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน ชี้แจง-เจรจา “พีมูฟ” ไม่เงียบปล่อยปัญหาสั่งสม
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน กล่าวถึงการชุมนุมของ “พีมูฟ” หรือ “ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม” ที่มีการประทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ในกิจกรรม “ประกาศตามหาคนหาย ตามหาสัญญาที่ให้ไว้” เมื่อ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า “พีมูฟ” ย่อมาจากภาษาอังกฤษ People Movement โดยชื่อไทยคือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ จากการละเมิดสิทธิ์ของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาล คสช.และรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. มีการดำเนินนโยบายที่ไปกระทบ ละเมิดสิทธิประชาชนเยอะมาก อาทิ นโยบายทวงคืนผืนป่าที่ไล่คนอยู่มาก่อนออกจากป่าโดยไม่มีการพิสูจน์ นับเป็นช่วงที่พีมูฟเข้าๆ ออกๆ ทำเนียบบ่อยมากๆ
“จากรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. มาจนวันนี้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน สิ่งที่พีมูฟเคยทวงถามจากรัฐบาลก่อนๆ ก็นำกลับมาทวงถามในรัฐบาลนี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างการแต่งตั้ง “คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม” ซึ่งได้ยื่นกับนายกรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อ 24 กันยายน 2567 โดยมีสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัญมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนรับข้อเสนอ หนังสือดังกล่าว ไปกับพร้อมข้อเรียกร้องแก้ปัญหาประชาชนต่างๆ อาทิ กรณีปัญหาการฟ้องชาวบางกลอย จ.เพชรบุรี, กรณีไล่ทีชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล จนมีการชุมนุมครั้งแรกในรัฐบาลชุดนี้ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา” เชตวันกล่าว
นายเชตวัน ระบุว่า จาก 7 ตุลาคม 2567 ถึง 14 ตุลาคม 2567 เป็นเวลาครบ 1 สัปดาห์พอดี ก็ยังไม่มีการพูดคุยเจรจาแต่อย่างใด ดังนั้น 14 ตุลาคม 2567 จึงมีการจัดกิจกรรม “ประกาศตามหาคนหาย ตามหาสัญญาที่ให้ไว้” โดยเคลื่อนขบวนมวลชนจากบริเวณทำเนียบรัฐบาล ไปยังอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ก่อนที่จะกลับมาทำเนียบแล้วถูกเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำรถเสบียงอาหารเข้า นี่จึงเป็นเหตุกระทบกระทั่งเมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ โดยล่าสุดตำรวจอนุญาตให้ขนของเข้าไปได้ แต่รถเข้าไม่ได้