JJNY : 5in1 กัณวีร์ขออย่ามองที่ญาติฟ้อง│12 จำเลยเผ่นแล้ว│ศาลอาญาคดีทุจริตรับคดี│หุ้นร่วงแรง│เล็งส่งทีมงานการทหารไปยูเครน

กัณวีร์  ขออย่ามองที่ญาติฟ้อง คดีตากใบ เป็นการเมือง เชื่อไม่ใช่จะดิสเครดิตรัฐบาล แต่เป็นความยุติธรรม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4859761


กัณวีร์ ขออย่ามองที่ญาติฟ้องคดีตากใบเป็นการเมือง เชื่อไม่ใช่จะดิสเครดิตรัฐบาล แต่เป็นความยุติธรรม เมื่อมีคนผิดก็ต้องนำมาลงโทษ

วันที่ 22 ตุลาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงคดีตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความในอีก 3 วัน ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 
โดยระบุว่า การยื่นฟ้องของญาติ 48 คน อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่ประชาชนคาดหวังสูงจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะกว่า 10 ปี ที่อยู่ในบรรยากาศของรัฐบาลจากการรัฐประหาร ประชาชนถูกกดทับจากกฎหมายพิเศษ ทำให้หลายคนหวาดกลัว แต่คดีตากใบ มีการเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมมาตลอด ไม่มีการหยุด

“รัฐบาล 20 ปีที่ผ่านมาต้องคิดว่าการนำสำนวนของอัยการมาสู่คดีอาญาทำไมถึงไม่เกิดขึ้น ในส่วนญาติที่ได้รับการเยียวยา และมีการนำมากล่าวอ้างว่า รับเงินไปแล้วจะมายื่นฟ้องไม่ได้ ผมต้องขอย้ำว่า เงินไม่สามารถเยียวยากระบวนการยุติธรรมได้ เพราะเมื่อมีคนทำผิด คนผิดต้องมารับโทษ” นายกัณวีร์กล่าว

นายกัณวีร์กล่าวว่า คดีนี้ครอบครัวผู้เสียหายเป็นคนรวมกลุ่มรวมพลัง มาฟ้องร้องโดยตัวบุคคล เพราะกระบวนการยุติธรรม เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และศาลจังหวัดนราธิวาสให้ความยุติธรรม ด้วยการออกหมายจับ

เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จากนายกฯทักษิณ และมาถึงนายกฯแพทองธาร เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องดึงความยุติธรรมมาสู่ประชาชน การแสดงความจริงใจต่อกรณีตากใบ จะสร้างสันติภาพเกิดขึ้นได้” นายกัณวีร์กล่าว

นายกัณวีร์กล่าวย้ำว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับญาติ ที่การริเริ่มในการยื่นฟ้องไม่ได้เกี่ยวกับการยุยงของใคร แต่เป็นความต้องการของญาติ ในฐานะที่ตนเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ ได้รับฟังข้อร้องเรียนของญาติ ซึ่งอย่างที่ทราบใน กมธ.มีหลายพรรคการเมือง เช่น นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.พรรคประชาชาติ เป็นประธาน เมื่อมีการสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้มีความเห็นว่า ญาติมีสิทธิฟ้องคดีอาญาได้ ญาติจึงได้ไปยื่นฟ้อง จนศาลมีหมายจับ

ประชาชนอยากเห็นว่ารัฐเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ถ้าประชาชนไม่สามารถพึ่งได้ ก็จะไม่สามารถสร้างสันติภาพได้เลย การเปิดพื้นที่สันติภาพเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำตั้งแต่แรก” นายกัณวีร์กล่าว

นายกัณวีร์กล่าวว่า ถ้าภาครัฐไม่สามารถผลักดันความยุติธรรมได้ ประชาชนก็ผิดหวัง และในฐานะรัฐบาลไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ และเรื่องนี้เป็นความมั่นคงของมนุษย์ในการคืนสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่การเมืองของฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ที่มาโจมตีกัน แต่เป็นความยุติธรรม เป็นรากเหง้าของปัญหา

อย่าไปพูดว่าพรรคนี้เป็นรัฐบาล เพราะอาจมีอดีต ส.ส.ของพรรครัฐบาล แล้วไปโยงการเมือง ไม่ใช่นะครับ คนที่ทำผิดต้องลงโทษ 
คนที่ได้รับผลกระทบมีสิทธิเรียกร้อง และเขาก็คาดหวังกับรัฐบาลมาจากประชาชน จะบอกได้”

นายกัณวีร์กล่าวย้ำว่า ถ้าตนเองเป็นผู้นำรัฐบาล จะยืนยันกับประชาชนว่าตั้งแต่วันนี้ แม้จะหมดอายุความ จะตามต่อไป แม้จำเลยจะหมดอายุความ แต่ต้องสื่อสารให้สังคมทราบว่าจะต้องหาความจริง ไม่สามารถให้ทุกคนลอยนวลได้

น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่รับข้อเสนอต่ออายุความ ที่ ครม.ไม่ออก พ.ร.ก.ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพราะอย่างน้อยจะสร้างความรู้สึกว่า มีเจตจำนงทางการเมืองในการแก้ปัญหาและนำมาซึ่งสันติภาพในพื้นที่ได้ เพราะอย่างที่เห็นว่าการเจรจาสันติภาพก็หยุดชะงักลงมาปีกว่าแล้ว

นายกัณวีร์กล่าวย้ำว่า เป็นความคาดหวังของประชาชนที่จะเห็นกลไกการติดตามจำเลยทุกคนมาให้ทันอายุความ เหลืออีก 3 วันแล้ว อยากเห็นจริงๆ ว่ารัฐบาลจะแสดงความจริงใจกับปัญหานี้จริงๆ



12 จำเลยคดีตากใบ เผ่นแล้ว ตร.ชุดจับรับกลางวงกมธ. คาดไปลาว ใช้เส้นทางธรรมชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4859860

‘กมธ.พัฒนาการเมือง วุฒิสภา’ ถก คดีตากใบก่อนหมดอายุความ ‘อัยการจังหวัด’ ชี้ หากหมดอายุความแล้วไม่สามารถฟ้องต่อได้ ขณะที่ ‘สุณัย  ผาสุก’ ลั่น ฐานข้อมูลอินเตอร์โพลไร้ชื่อ ‘พล.อ.พิศาล’ ในหมายแดง ‘หัวหน้างานซักถามศูนย์พิทักษ์สันติ สน.ภูธร ภาค 9’ รีบแจง ยันกองการต่างประเทศออกหมายเลขพร้อมติดต่อสถานทูตแล้ว
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนางอังคณา นีละไพจิตร สว. เป็นประธาน วาระเพื่อพิจารณาติดตามเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการลอยนวลพ้นผิด กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส
 
โดยมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง คือ 

1. สถานีตำรวจภูธรภาค 9 ได้แก่ พล.ต.ต.นิตินัย หลังหย่าหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, พ.ต.อ.รังสี มั่นจิตร หัวหน้างานซักถามศูนย์พิทักษ์สันติ และ พ.ต.ท.เสกสรรค์ คงคืน รองผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวนคดีความมั่นคง, 

2. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แก่ พ.ต.อ.จาระวิทย์ วงศ์ชัยกิตติพร รองผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน และ พ.อ.พีระพัชร์ บำรุงทินรัตน์ ผู้อำนวยการส่วนงานเสริมสร้างความมั่นคง,
 
3. สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้แก่ นายสรพงค์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง, 

4. สำนักงานอัยการภาค 9 ได้แก่ นายอารยะ กระโหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9, นายสินทวิชญ์ มโนภาส, นายปราการ สังขอินทรี, นายชัยชาญ ยมจินดา อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด,

นายสุณัย ผาสุก ผู้แทน Human Rights Watch Asia, Ms. Katia Chirizzi ผู้แทนข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก, นายดอน ปาทาน, นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก และรศ.เอกรินทร์ ต่วนศิริ ทั้งนี้ มีพล.ต.ต.สุนทร ขวัญเพ็ชร สว. และนายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เข้าร่วมรับฟังด้วย
 
โดย พล.ต.ต.นิตินัย กล่าวว่า ตั้งแต่มีหมายจับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงาน ได้ติดตามจับกุมทุกหน่วยงาน โดยได้ออกหมายแดงอินเตอร์โพลทั้ง 14 คนเป็นที่เรียบร้อย และล่าสุด ได้เดินทางไปพบรองผู้ว่าจังหวัดนครพนม เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหารายหนึ่งเพื่อให้มามอบตัว แต่ได้รับรายงานว่าขาดราชการ ไม่สามารถติดต่อได้ และทราบว่า หลบหนีไปยังประเทศลาว โดยคาดว่า ใช้ช่องทางธรรมชาติ
 
ด้าน นายชัยชาญ กล่าวว่า จากกรณีที่ทางอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ 8 คนจากคดีตากใบนั้น และได้มีการส่งกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และส่งกลับมาที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 สำนักงานอัยการภาค 9 และส่งกลับมาที่หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตน เมื่อรับสำนวนมาแล้วต้องแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหา 8 คนมาดำเนินคดีทำคู่ขนานไปกับพนักงานสอบสวน ตนไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งการสอบสวน นอกจากร่างฟ้อง จนกว่าจะได้ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน และรอว่า เมื่อถึงวันที่ 25 ตุลาคม
เวลา 16.00 น.ตามเวลาราชการ หากพนักงานสอบสวนสามารถนำตัวผู้ต้องหา 8 คนหรือคนใดคนหนึ่งมา ก็สามารถส่งฟ้องต่อได้เลย แต่หากเกินเวลาหรือตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมเป็นต้นไป คดีจะถือว่าขาดอายุความ ซึ่งหากคดีขาดอายุ พนักงานอัยการต้องสั่งยุติคดี เพราะไม่สามารถส่งต่อไปที่ศาลได้ และไม่ใช่อำนาจของอัยการปัตตานี แต่ต้องส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้สั่งยุติคดีอีกครั้ง จากนั้นจึงจะต้องส่งกลับมาที่อัยการปัตตานีเพื่อส่งแก้คดี แล้วแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบว่าคดีนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่สามารถส่งฟ้องศาลได้
 
ด้าน นายสุณัย กล่าวว่า คดีตากใบเป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนาดใหญ่โดยเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเมื่อเกิดขึ้นกลับไม่มีการรับผิดชอบจากผู้กระทำ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมองค์กรแห่งชาติทั้งหลายจึงให้ความสนใจและติดตามเรื่องนี้มาตลอด อย่างไรก็ตาม คดีตากใบยังเป็นความหวังว่าวงจรของการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนาดใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถถูกยับยั้งได้ ทั้งนี้ เราได้ไปคุยกับครอบครัวของผู้รอดชีวิต เขาบอกว่าการนำเท้าไปเหยียบกับกระบวนการยุติธรรม แม้เพียงครึ่งเท้าก็ยังดี
 
แต่ก็มีความหวัง การให้ความจริงกับเขาถือเป็นส่วนหนึ่งของความหวัง ตนจึงมีความหวังให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 วัน ซึ่งตนได้เช็กกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพลแล้ว กลับไม่พบว่าในฐานข้อมูลของอินเตอร์โพลยังไม่มีชื่อของพล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ย้ำว่า ผลที่ออกมาจะเป็นการตอกย้ำบรรทัดฐานว่า อย่างไรก็ตามเรายังไม่สามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้
 
ทั้งนี้ ผมมีความกังวลว่าการใช้กำลังของรัฐจะดำเนินต่อไป และรัฐสามารถกระทำกับประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร คำว่าตายจ่ายจบแล้ว ไม่ใช่การเยียวยา ส่วนคำพูดที่บอกว่ารับเงินไปแล้วก็จบ ยังไงก็ไม่จบเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งทดแทนความยุติธรรม” นายสุณัย กล่าว
 
ด้าน นายรอมฎอน ถามว่า จากที่ตำรวจภูธรภาค 9 อ้างว่า ได้ขอหมายแดง หรือ Red Notice ไปยังอินเตอร์โพล ให้ตามตัวผู้ต้องหาในคดีตากใบทั้ง 14 คนแล้ว แต่จากที่ตนเองได้ตรวจสอบหมายแดงทั้ง 6,681 คนจากทั่วโลก พบว่า รัฐบาลไทยร้องขอหมายจับไปเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีตากใบ แต่อย่างใด จึงไม่แน่ใจว่า คำชี้แจงต่อกรรมาธิการตกหล่นอย่างไร จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอีกครั้งในเวลานี้ และจึงชี้แจงต่อกรรมาธิการอีกครั้ง
 
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุดเท่าที่มี ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน เป็นไปได้ว่าจะอยู่สถานที่ไหน ขอให้เปิดเผยมาโดยไม่ต้องกลัวว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี เพราะเวลานี้ประชาชนต้องการรับทราบข้อมูลของผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเฉพาะอยู่ต่างประเทศกี่คน ประเทศใดบ้าง อยู่ในประเทศไทยกี่คน อยู่ที่ไหนบ้าง และมีจำเลยหรือผู้ต้องหาบางคนอยู่ในค่ายทหารหรือไม่ ซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่ของตำรวจ
 
ทั้งนี้ ยังขอตั้งคำถามด้วยว่า ทั้ง 14 คนนี้ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะคดีนี้มีเดิมพันที่สูงมากเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด มีทั้งผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ รวมถึงมีมาตรการคุ้มครองญาติของผู้เสียหายที่ฟ้องคดีอย่างไรหลังจากคดีหมดอายุความ และมีแนวคิดจะฟ้องร้องประชาชนที่กล้าหาญจะฟ้องร้องคดีนี้หรือไม่ อย่างไร
 
พ.ต.อ.รังสี ชี้แจงว่า วันที่ตนเองชี้แจงต่อ กมธ.การกฎหมายฯ เมื่อ 9 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าตำรวจภูธรภาค 9 ทำหนังสือถึงกองการต่างประเทศ ซึ่งขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองการต่างประเทศแจ้งว่าได้ประสานกับอินเตอร์โพล และตนได้แจ้งว่าออกหมายแดงแล้ว 14 ราย ยืนยันว่า กองการต่างประเทศได้ออกหมายเลขแล้วเรียบร้อย โดยบุคคล 2 คนที่ออกจากต่างประเทศอย่างถูกต้องคือสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น จึงได้ทำหนังสือถึงสถานทูตแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ กองสืบของแต่ละภูมิภาคได้แจ้งกลับมาว่า ไม่ปรากฏพบ คาดว่ามีการหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติ จึงทำหนังสือถึงกรมศุลกากร ซึ่งระเบียบปฏิบัติต้องอาศัยการประสานกับตำรวจท้องที่นั้นๆ ไม่สามารถจับกุมได้ทันที ส่วนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตนยังไม่ทราบ ขณะที่ผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการทหารนั้น ได้ตรวจค้นในค่ายทหารจังหวัดลำปางและแสดงหมายจับแล้ว แต่ก็ไม่ได้พบตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่