สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้เล็ก ๆ ของหนูนะคะ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สำคัญมากแต่ก็ขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านกันนะคะ
สิ่งที่หนูจะบอกกล่าวต่อไปนี้มันไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ จะเรียกว่ามันเป็นการ"ระบาย"ความรู้สึกมากกว่า
มันเป็นความรู้สึกอันหลากหลายที่เก็บมานานและวันนี้เป็นวันที่หนูไม่สามารถเก็บมันได้อีกต่อไป หากสิ่งที่หนูพิมพ์ไปในนี้สื่อไปทางที่ไม่ดีที่เด็กไม่ควรพูดก็ต้องขอโทษด้วย แต่มันหมดความอดทนแล้วจริง ๆ ค่ะ
ต้องขอเล่าเลยว่าหนูทำงานกับองค์กรหนึ่งที่เปิดร้านสะดวกซื้อและกระจายอยู่ทั่วประเทศ แน่นอนบอกแค่นี้ก็รู้ว่ามันคือเซเว่นที่ทุกคนรู้จัก
คนภายนอกอาจจะมองว่าทำงานเซเว่นสบายจะตาย ใช่ค่ะ ตอนนี้ตายแล้วเหลือแต่สบาย
แต่ไม่ใช่ความตายที่เป็นการเสียชีวิต แต่เป็นความตายของความรู้สึกและจิตใจต่างหากที่ตายจากไป ทำงานเซเว่นไม่ได้สบายอย่างที่หลายคนคิด พวกเราไม่ได้แค่คิดเงินอย่างที่ทุกคนเห็น แต่ต้องทำหลายอย่างในวันเดียว มันทั้งเหนื่อยกายและเหนื่อยใจและไม่ได้เหนื่อยแค่กับงานอย่างเดียว ต้องเหนื่อยกับคนอีกมามาย ทั้งลูกค้าที่มีทั้งดีและเรื่องมากและหยาบคาย
กับหัวหน้างานที่แย่อีก เพื่อนร่วมงานทุเรศก็มี บางคนอาจะคิดว่า "เจอแค่นี้ยังน้อยไป อดทนเดี๋ยวก็ดีเอง"
และมันใช่ สำหรับคนที่ผ่านโลกมาเยอะเจอแค่นี้คงมองว่าน้อยไป แค่เอาคำว่าอดทนมาค่อยพยุงตัวเองให้ผ่านไปแต่ละวันก็ได้แล้ว แต่สำหรับหนูมันไม่ได้ค่ะ แค่คิดว่าต้องอดทนให้ตัวเองอยู่รอดไปได้ในแต่ละวันมันเหนื่อยมากสำหรับเด็กอายุ17คนนี้
มาถึงตอนนี้ทุกคนอาจจะสงสัยว่า อายุ17แต่ทำงานเซเว่นได้ยังไง?
ต้องบอกว่าหนูไม่ได้ไปทำงานเซเว่นในฐานะพนักงาน แต่เข้าไปทำงานเซเว่นในฐานะเด็กฝึกงานค่ะ และสิ่งที่ต้องเจอในแต่ละวันมันแย่มากสำหรับหนู ต้องเจอทั้งคนที่แย่ไปจนถึงแย่มาก คนดีๆ จะโผล่มาแค่ไม่กี่ครั้ง
และที่แย่ที่สุดที่เคยเจอก็คือผู้จัดการร้านที่ค่อยจับผิดและค่อยต่อว่าด่าหนูทุกวัน ทำเหมือนหนูไปฆ่าคนมาทั้งไปที่หนูยังไม่ได้ทำอะไรให้ หนูจะขอไม่เอ่ยชื่อร้านสาขาที่หนูทำงานในปัจจุบันนะคะ
ที่ไม่บอกเพราะไม่ได้เป็นการป้องกันให้กับ องค์กร เพราะองค์กรนี้ไม่ได้ให้อะไรเลยและไม่ได้รู้สึกว่ารักมันเลยสักนิด แต่เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองมากกว่าค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าเซเว่นที่หนูทำงานอยู่นี้ไม่ได้ดีมาก โดยเฉพาะสังคมที่ทุกคนในร้านใส่หน้ากากเข้าหากัน คนมีพวกก็รอดไป ใครที่อยู่คนเดียวก็เป็นเหยื่อ
และเหยื่อที่หนูหมายถึงคือตัวหนูเองค่ะ หนูเข้ามาทำงานเซเว่นสาขานี้ได้ไม่นานเพราะพึ่งย้ายจากกรุงเทพมาทำใกล้บ้านเกิดเพราะคุณลุงเกิดอุบัติเหตุทำให้กลายเป็นผู้พิการติดเตียง และไม่ค่อยมีคนดูแลตัวหนูจึงของย้ายเพราะจะได้ลดค่าใช้จ่ายในบ้าน
.
เริ่มวันแรกที่ไปทำงาน คนในสาขาดีมากกับหนู แต่ยกเว้นผู้จัดการร้าน เริ่มงานวันแรกก็มีท่าทางไม่ชอบหนูเลย ทั้งสายตา ทั้งคำพูดมันชัดเจนมาก แต่หนูก็พยามคิดในแง่ดีไว้ ว่าเขาอาจจะเป็นคนที่เข้ากับใครไม่เก่ง
แต่มันไม่ใช่ การแสดงออกของเขามันชัดเจนมากว่าเขา อคติกับหนูมาก กับคนอื่นเขาจะพูดดีกว่าตลอด แต่กับหนูเขาจะพูดแย่ๆใส่ ไม่เว้นแม้แต่อยู่ต่อหน้าลูกค้าในร้าน มีเรื่องเล็กน้อยก็มักจะโทษหนูทั้งที่หนูยังไม่ทำอะไรเลย
ทำงานกับสาขานี้ได้สองเดือนโดนด่าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
เวลาพัก หนูนั่งพักไม่ถึง5นาทีก็โดนด่า แต่คนอื่นนั่งเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นโดนด่า โดนแบบนี้ทุกวันคจนจิตใจเริ่มไม่ไหว เคยเลิกงานแล้วไปนั่งร้องไห้ที่สวนสาธารณะก็มี เคยเล่าให้คนรอบข้างฟังสิ่งที่ได้กลับมาคือ อดทน เดี๋ยวก็ผ่านไปได้
หนูเอาคำว่าอดทนพยุงตัวเองมาตลอด จนตอนนี้ความอดทนมันถึงขีดจำกัดจริงๆ อดทนมาตลอดทั้งแต่ปี1ที่เป็นเด็กฝึกหน้าใหม่ จนตอนนี้ปี3ใกลเเรียนจบแล้ว อดทนมาตลอดไม่เคยบ่น เพราะบ่นไปก็ไม่มีใครฟัง
เมื่อวันก่อนมีญาติที่หนูสนิทเขาเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว แต่ที่บ้านไม่มีใครว่างไปรับศพเลยเพราะวุ่นวายกับการเตรียมงานและทำเรื่องแจ้งตาย เลยมีแค่หนูที่พอจะไปรอรับศพกลับบ้านได้เพราะที่เซเว่นที่ทำงานมันใกล้โรงพยาบาล
วันนั้นหนูเลย ไปบอกผู้จัดการว่า" ขอลาไปรับศพญาติได้มั้ยคะ เพราะญาติเสียไม่มีใครไปรอรับศพ "ที่กล้าไปลาเพราะวันนั้นพนักงานค่อนข้างเยอะมาก บางคนเดินเล่นชิ่วๆ ได้เลย
ถ้าคุณไม่เห็นการตายเป็นเรื่องเล่นคุณคงไม่ติดใจอะไร แต่สิ่งที่หนูได้คือคำพูดที่เสียดแทงหัวใจจากคนที่เป็นหัวหน้างาน
"ตายแล้วยังไง จะไปตายกับเขาหรือไง ถ้าอยากตายก็ไปตายเลย" พร้อมหัวเราะคิกคัก นี้หรือคำพูดที่ออกมาจากปากของคนเป็นหัวหน้า? พูดตรงๆว่าตอนนั้นหนูร้องไห้จริงๆ เป็นครั้งแรกที่ร้องไห้ในที่ทำงาน พี่ๆคนอื่นเห็นเขาก็เดินเข้ามาปลอบ แต่ก็โดนผู้จัดการว่า "จะไปปลอบมันทำไม สำออยจริงๆ จะไปก็ไปสิ เดียวมันจะไก้ตายอีกคน"
หนูออกมาจากที่ทำงานร้องไห้ทั้งที่ขับรถอยู่ รู้ว่ามันอันตรายและไม่ควรทำแต่ทำไงได้ อยู่บนถนนแล้วก็ต้องไปต่อ ไปถึงโรงพยาบาลนั่งรอรับศพญาติ ร้องไห้น้ำตาซึมไม่หยุด นั่งเหม่อและร้องไห้ไป ใครเดินผ่านก็ถาม หนูร้องไห้ทำไม? แต่มันตอบไม่ได้เพราะใจมันพังไปหมด ทั้งจิตใจละความรู้สึกมันแตกสลายไม่เหลืออะไรแล้ว
นั่งอยู่นานมาก จนรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆ หันไปพบว่าเป็นหมอจิตแพทย์ เขาเดินมามองแล้วบอกว่า ร้องไห้เลยเดี๋ยวหมออยู่ข้างๆ เอง ตอนนั้นปล่อยโฮออกมาไม่หยุด เล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งที่ไม่รู้จักกันแท้ๆ หมอบอก น่าสงสารอยู่ในวัยที่กำลังสดใสแท้ๆ นั่งคุยกับหมอจนรู้สึกดีขึ้นมานิดนึ่ง
หมอให้กำำลังใจแล้วบอกว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็โทนมานะ พร้อมให้เบอร์ติดต่อแล้วก็เดินไป แล้วหนุก็ไปรับศพญาติ งานศพผ่านไปด้วยดี หนูลางานไปสามวัน พอกลับไปทำงานก็ไม่วายโดนผู้จัดการด่าอีก แต่หนูไม่ได้สนใจ ได้แต่ปล่อยผ่านแม้จะโดนด่าทั้งวัน
อ่านกันมันถึงตรงนี้แล้วหนูต้องขอบคุณมากที่เสียเวลามาอ่าน แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มากแต่ก็ขอบคุณที่เขามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณที่มาอ่านเรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้นกับหนู
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน