ตอนวัยเด็ก น่าจะก่อนเข้าเรียนประถมต้น ย่าพาไปเที่ยวงานวัด เห็นแม่ค้า ตักอะไรไม่รู้สีเหลืองๆนิดเดียวใส่ลงในกระทะ แล้วก็วนๆ
ก็กลายเป็นแผ่นใหญ่มากๆ ในความเป็นเด็กมองว่ามันเหมือนการเล่นกล เสกของเล็กๆให้ใหญ่ขึ้นมาได้ และกินได้ด้วย
กัมบอล เฝ้ามองดูการกระทำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ของคนขายเรียกได้ว่าดูแบบตาค้าง และเจ้าสิ่งนั่นคือขนมเบื้องญวน ย่าไม่ได้ซื้อให้กินนะคะ
แต่บอกว่าไว้แล้วจะทำให้กิน


ย่าก็ทำให้กิน แต่จำได้แต่เพียงว่า ย่าบอกว่าที่เขาขายไม่มีกุ้ง มีแต่มะพร้าวผัดใส่สี ตอนย่าทำดูมันยากจัง ทั้งแผ่นแป้งและไส้ เพราะต้อง
ใช้กุ้งแม่น้ำ มาผัดกับมะพร้าวและปรุงรส เป็นความทรงจำ ที่จำมาตลอดถึงการร่อนแผ่นแป้งของแม่ค้า โตมายังสับสนกับขนมเบื้อง
ชื่อมันคล้ายๆกัน แต่มันต่างกันระหว่างขนมเบื้องญวน กับขนมเบื้อง ตอนนี้รู้แล้วนะคะ
มาอีกเที่ยวอีกงานหนึ่ง มาเจอคนขายสายไหมน้ำตาล นี้ก็ทำให้ตาค้าง ยืนนิ่งไม่ไปเที่ยวตรงไหนเลย

เหมือนต้องมนต์สะกดของคนขายอีกแล้ว แค่เทอะไรไม่รู้เป็นผงๆลงไป ในกาละมัง ที่หมุนไม่หยุดก็ออกมาเป็นขนมหวาน เหมือนสำลีสีสวย
รสชาติหวานหอม นั่นคือครั้งแรกที่ได้เห็น ความแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น มันคือความมหัศจรรย์ ที่ได้เห็นด้วยตา ไม่ใช่เพียงรูปภาพสวยๆ
ในหนังสือ ที่ยังอ่านไม่คล่อง ได้แต่ดูภาพที่สวยงาม โตมาไม่เคยกินเลย เพราะไม่ชอบกินหวาน ตอนเด็กๆกินได้ไงไม่รู้
พอเดินมาใกล้ๆ แถวซุ้มยิงปืน เจอข้าวเกรียบว่าว นี้ก็ยืนดูแบจ้องตาไม่กระพริบ เอามือพลิกไปมา จากแผ่นแป้งเล็กๆ ก็กลายเป็นแผ่นใหญ่
คนขายเล่นกลแน่ๆ เมื่อก่อนจำได้ว่า คนขายไม่ได้มีแค่ข้าวเกรียบว่าขาย จะมีข้าวเกรียบงาด้วย และก็ข้าวเกรียบรูปต่าง ปู ปลาสีสวยมาก
แต่โตมาไม่เคยเห็นข้าวเกรียบรูปสัตว์ต่างๆอีกเลย
ในของกินเล่น 3 อย่างนี้มีข้าวเกรียบว่าว ข้าวเกรียบงา หรือข้าวเกรียบที่ใส่มะพร้าว หรือข้าวเกรียบต่างๆที่แต่ละจังหวัดทำจากข้าวเจ้า
ข้าวเหนียว กัมบอลยังหาซื้อกินตลอด เจอเป็นต้องซื้อ ผิดกับขนมเบื้องญวณ สายไหมน้ำตาล กลายเป็นว่าไม่ค่อยได้กิน
หรือมีความถวิลหาเท่าไร ทั้งๆในความทรงจำวัยเด็ก ชอบไปยืนดูคนขายทำ ทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยวงานวัด
แต่ละท่าน เคยมีความทรงจำวัยเด็ก ที่รู้สึกทึ่งและแปลกใจมหัศจรรย์ กับของกิน หรืออะไรมั่งค่ะ เล่าสู่กันฟังค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมกระทู้ค่ะ
ในวัยเด็ก มีของกิน หรืออะไรที่คุณเจอครั้งแรก แล้วรู้สึกมันทึ่งมากๆ + มหัศจรรย์
ก็กลายเป็นแผ่นใหญ่มากๆ ในความเป็นเด็กมองว่ามันเหมือนการเล่นกล เสกของเล็กๆให้ใหญ่ขึ้นมาได้ และกินได้ด้วย
กัมบอล เฝ้ามองดูการกระทำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ของคนขายเรียกได้ว่าดูแบบตาค้าง และเจ้าสิ่งนั่นคือขนมเบื้องญวน ย่าไม่ได้ซื้อให้กินนะคะ
แต่บอกว่าไว้แล้วจะทำให้กิน
ย่าก็ทำให้กิน แต่จำได้แต่เพียงว่า ย่าบอกว่าที่เขาขายไม่มีกุ้ง มีแต่มะพร้าวผัดใส่สี ตอนย่าทำดูมันยากจัง ทั้งแผ่นแป้งและไส้ เพราะต้อง
ใช้กุ้งแม่น้ำ มาผัดกับมะพร้าวและปรุงรส เป็นความทรงจำ ที่จำมาตลอดถึงการร่อนแผ่นแป้งของแม่ค้า โตมายังสับสนกับขนมเบื้อง
ชื่อมันคล้ายๆกัน แต่มันต่างกันระหว่างขนมเบื้องญวน กับขนมเบื้อง ตอนนี้รู้แล้วนะคะ
มาอีกเที่ยวอีกงานหนึ่ง มาเจอคนขายสายไหมน้ำตาล นี้ก็ทำให้ตาค้าง ยืนนิ่งไม่ไปเที่ยวตรงไหนเลย
เหมือนต้องมนต์สะกดของคนขายอีกแล้ว แค่เทอะไรไม่รู้เป็นผงๆลงไป ในกาละมัง ที่หมุนไม่หยุดก็ออกมาเป็นขนมหวาน เหมือนสำลีสีสวย
รสชาติหวานหอม นั่นคือครั้งแรกที่ได้เห็น ความแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น มันคือความมหัศจรรย์ ที่ได้เห็นด้วยตา ไม่ใช่เพียงรูปภาพสวยๆ
ในหนังสือ ที่ยังอ่านไม่คล่อง ได้แต่ดูภาพที่สวยงาม โตมาไม่เคยกินเลย เพราะไม่ชอบกินหวาน ตอนเด็กๆกินได้ไงไม่รู้
พอเดินมาใกล้ๆ แถวซุ้มยิงปืน เจอข้าวเกรียบว่าว นี้ก็ยืนดูแบจ้องตาไม่กระพริบ เอามือพลิกไปมา จากแผ่นแป้งเล็กๆ ก็กลายเป็นแผ่นใหญ่
คนขายเล่นกลแน่ๆ เมื่อก่อนจำได้ว่า คนขายไม่ได้มีแค่ข้าวเกรียบว่าขาย จะมีข้าวเกรียบงาด้วย และก็ข้าวเกรียบรูปต่าง ปู ปลาสีสวยมาก
แต่โตมาไม่เคยเห็นข้าวเกรียบรูปสัตว์ต่างๆอีกเลย
ในของกินเล่น 3 อย่างนี้มีข้าวเกรียบว่าว ข้าวเกรียบงา หรือข้าวเกรียบที่ใส่มะพร้าว หรือข้าวเกรียบต่างๆที่แต่ละจังหวัดทำจากข้าวเจ้า
ข้าวเหนียว กัมบอลยังหาซื้อกินตลอด เจอเป็นต้องซื้อ ผิดกับขนมเบื้องญวณ สายไหมน้ำตาล กลายเป็นว่าไม่ค่อยได้กิน
หรือมีความถวิลหาเท่าไร ทั้งๆในความทรงจำวัยเด็ก ชอบไปยืนดูคนขายทำ ทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยวงานวัด
แต่ละท่าน เคยมีความทรงจำวัยเด็ก ที่รู้สึกทึ่งและแปลกใจมหัศจรรย์ กับของกิน หรืออะไรมั่งค่ะ เล่าสู่กันฟังค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมกระทู้ค่ะ