นักบุญเอเฟรม ชาวซีเรีย เป็นสังฆานุกร (Deacon) ชาวซีเรีย🇸🇾 , นักประพันธ์เพลงสวดภาษาซีรีแอก (Syriac - ܣܘܪܝܝܐ) และนักเทววิทยาแห่งศตวรรษที่ 4 ที่มีผลงานเป็นภาษามากมาย ท่านได้รับการยกย่องจากคริสตชนทั่วโลกในฐานะนักบุญ
นักบุญเอเฟรมได้ประพันธ์เพลงสวด , บทกวี และบทเทศน์ในรูปแบบร้อยกรอง รวมถึงแบบร้อยแก้วเพื่ออธิบายพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นผลงานทางเทววิทยาเชิงปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างพระศาสนจักรในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ผลงานของท่านได้รับความนิยมอย่างมาก จนกระทั่งหลายศตวรรษหลังจากที่ท่านเสียชีวิต นักเขียนที่เป็นคริสตชนได้เขียนงานเขียนเทียมในชื่อท่านหลายร้อยชิ้น ผลงานของนักบุญเอเฟรมเป็นพยานถึงรูปแบบแรกของศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นแนวคิดแบบตะวันตกมีบทบาทน้อยมาก ท่านได้รับการยกย่องว่า เป็นปิตาจารย์ที่สำคัญที่สุดของธรรมประเพณีของพระศาสนจักรที่ใช้ภาษาซีรีแอก
🇸🇾 ชีวิตของนักบุญเอเฟรม
วัดนักบุญยากอบ เมือง Nisibis (Saint Jacob's Church Nisibis) ที่เพิ่งขุดค้นใหม่ในเมือง Nisibis ซึ่งนักบุญเอเฟรมเคยเทศน์สอนและปฏิบัติพันธกิจ
นักบุญเอเฟรมเกิดเมื่อประมาณปี ค.ศ. 306 ในเมือง Nisibis (ในปัจจุบันคือ เมืองNusaybin ของประเทศตุรกี🇹🇷 ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนประเทศซีเรีย🇸🇾 ซึ่งเพิ่งตกไปอยู่ในมือของชาวโรมันในปี ค.ศ. 298) หลักฐานภายในจากบทเพลงสวดของนักบุญเอเฟรมชี้ให้เห็นว่า ทั้งบิดา-มารดาของท่านเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนคริสตชนที่เติบโตในเมือง แม้ว่าในเวลาต่อมา นักเขียนชีวประวัติของนักบุญเอเฟรมจะเขียนว่า บิดาของเขาเป็นนักบวชของลัทธิเพแกนก็ตาม ชาวเมือง Nisibis ในสมัยของนักบุญเอเฟรมพูดภาษาต่างๆมากมาย โดยส่วนใหญ่เป็นภาษาถิ่นอาราเมอิก (Aramaic) ชุมชนคริสตชนใช้ภาษาถิ่นซีรีแอก เป็นวัฒนธรรมของลัทธิเพแกน , ศาสนายิว และนิกายต่างๆคริสตชนยุคแรก
“ยากอบ (Jacob)” เป็นบิชอปคนแรกของเมือง Nisibis ได้รับการแต่งตั้งในปีค.ศ. 308 และนักบุญเอเฟรมเติบโตขึ้นภายใต้การนำของเขาในชุมชน บิชอปยากอบแห่งNisibis ได้รับการบันทึกว่า เป็นผู้ลงนามใน “สภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียครั้งที่ 1 (First Council of Nicea)” ในปีค.ศ. 325 นักบุญเอเฟรมรับศีลล้างบาปตั้งแต่เด็กและเกือบจะแน่นอนว่า กลายเป็นบุตรแห่งพระสัญญา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาของฤาษีชาวซีเรียในยุคแรก บิชอปยากอบแต่งตั้งนักบุญเอเฟรมให้เป็นอาจารย์ ท่านได้รับศีลบวชให้เป็นสังฆานุกรตอนรับศีลล้างบาปหรือในภายหลัง ท่านเริ่มประพันธ์เพลงสวดและเขียนอธิบายพระคัมภีร์เป็นส่วนหนึ่งของตำแหน่งที่ท่านเป็นอาจารย์ ในเพลงสวดของท่าน บางครั้งท่านอ้างถึงตัวเองว่าเป็น "คนเลี้ยงสัตว์" เรียกบิชอปของท่านว่าเป็น "นายชุมพาบาล" และเรียกชุมชนของท่านว่าเป็น "คอก" นักบุญเอเฟรมได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่า เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนของเมือง Nisibis ซึ่งในศตวรรษต่อมาเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของพระศาสนจักรแห่งตะวันออก (Church of the East - ܥܕܬܐ ܕܡܕܢܚܐ) หรือเรียกว่า พระศาสนจักรอัสซีเรีย (Assyrian Church) / พระศาสนจักรเนสโตเรียน (Nestorian Church)
บิชอปยากอบแห่ง Nisibis (Bishop Jacob of Nisibis) หรือ นักบุญยากอบแห่ง Nisibis (Saint Jacob of Nisibis) หรือเรียกว่า นักบุญยากอบผู้ยิ่งใหญ่ (Saint Jacob the Great) - ܝܥܩܘܒ ܢܨܝܒܢܝܐ - Ἅγιος Ἰάκωβος Ἐπίσκοπος Μυγδονίας;
สภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียครั้งที่ 1 (First Council of Nicea - Σύνοδος τῆς Νικαίας)
ในปีค.ศ. 337 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 (Constantine I) ผู้ซึ่งประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมายและสนับสนุนศาสนาคริสต์ในจักรวรรดิโรมันได้สิ้นพระชนม์ จักรพรรดิชาปูร์ที่ 2 (Shapur II) ใช้โอกาสนี้ในการโจมตีทางตอนเหนือดินแดนเมโสโปเตเมียของจักรวรรดิโรมันอยู่หลายครั้ง เมือง Nisibis ถูกล้อมในปีค.ศ. 338 , 346 และ 350 ในระหว่างการล้อมครั้งแรก นักบุญเอเฟรมยกย่องบิชอปยากอบว่า เป็นผู้ปกป้องเมืองด้วยคำภาวนาของท่าน ในการล้อมครั้งที่ 3 ในปีค.ศ. 350 นักบุญเอเฟรมได้เปลี่ยนเส้นทางของแม่น้ำ Jaghjagh (Jaghjagh River - ܢܗܕܐ ܕܔܩܔܩ [ชาวกรีกโบราณเรียกแม่น้ำนี้ว่า “Μυγδόνιος - มิกโดนิออส - Mygdonius”] - نهرالجغجغ หรือ نهر جقجق) เพื่อทำลายกำแพงเมือง Nisibis ชาวเมือง Nisibis ซ่อมแซมกำแพงอย่างรวดเร็วในขณะที่กองทหารช้างของจักรวรรดิเปอร์เซียติดอยู่ในพื้นที่ที่เปียกชื้น นักบุญเอเฟรมเฉลิมฉลองสิ่งที่ท่านเห็นว่า เป็นการช่วยเมืองให้รอดอย่างอัศจรรย์ในบทเพลงสรรเสริญซึ่งบรรยายเมือง Nisibis เหมือนกับเรือโนอาห์ที่ลอยไปสู่ที่ปลอดภัยบนน้ำที่ท่วมโลก
จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 (Constantine I) ผู้ซึ่งประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมายและสนับสนุนศาสนาคริสต์ในจักรวรรดิโรมัน
จักรพรรดิชาปูร์ที่ 2 (Shapur II)
การเชื่อมโยงทางกายภาพที่สำคัญอย่างหนึ่งกับช่วงชีวิตของนักบุญเอเฟรม คือ ศีลล้างบาปแห่งเมือง Nisibis ในจารึกระบุว่า ถูกสร้างขึ้นภายใต้การปกครองของบิชอปVologeses ในปีค.ศ. 359 ในปีนั้น จักรพรรดิชาปูร์ได้โจมตีอีกครั้ง เมืองต่างๆรอบๆเมือง Nisibis ถูกทำลายไปทีละแห่ง และชาวเมืองของเมืองเหล่านั้นก็ถูกฆ่าหรือถูกเนรเทศออกไป จักรพรรดิคอนสแตนเชียสที่ 2 (Constantius II) ไม่สามารถตอบโต้ได้การรณรงค์ของ จักรพรรดิ Julianended สิ้นสุดลงด้วยการสิ้นพระชนม์ในสนามรบกองทัพของพระองค์ได้เลือก Jovian เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ และเพื่อช่วยเหลือกองทัพของพระองค์ พระองค์จึงถูกบังคับให้ยอมมอบเมือง Nisibis ให้แก่จักรวรรดิเปอร์เซียและอนุญาตให้ขับไล่ประชากรที่เป็นคริสตชนทั้งหมดออกไป
จักรพรรดิคอนสแตนเชียสที่ 2 (Constantius II)
นักบุญเอเฟรมและคริสตชนคนอื่นๆ เดินทางไปหาเมือง Amida - ܐܡܝܕ - Ἄμιδα (เมือง Diyarbakır - دیاربكر) ก่อน และในที่สุดก็ตั้งรกรากที่เมือง Edessa - Ἔδεσσα (ปัจจุบันคือ เมืองชานลึอูร์ฟา - Şanlıurfa หรือเรียกว่า อูร์ฟา - Urfa) ในปี ค.ศ. 363 นักบุญเอเฟรมซึ่งอายุใกล้ 50 ปี ได้อุทิศตนให้กับพันธกิจในวัดแห่งใหม่ และดูเหมือนว่าจะยังคงทำงานเป็นอาจารย์ต่อไป อาจจะเป็นในโรงเรียนของเมือง Edessa เมืองEdessa เป็นศูนย์กลางของชาวโลกที่พูดภาษาซีรีแอกเสมอมา และเมืองนี้ก็เต็มไปด้วยปรัชญากับศาสนาที่เป็นคู่แข่งกัน นักบุญเอเฟรมกล่าวว่า คริสตชนนิกายออร์โธด็อกซ์ที่ยอมรับสภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียถูกเรียกว่า 'Palutians' ในเมือง Edessa ตามชื่ออดีตของบิชอป
Arians , Marcionites , Manichees , Bardaisanites และผู้ทรงปัญญาจากนิกายต่างๆ ประกาศพวกตนว่าเป็นพระศาสนจักรที่แท้จริง ในความสับสนนี้ นักบุญเอเฟรมได้เขียนเพลงสวดจำนวนมากเพื่อปกป้องความเป็นคริสตชนนิกายออร์โธด็อกซ์ที่ยอมรับสภาสังคายนาสากลแห่งไนเซีย นักเขียนชาวซีเรียคนต่อมาชื่อ ยากอบแห่ง Serugh (ܝܥܩܘܒ ܣܪܘܓܝܐ) เขียนว่า นักบุญเอเฟรมซ้อมคณะนักขับร้องหญิงล้วนเพื่อร้องเพลงสวดที่แต่งด้วยทำนองพื้นเมืองภาษาซีรีแอกในที่ประชุมของเมือง Edessa หลังจากอาศัยอยู่ที่เมือง Edessa เป็นเวลา 10 ปี นักบุญเอเฟรมในวัย 60 กว่าปี ก็เสียชีวิตจากโรคระบาดในขณะที่ท่านดูแลผู้ป่วย วันที่เสียชีวิตที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุดคือวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 373
ยากอบแห่ง Serugh (Jacob of Serugh - ܝܥܩܘܒ ܣܪܘܓܝܐ) นักเขียนชาวซีเรีย
ชีวประวัติ นักบุญ เอเฟรม ชาวซีเรีย (Saint Ephrem the Syrian - ܡܪܝ ܐܦܪܝܡ ܣܘܪܝܝܐ) (أفرام السرياني)
นักบุญเอเฟรม ชาวซีเรีย เป็นสังฆานุกร (Deacon) ชาวซีเรีย🇸🇾 , นักประพันธ์เพลงสวดภาษาซีรีแอก (Syriac - ܣܘܪܝܝܐ) และนักเทววิทยาแห่งศตวรรษที่ 4 ที่มีผลงานเป็นภาษามากมาย ท่านได้รับการยกย่องจากคริสตชนทั่วโลกในฐานะนักบุญ
นักบุญเอเฟรมได้ประพันธ์เพลงสวด , บทกวี และบทเทศน์ในรูปแบบร้อยกรอง รวมถึงแบบร้อยแก้วเพื่ออธิบายพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นผลงานทางเทววิทยาเชิงปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างพระศาสนจักรในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ผลงานของท่านได้รับความนิยมอย่างมาก จนกระทั่งหลายศตวรรษหลังจากที่ท่านเสียชีวิต นักเขียนที่เป็นคริสตชนได้เขียนงานเขียนเทียมในชื่อท่านหลายร้อยชิ้น ผลงานของนักบุญเอเฟรมเป็นพยานถึงรูปแบบแรกของศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นแนวคิดแบบตะวันตกมีบทบาทน้อยมาก ท่านได้รับการยกย่องว่า เป็นปิตาจารย์ที่สำคัญที่สุดของธรรมประเพณีของพระศาสนจักรที่ใช้ภาษาซีรีแอก
🇸🇾 ชีวิตของนักบุญเอเฟรม
วัดนักบุญยากอบ เมือง Nisibis (Saint Jacob's Church Nisibis) ที่เพิ่งขุดค้นใหม่ในเมือง Nisibis ซึ่งนักบุญเอเฟรมเคยเทศน์สอนและปฏิบัติพันธกิจ
นักบุญเอเฟรมเกิดเมื่อประมาณปี ค.ศ. 306 ในเมือง Nisibis (ในปัจจุบันคือ เมืองNusaybin ของประเทศตุรกี🇹🇷 ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนประเทศซีเรีย🇸🇾 ซึ่งเพิ่งตกไปอยู่ในมือของชาวโรมันในปี ค.ศ. 298) หลักฐานภายในจากบทเพลงสวดของนักบุญเอเฟรมชี้ให้เห็นว่า ทั้งบิดา-มารดาของท่านเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนคริสตชนที่เติบโตในเมือง แม้ว่าในเวลาต่อมา นักเขียนชีวประวัติของนักบุญเอเฟรมจะเขียนว่า บิดาของเขาเป็นนักบวชของลัทธิเพแกนก็ตาม ชาวเมือง Nisibis ในสมัยของนักบุญเอเฟรมพูดภาษาต่างๆมากมาย โดยส่วนใหญ่เป็นภาษาถิ่นอาราเมอิก (Aramaic) ชุมชนคริสตชนใช้ภาษาถิ่นซีรีแอก เป็นวัฒนธรรมของลัทธิเพแกน , ศาสนายิว และนิกายต่างๆคริสตชนยุคแรก
“ยากอบ (Jacob)” เป็นบิชอปคนแรกของเมือง Nisibis ได้รับการแต่งตั้งในปีค.ศ. 308 และนักบุญเอเฟรมเติบโตขึ้นภายใต้การนำของเขาในชุมชน บิชอปยากอบแห่งNisibis ได้รับการบันทึกว่า เป็นผู้ลงนามใน “สภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียครั้งที่ 1 (First Council of Nicea)” ในปีค.ศ. 325 นักบุญเอเฟรมรับศีลล้างบาปตั้งแต่เด็กและเกือบจะแน่นอนว่า กลายเป็นบุตรแห่งพระสัญญา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาของฤาษีชาวซีเรียในยุคแรก บิชอปยากอบแต่งตั้งนักบุญเอเฟรมให้เป็นอาจารย์ ท่านได้รับศีลบวชให้เป็นสังฆานุกรตอนรับศีลล้างบาปหรือในภายหลัง ท่านเริ่มประพันธ์เพลงสวดและเขียนอธิบายพระคัมภีร์เป็นส่วนหนึ่งของตำแหน่งที่ท่านเป็นอาจารย์ ในเพลงสวดของท่าน บางครั้งท่านอ้างถึงตัวเองว่าเป็น "คนเลี้ยงสัตว์" เรียกบิชอปของท่านว่าเป็น "นายชุมพาบาล" และเรียกชุมชนของท่านว่าเป็น "คอก" นักบุญเอเฟรมได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่า เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนของเมือง Nisibis ซึ่งในศตวรรษต่อมาเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของพระศาสนจักรแห่งตะวันออก (Church of the East - ܥܕܬܐ ܕܡܕܢܚܐ) หรือเรียกว่า พระศาสนจักรอัสซีเรีย (Assyrian Church) / พระศาสนจักรเนสโตเรียน (Nestorian Church)
บิชอปยากอบแห่ง Nisibis (Bishop Jacob of Nisibis) หรือ นักบุญยากอบแห่ง Nisibis (Saint Jacob of Nisibis) หรือเรียกว่า นักบุญยากอบผู้ยิ่งใหญ่ (Saint Jacob the Great) - ܝܥܩܘܒ ܢܨܝܒܢܝܐ - Ἅγιος Ἰάκωβος Ἐπίσκοπος Μυγδονίας;
สภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียครั้งที่ 1 (First Council of Nicea - Σύνοδος τῆς Νικαίας)
ในปีค.ศ. 337 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 (Constantine I) ผู้ซึ่งประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมายและสนับสนุนศาสนาคริสต์ในจักรวรรดิโรมันได้สิ้นพระชนม์ จักรพรรดิชาปูร์ที่ 2 (Shapur II) ใช้โอกาสนี้ในการโจมตีทางตอนเหนือดินแดนเมโสโปเตเมียของจักรวรรดิโรมันอยู่หลายครั้ง เมือง Nisibis ถูกล้อมในปีค.ศ. 338 , 346 และ 350 ในระหว่างการล้อมครั้งแรก นักบุญเอเฟรมยกย่องบิชอปยากอบว่า เป็นผู้ปกป้องเมืองด้วยคำภาวนาของท่าน ในการล้อมครั้งที่ 3 ในปีค.ศ. 350 นักบุญเอเฟรมได้เปลี่ยนเส้นทางของแม่น้ำ Jaghjagh (Jaghjagh River - ܢܗܕܐ ܕܔܩܔܩ [ชาวกรีกโบราณเรียกแม่น้ำนี้ว่า “Μυγδόνιος - มิกโดนิออส - Mygdonius”] - نهرالجغجغ หรือ نهر جقجق) เพื่อทำลายกำแพงเมือง Nisibis ชาวเมือง Nisibis ซ่อมแซมกำแพงอย่างรวดเร็วในขณะที่กองทหารช้างของจักรวรรดิเปอร์เซียติดอยู่ในพื้นที่ที่เปียกชื้น นักบุญเอเฟรมเฉลิมฉลองสิ่งที่ท่านเห็นว่า เป็นการช่วยเมืองให้รอดอย่างอัศจรรย์ในบทเพลงสรรเสริญซึ่งบรรยายเมือง Nisibis เหมือนกับเรือโนอาห์ที่ลอยไปสู่ที่ปลอดภัยบนน้ำที่ท่วมโลก
จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 (Constantine I) ผู้ซึ่งประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมายและสนับสนุนศาสนาคริสต์ในจักรวรรดิโรมัน
จักรพรรดิชาปูร์ที่ 2 (Shapur II)
การเชื่อมโยงทางกายภาพที่สำคัญอย่างหนึ่งกับช่วงชีวิตของนักบุญเอเฟรม คือ ศีลล้างบาปแห่งเมือง Nisibis ในจารึกระบุว่า ถูกสร้างขึ้นภายใต้การปกครองของบิชอปVologeses ในปีค.ศ. 359 ในปีนั้น จักรพรรดิชาปูร์ได้โจมตีอีกครั้ง เมืองต่างๆรอบๆเมือง Nisibis ถูกทำลายไปทีละแห่ง และชาวเมืองของเมืองเหล่านั้นก็ถูกฆ่าหรือถูกเนรเทศออกไป จักรพรรดิคอนสแตนเชียสที่ 2 (Constantius II) ไม่สามารถตอบโต้ได้การรณรงค์ของ จักรพรรดิ Julianended สิ้นสุดลงด้วยการสิ้นพระชนม์ในสนามรบกองทัพของพระองค์ได้เลือก Jovian เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ และเพื่อช่วยเหลือกองทัพของพระองค์ พระองค์จึงถูกบังคับให้ยอมมอบเมือง Nisibis ให้แก่จักรวรรดิเปอร์เซียและอนุญาตให้ขับไล่ประชากรที่เป็นคริสตชนทั้งหมดออกไป
จักรพรรดิคอนสแตนเชียสที่ 2 (Constantius II)
นักบุญเอเฟรมและคริสตชนคนอื่นๆ เดินทางไปหาเมือง Amida - ܐܡܝܕ - Ἄμιδα (เมือง Diyarbakır - دیاربكر) ก่อน และในที่สุดก็ตั้งรกรากที่เมือง Edessa - Ἔδεσσα (ปัจจุบันคือ เมืองชานลึอูร์ฟา - Şanlıurfa หรือเรียกว่า อูร์ฟา - Urfa) ในปี ค.ศ. 363 นักบุญเอเฟรมซึ่งอายุใกล้ 50 ปี ได้อุทิศตนให้กับพันธกิจในวัดแห่งใหม่ และดูเหมือนว่าจะยังคงทำงานเป็นอาจารย์ต่อไป อาจจะเป็นในโรงเรียนของเมือง Edessa เมืองEdessa เป็นศูนย์กลางของชาวโลกที่พูดภาษาซีรีแอกเสมอมา และเมืองนี้ก็เต็มไปด้วยปรัชญากับศาสนาที่เป็นคู่แข่งกัน นักบุญเอเฟรมกล่าวว่า คริสตชนนิกายออร์โธด็อกซ์ที่ยอมรับสภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียถูกเรียกว่า 'Palutians' ในเมือง Edessa ตามชื่ออดีตของบิชอป
Arians , Marcionites , Manichees , Bardaisanites และผู้ทรงปัญญาจากนิกายต่างๆ ประกาศพวกตนว่าเป็นพระศาสนจักรที่แท้จริง ในความสับสนนี้ นักบุญเอเฟรมได้เขียนเพลงสวดจำนวนมากเพื่อปกป้องความเป็นคริสตชนนิกายออร์โธด็อกซ์ที่ยอมรับสภาสังคายนาสากลแห่งไนเซีย นักเขียนชาวซีเรียคนต่อมาชื่อ ยากอบแห่ง Serugh (ܝܥܩܘܒ ܣܪܘܓܝܐ) เขียนว่า นักบุญเอเฟรมซ้อมคณะนักขับร้องหญิงล้วนเพื่อร้องเพลงสวดที่แต่งด้วยทำนองพื้นเมืองภาษาซีรีแอกในที่ประชุมของเมือง Edessa หลังจากอาศัยอยู่ที่เมือง Edessa เป็นเวลา 10 ปี นักบุญเอเฟรมในวัย 60 กว่าปี ก็เสียชีวิตจากโรคระบาดในขณะที่ท่านดูแลผู้ป่วย วันที่เสียชีวิตที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุดคือวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 373
ยากอบแห่ง Serugh (Jacob of Serugh - ܝܥܩܘܒ ܣܪܘܓܝܐ) นักเขียนชาวซีเรีย